24 เมษายน 2567

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 24/04/2024

 #คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล

 

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

 

ถ้าคุณยอมรับและเข้าใจแล้วว่า

จิตวิญญาณคุณขันอาสาพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ

ข้ามมิติเข้ามาเกิดเป็น “คนสองมิติ” อยู่ในระบบโลก

ภายในเอกภพที่เป็นเสมือนห้องทดลองของพระองค์

เพื่อจะคนตนเองในสองมิติให้เป็นหนึ่งเดียวกันให้ได้

เมื่อเป็นหนึ่งเดียวกันได้แล้วจึงจะเรียกว่า #มนุษย์

 

คำว่า #เป็นหนึ่งเดียวกันในสองมิติ ในที่นี้หมายถึง

จิตหยาบจะต้องสามารถสั่นสะเทือนเป็นหนึ่งเดียวกัน

กับจิตวิญญาณผู้เป็นตัวตนแก่นแท้ของตนเองได้

โดยการเข้าถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันดังกล่าวนี้

มันคือสิ่งที่เราเรียกว่า “คน” ให้เข้ากันนั่นเอง

 

วิธีการยกระดับแรงสั่นสะเทือน

ระหว่างจิตหยาบกับจิตวิญญาณให้เป็นหนึ่งเดียวกัน

ก็คือทุกวันเวลาในยามตื่นตั้งแต่คุณอายุได้สามขวบ

คุณต้องเรียนรู้ที่จะรักตัวเองรักพ่อแม่รักทุกคนทุกสิ่ง

ด้วยความรักที่ซื่อใสบริสุทธิ์ไม่มีกิเลสแอบแฝงให้ได้

ในทุกเงื่อนไขที่เป็นสิ่งเร้าทั้งภายนอกภายในตนเอง

 

สิ่งเร้าต่างๆจากภายนอก

อาจถูกส่งผ่านเข้ามาทางตาหูจมูกลิ้นและกายสัมผัส

ซึ่งตัวคุณสับเปลี่ยน “หมุนเวียน” ใช้มันเพื่อรับข้อมูล

แล้วส่งรหัสข้อมูลจากอายตนะภายนอกทั้งห้านั้น

เข้าไปยัง “จิตหยาบ” ที่อยู่ข้างในให้รับรู้กันอีกทีหนึ่ง

 

สิ่งเร้าภายในก็คือสิ่งที่จิตหยาบนึกออกนึกเอานึกเอง

เมื่อนึกแล้วก็ปลุกเร้าตนเองให้เกิดการรับรู้สิ่งนั้นขึ้น

 

จิตหยาบของคุณ

เมื่อถูกปลุกเร้าจากการรับรู้สิ่งเร้านั้นไม่ว่าแบบไหน

มันจะสั่นสะเทือนขึ้นเพื่อ #การรับเอา สิ่งนั้นเสมอ

แต่การรับเอาที่ถูกต้องเหมาะสมดีงามสมควรทำก็คือ

คุณต้องรับเอาสิ่งเร้านั้นมาเพื่อ #การเรียนรู้ เท่านั้น

โดยต้องเรียนรู้ด้วยวัตถุประสงค์ 3 อย่าง คือ

 

1.เรียนรู้ว่ามันคืออะไร เป็นอะไร อย่างไรและทำไม

2.เรียนรู้แล้วคุณต้องรักมันให้ได้แม้ว่ามันจะไม่น่ารัก

3.เรียนรู้แล้วต้องสงบระงับโดยวางจิตเป็นอุเบกขา

 

คำว่า “อุเบกขา” ในที่นี้เราหมายถึง

คุณต้องไม่ตกเป็นทาสการยั่วยุเมื่อเป็นสิ่งเร้าด้านลบ

โดยคุณต้องไม่มีคำว่าไม่ชอบไม่มีคำว่าไม่พึงพอใจ

หรือไม่ตกเป็นทาสการเย้ายวนเมื่อเป็นสิ่งเร้าด้านบวก

โดยคุณต้องไม่มีคำว่าชอบหรือคำว่าพึงพอใจเด็ดขาด

 

เพราะการชอบหรือไม่ชอบ

การพอใจหรือไม่พอใจ

ที่เกิดขึ้นมาภายในจิตหยาบของคุณนั้น

มันคือสิ่งที่เรียกว่า #ความรู้สึก ซึ่งเป็นกิเลสมาร

ที่จะทำให้จิตหยาบของคุณสั่นสะเทือนผิดจากปกติ

โดยแรงสั่นสะเทือนของจิตหยาบจะตกต่ำลงทันที

ซึ่งพวกคุณเรียกกันว่าเกิดอาการ “จิตตก” นั่นแหละ

 

อาการจิตตกชั่วคราวนี้

มันคือสภาวะจิตที่สั่นสะเทือนในย่านความถี่ต่ำ

ขณะที่ในยามปกติถ้าคุณไม่มีสิ่งเร้ามายั่วยุเย้ายวน

สภาวะจิตของคุณจะสั่นสะเทือนอยู่ในย่านความถี่สูง

จิตหยาบที่สั่นสะเทือนในย่านความถี่สูงก็คือจิตสงบ

ไม่ต่างจากเส้นลวดราวตากผ้าที่ขึงเอาไว้จนตึงนั้น

สองตาเปล่าของคุณอาจจะมองเห็นว่ามันนิ่งสงบสงัด

แต่โมเลกุลเส้นลวดนั้นมันกำลังสั่นด้วยความถี่สูงอยู่

 

หรือถ้าคุณดีดลวดเส้นนั้นแรงๆ

มันจะสั่นสะเทือนขึ้นๆลงๆด้วยความถี่สูงได้

แรกๆที่ทำให้มันสั่นสะเทือนคุณจะมองเห็นว่ามันสั่น

แต่ในที่สุดสองตาของคุณจะเห็นว่าสั่นเป็นเส้นตรง

เพราะมันกำลังสั่นสะเทือนสูงสุดจนเหมือนว่าไม่สั่น

 

สภาวะของจิตหยาบก็เช่นเดียวกันกับลวดราวตากผ้า

ยามใดที่จิตหยาบของคุณอยู่ในความสงบระงับนั้น

จิตก็กำลังสั่นสะเทือนในย่านความถี่สูงถึงสูงสุดอยู่

ถ้าสงบมากก็สูงสุดถ้าสงบน้อยก็ไม่ค่อยสูงเท่าใดนัก

 

คนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่านิสัยเคยตัวหรือสันดานที่ไม่ดีนั้น

เมื่อรับรู้สิ่งใดแล้วจะหยิบสิ่งนั้นมาเป็นเงื่อนไขเสมอ

ตรงนี้เองที่ทำให้มีการ “หมุนกรรมจักร” ขึ้นมาทันที

เช่นถ้าเกิดความรู้สึกไม่พอใจมากก็จะโกรธมาก

หากรู้สึกไม่พอใจมากจนสุดขีดก็จะโกรธแค้นอาฆาต

 

ถ้าเป็นแค่โกรธก็เป็นการหมุนกรรมจักรในตนเอง

ที่ทำให้จิตหยาบยกระดับแรงสั่นสะเทือนสูงขึ้นไม่ได้

กับก่อให้เกิดบุรพกรรมหรือวิบากกรรมขึ้นมาด้วย

เพราะสอบตกบททดสอบจิตสามนึกแห่งรักรายวัน

ที่คนรอบข้างคนนั้นช่วยหยิบยื่นมาให้

 

แต่ถ้าถึงขั้นโกรธแค้นอาฆาตรุนแรงกว่าปกติ

นอกจากใครคนนั้นจะหมุนกรรมจักรในตนเองขึ้นมา

จนก่อวิบากกรรมเพราะสอบตกบททดสอบแล้ว

ยังจะทำให้เกิด #ชะตากรรม ที่เป็น “กรรมสัมพันธ์”

กับคู่กรณีคนนั้นๆผู้สร้างเงื่อนไขให้อีกต่างหากด้วย

 

คุณเห็นหรือยังว่า...

ถ้าต้องเป็นสัตว์สังคมโดยมีผู้คนรอบข้างมากมาย

ถ้ารักจะเป็นคนชอบธรรมด้วยการเลียนแบบนักบวช

คุณก็จะเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ไม่ได้อย่างแน่นอน

เพราะการเรียนรู้ที่จะเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์และสมดุล

ด้วยบทเรียนต่างๆที่จิตวิญญาณของคุณถือติดตัวมา

จากการสอบผ่านบททดสอบรายวันในแต่ละบท

ทั้งยากและง่ายถูกคุณหลีกเลี่ยงเบี่ยงหนีไปหมด

จากการปลีกวิเวกและแกล้งทำเป็นอายตนะพิการ

จนไม่อาจปลดการเกี่ยวกรรมกับคู่เวรคู่กรรมได้เลย

 

กราบพระบาทพระบิดาที่ทรงเมตตา

เอเมน สาธุ

#ปัญญาวิสุทธิ์

24/04/2567