#คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
เพราะองค์จิตจักรวาลทรงกำหนดสร้างให้โลก
ทำหน้าที่ค้ำจุนความสมดุลของ “เอกภพ”
โดยเอกภพเป็น “ห้องทดลอง” ใหญ่ของพระองค์
โลกจะเสียสมดุลไม่ได้ในทุกมิติและพิกัดดำรงอยู่
จิตวิญญาณของพวกคุณและสัตว์ประจำโลก
จึงขันอาสาพระองค์ข้ามมิติเข้ามาเกิด
เพื่อทำหน้าที่ใช้จิตกับเครื่องยนต์แห่งกรรมของตน
ร่วมกันผลิตสร้างพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กออกมา
มอบให้กับ “แกนแม่เหล็กโลก”
เพื่อทำให้โลกหมุน
โดยโลกจะต้องหมุนรอบตัวเองได้อย่างต่อเนื่อง
ด้วยอัตราความเร็ว 24
ชั่วโมง ต่อรอบให้คงที่ตลอด
ระบบโลกจึงจะเกิดความสมดุลในทุกมิติอยู่ได้
จิตวิญญาณของสัตว์ประจำโลก
เป็นรูปธรรมผู้ขันอาสากลุ่มแรกที่เข้ามาทำหน้าที่
ร่วมกับป่าไม้ใหญ่ใบดกที่มีแต่พลังงานเป็นแก่นแท้
ไม่มีจิตวิญญาณเข้ามาเกิดเหมือนสัตว์ทั้งหลาย
รูปธรรมมนุษย์โลกเท่านั้นที่จิตวิญญาณมาเกิดแล้ว
ได้ถือพันธะสัญญา 6
ที่ให้สัจจะไว้กับพระองค์
ติดตัวมาเกิดในเอกภพทำหน้าที่อยู่ในระบบโลกด้วย
โดยที่สัตว์ประจำโลกทั้งหลายไม่ได้ถือติดตัวมา
เฉกเช่นเดียวกันกับสิ่งมีชีวิตในระบบดาวดวงอื่นๆ
นัยสำคัญของพันธะสัญญา 6
ก็คือ
จะต้องเป็นเพื่อนร่วมงานกับดาวเคราะห์โลก
ทั้งพวกคุณสัตว์ประจำโลกและป่าไม้ใหญ่ใบดก
จะต้องทำหน้าที่ของตนประจำอยู่บนโลก
จะละทิ้งโลกเอาไว้โดดเดี่ยวเดียวดายไม่ได้
ไม่ว่าจะละทิ้งไปแค่ชั่วคราวหรือว่ายาวนานก็ตาม
เพราะว่า #เพื่อนแท้ต้องไม่ทิ้งเพื่อน นั่นเอง
การไม่ทิ้งเพื่อนหมายถึงการ “ไม่ทิ้งโลก”
ก็คือการที่พวกคุณแต่ละคนต้องไม่ตายจากโลก
ต้องดำรงชีวิตอยู่บนโลกนี้ตลอด 6
หมื่นปีให้จงได้
เพราะหกหมื่นปีก็คือเวลาที่โลกสิ้นยุคพลังงานเก่า
นี่คือที่มาของคำสอนว่าต้องไม่ฆ่าไม่เบียดเบียนกัน
เนื่องจากพระองค์ได้ทรงนับจำนวนรูปธรรมเอาไว้
ในการเข้ามาทำหน้าที่ “เพื่อนร่วมงาน”
กับโลก
หากมีการฆ่ากันตายไปหนึ่งคนตัดโค่นไปหนึ่งต้น
จำนวนรูปธรรมเพื่อนร่วมงานของโลกก็จะลดลง
ซึ่งมันจะมีผลต่อพลังงานที่โลกต้องการลดลงด้วย
#คุณจึงฆ่าสัตว์ตัดชีวิตและตัดโค่นต้นไม้ใหญ่ไม่ได้
#พวกคุณจึงหมุนกรรมจักรแทนธรรมจักรไม่ได้ด้วย
#เพราะจะยังผลให้ดาวโลกไม่มีแรงที่จะเหวี่ยงหมุน
#จะเกิดอาการหมุนไปแกว่งส่ายไปมากขึ้นเรื่อยๆ
#ภัยพิบัติรุนแรงต่างๆก็จะเกิดขึ้นดังที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
พวกคุณจึงต้องรู้ว่า
ภัยร้ายจากการที่โลกเสียสมดุลดังกล่าวนี้
จะมีอยู่ 2 รูปแบบด้วยกัน คือ
เป็นภัยที่เกิดจากโลกเสียสมดุลโดยตรง
ซึ่งการเสียสมดุลนั้นจะเกิดจากน้ำมือพวกคุณเอง
เป็นผู้ก่อขึ้นโดยตรงเลยมิใช่ใครอื่น
เช่น น้ำท่วม แผ่นดินไหว ภูมิอากาศวิปริต
ฝนแล้ง
ลมพัดแรง พายุฝน ฟ้าผ่า ลูกเห็บตก หิมะตก
เป็นต้น
เป็นภัยที่เกิดจากแผนปฏิบัติการชำระโลก
ครั้งที่ 4
เพื่อปรับสมดุลของโลกเตรียมเข้าสู่ยุคพลังงานใหม่
พร้อมกับการยกระดับอำนาจของดาวโลกให้มากขึ้น
เป้าหมายคือยกระดับโลกให้สูงจากเดิมเป็นสองเท่า
คือจากสมการสามมิติ 3-3-3
ไปเป็น 6-6-6 นั่นเอง
อ่านว่า “สามสามสาม” เปลี่ยนไปเป็น
“หกหกหก”
มิใช่ “สามร้อยสามสิบสาม” เป็น
“หกร้อยหกสิบหก”
ซึ่ง 666 เป็นเลขรหัสของ “ซาตาน” มิใช่ของพระเจ้า
ซึ่งผีโสโครกพยายามจะบิดเบือนให้พวกคุณสับสน
ด้วยวิธีการบิดเบือนพระวจนะที่ตนถนัดทำมาตลอด
จึงบิด “หก-หก-หก” เป็น “หกร้อยหกสิบหก”
แทน
พวกคุณที่เป็นมนุษย์จึงไม่รู้เท่าทันพวกมารได้ว่า
แท้จริงแล้ว “666”
นั้นมันเป็นหมายเลขของซาตาน
แบบเดียวกันกับการบิดเบือนข้อสัจธรรม
ที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้ด้วยอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ
อันเป็นระดับปัญญาขั้นสูงสุดจากสมองส่วนกลาง
ที่มนุษย์โลกโดยทั่วไปไม่มีให้ใช้หรือเข้าถึงมันไม่ได้
นั่นคือ #ธรรมจักรกัปปวัตรสูตร ที่เป็นปฐมเทศนา
หลังราตรีที่ตรัสรู้ซึ่งทรงเทศน์โปรดแก่ปัญจวัคคีย์ไว้
โดยบิดเบือนไปว่าทรงหมายถึง #อริยสัจสี่ แทน
ทั้งๆที่มันเป็นคนละเรื่องคนละอย่างกันเลยคุณ
อริยสัจสี่เป็นวิธีจัดการกับทุกปัญหาที่พาให้ทุกข์
ซึ่งคนนำทางตาบอดถูกหลอกมาอีกทีหนึ่งว่า
เกิดเป็นมนุษย์โลกนั้นเต็มไปด้วยความทุกข์ทั้งปวง
ต้องหาทางทำให้ตนเองตายโดยไม่กลับมาเกิดอีก
คือนิพพานเพื่อตนเองจะได้พ้นไปจากทุกข์ให้จงได้
ซึ่งพระพุทธเจ้ากล่าวว่านิพพานแบบตาลยอดด้วน
วิธีที่ตายแล้วไม่กลับมาเกิดอีกพวกมารก็หลอกว่า
ให้เพียรนั่งกรรมฐานสมาธิเพื่อดับ
“อัตตา” ให้สิ้น
โดยหลอกต่อไปอีกว่า “อัตตาก็คือขันธ์ห้า”
ทั้งๆที่ทำไปก็เสียเวลาเปล่าเพราะขันธ์ห้าดับเองได้
ในทันทีที่จิตวิญญาณละทิ้งกายสังขารออกไปแล้ว
การนั่งกรรมฐานเพื่อการนี้จึงทำให้เสียเวลาเปล่า
เราจึงเคยกล่าวให้รู้ว่ากรรมฐานช่วยให้นิพพานไม่ได้
กรรมฐานอาจช่วยให้ตายแล้วไม่กลับมาเกิดอีกก็ได้
ถ้าตายแล้ว “หลุดลอย”
ไปติดค้างอยู่บนสวรรค์มายา
เพราะจิตวิญญาณมีน้ำหนักเบากว่าชาวโลกคนอื่นๆ
เนื่องจากวันๆนั่งปฏิบัติกรรมฐานสมาธิอย่างเดียว
ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวก่อกรรมทำเวรกับผู้ใดใครอื่นมากมาย
จึงถูกโลกดึงดูดเหนี่ยวรั้งลงมาเกิดเป็นมนุษย์อีกมิได้
จนต้องลอยค้างเติ่งอยู่บนสวรรค์มายานั้นไปตลอด
เหมือนว่าวที่สายป่านขาดแล้วลอยไปค้างบนฟ้า
เหมือนดาวเทียมที่ถูกปล่อยให้ลอยขึ้นไปอยู่บนนั้น
เพราะหลุดออกไปจากแรงดึงดูดของโลกได้นั่นเอง
โดยดาวเทียมจะลอยได้ในระดับสูงมากน้อยกว่ากัน
ก็อยู่ที่แรงดันของจรวดที่ขับเคลื่อนว่ามากหรือน้อย
ถ้าแรงขับดันมากกว่าก็จะหลุดลอยขึ้นไปได้สูงกว่า
จิตวิญญาณของพวกคุณนี่ก็เช่นเดียวกัน
ถ้ามีบุรพกรรมแม่เหล็กติดตัวอยู่ไม่มากเกินไป
นั่นคือมีมวลรวมคิดเป็นน้ำหนักไม่เกิน 50
มิลลิกรัม
โลกจะออกแรงดึงดูดเหนี่ยวรั้งได้ไม่มากนัก
ตายแล้วก็จะลอยขึ้นไปได้สูงเหมือนดาวเทียมเลย
สวรรค์มายาจึงมีหลายชั้นก็เพราะเหตุที่ว่านี้แหละ
รูปธรรมที่ลอยได้สูงกว่า
จะเป็นจิตวิญญาณที่มีผลกรรมติดตัวอยู่น้อยกว่า
จะเป็นจิตวิญญาณที่พลังอำนาจของเมอร์คขะบาห์
หรือที่พวกคุณเรียกกันว่า “บารมี”
มากกว่านั่นเอง
แน่นอนว่า
“สวรรค์มายา”
เป็นภพภูมิที่พระเจ้ามิได้สร้าง
แต่เป็นภพภูมิที่พวกคุณถูกหลอกให้เนรมิตขึ้นเอง
โดยพวกผีโสโครกได้หลอกผ่านคนนำทางตาบอด
ทำเป็นคำสอนที่แอบสอดแทรกเอาไว้กับพระวจนะ
จนแทบจะแยกแยะให้ออกไม่ได้ง่ายดายเท่าใดนัก
พระองค์จึงทรงให้เราเตือนสติพวกคุณเป็นระยะๆว่า
#ในจริงมีเท็จ #ในเท็จมีจริง ก็เพราะเหตุนี้
กราบพระบาทพระบิดาที่ทรงเมตตา
เอเมน สาธุ
29/04/2567