18 เมษายน 2567

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 18/04/2024

 #คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล

 

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

 

พวกคุณที่เป็นชนเผ่าดาวโลกเสรีดวงนี้

เป็นรูปธรรมที่มีชีวิตลักษณะมนุษย์เพียงเผ่าเดียว

ที่มี “สองมิติ” อยู่ในตนเองซึ่งชนเผ่าดาวอื่นไม่มี

ทั้งเผ่าที่มีรูปธรรมลักษณะมนุษย์หรือคล้ายมนุษย์

โดยองค์จิตจักรวาลดวงใหญ่พระผู้สร้างสรรพสิ่ง

ทรงออกแบบให้สอดคล้องกับหน้าที่ที่รับผิดชอบ

ที่จิตวิญญาณพวกคุณขันอาสามาเกิดยังโลกนี้

 

คำว่า “สองมิติ” ในที่นี้เราหมายถึง

มิติของจิตวิญญาณที่มีจิตหยาบเป็นผู้ทำการแทน

ซึ่งเป็นมิติทางพลังงานด้านของแก่นแท้เป็นมิติแรก

กับมิติที่สองเป็นมิติแห่งเนื้อหนังทางด้านกายภาพ

ขณะที่สิ่งมีชีวิตลักษณะคล้ายมนุษย์ในเผ่าดาวอื่น

พวกเขาจะมีแค่เพียง “มิติเดียว” เท่านั้นเอง

คือมีแต่จิตวิญญาณเป็นตัวตนแก่นแท้เท่านั้น

ไม่มีจิตหยาบช่วยทำหน้าที่แทนให้ขณะยังมีชีวิตอยู่

 

เนื่องจากชาวดาวโลกนั้น

จิตวิญญาณผู้อาสามาเกิดถือพันธะสัญญา 6 มาด้วย

โดยหนึ่งในเงื่อนไขหกประการของพันธะสัญญาก็คือ

เมื่อปฏิบัติภารกิจอยู่ในระบบโลกตราบจนสิ้นยุคแล้ว

จิตวิญญาณทุกรูปธรรมจักต้อง “หลุดพ้น” กลับบ้าน

แปลว่าจะต้องพาตนเองหลุดออกไปจากระบบโลก

โดยต้องหนีแรงดึงดูดของโลกออกไปให้พ้นให้ได้

จากนั้นก็ต้องข้ามผ่านประตูมิติออกไปจากเอกภพ

ผ่านด่านนภาลัยที่ปลายปีกทั้งสองข้างของกาแล็กซี่

ซึ่งเป็นเส้นผ่านศูนย์กลางของเอกภพออกไปให้พ้น

 

เส้นทางสายนี้จึงเป็นเส้นทางแห่งการหลุดพ้น

สำหรับรูปธรรมจิตวิญญาณของพวกคุณเพื่อกลับบ้าน

บ้านที่เป็นถิ่นกำเนิดของจิตวิญญาณของพวกคุณ

บ้านที่เป็นพระนิเวศน์ของพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ

บ้านที่เป็นพระตำหนักของพระเจ้าที่พวกคุณจากมา

 

ดังนั้น

คำว่า “หลุดพ้น” ในที่นี้เราจึงหมายถึง

จิตวิญญาณของคุณจะต้องหลุดไปจากระบบโลก

คำว่าหลุดจากระบบโลกก็คือหนีแรงดึงดูดของโลก

จนสามารถอยู่นอกเหนือกฎเกณฑ์โลกได้ทุกสิ่ง

ซึ่งจิตวิญญาณรูปธรรมนั้นๆจะสามารถเป็นอิสระ

พ้นจากการถูกโลกดึงดูดเหนี่ยวรั้งได้อย่างสิ้นเชิง

จนมีอำนาจมากพอที่จะเดินทางไปไหนมาไหน

จะเข้าจะออกระบบโลกได้โดยเสรีนั่นแหละ

 

ส่วนคำว่า #พ้น ในที่นี้เราหมายถึง

จิตวิญญาณของคุณเมื่อหลุดจากระบบโลกได้แล้ว

สามารถข้ามมิติออกไปจากอนันตจักรวาลคือเอกภพ

ผ่านทางประตูมิติตามเส้นทางเดิมที่เคยผ่านเข้ามา

ตั้งแต่ภพชาติแรกที่ได้รับโอกาสให้มาเกิดแล้วได้

เมื่อถึงเวลาที่ประตูมิติบานนี้จะถูกเปิดออกอีกครั้ง

โดยพระเยซูคริสต์ทรงเคยสมมติให้ประตูมิติบานนี้

เป็น #ประตูคอกแกะ สำหรับฝูงแกะผ่านเข้าออกได้

โดยไม่ต้องปีนป่ายรั้วเพื่อกลับเข้าคอกให้ลำบาก

 

ทรงเปรียบเทียบว่าจิตวิญญาณพวกคุณ

เป็นดั่งลูกแกะของพระเจ้าที่ทรงอนุญาตให้ออกมา

เพื่อทำหน้าที่สำคัญบางอย่างข้างนอกประตูคอกนั้น

โดยทำหน้าที่ทุกอย่างตามที่ขันอาสาพระองค์มาทำ

ภายในกำหนดเวลา 6 หมื่นปีโลกหรือ 1 ยุคนั่นเอง

 

พื้นที่ทำงานของพวกคุณที่อยู่ข้างนอกคอกแกะนี้

พระองค์ทรงหมายถึง #ดาวเคราะห์โลกเสรี นี่เอง

ส่วนเจ้าของแกะก็คือ #องค์จิตจักรวาลดวงใหญ่

พระผู้ทรงอนุญาตให้พวกคุณได้รับโอกาสมาเกิดกัน

สำหรับเราตั้งแต่ยุคนั้นมีหน้าที่เป็นนายชุมพาบาล

เฝ้าประตูคอกและเป็นผู้ถือม้วนหนังสือรายชื่อแกะ

ที่เคยผ่านออกมาและที่กำลังจะกลับเข้าคอกไป

โดยคอยตรวจสอบความถูกต้องมิให้สัตว์ร้ายตัวใด

แอบแฝงตัวผ่านเข้าไปข้างในคอกแกะมาจนบัดนี้

 

เหตุผลที่พระเจ้าทรงออกแบบให้พวกคุณมีสองมิติ

โดยทรงยอมให้จิตหยาบทำหน้าที่แทนจิตวิญญาณ

เพื่อป้องกันไม่ให้จิตวิญญาณคุณเสื่อมอำนาจลงไป

จนไม่อาจย้อนคืนกลับบ้านตามพันธะสัญญา 6 ได้

เพราะทรงทราบดีว่าจิตวิญญาณพวกคุณไร้เดียงสา

เนื่องจากไม่เคยเดินทางเข้ามาในเอกภพกันมาก่อน

โอกาสที่จิตวิญญาณพวกคุณจะหลงมิตินั้นมีสูงมาก

จึงทรงยอมให้จิตวิญญาณคุณแบ่งภาคตนเองออกมา

เป็นจิตหยาบให้ทำหน้าที่แทนขณะเกิดเป็นมนุษย์

 

จากเดิมที่ทรงกำหนดไว้ว่า

จิตวิญญาณพวกคุณทุกคนมาเกิดแล้วไม่ต้องตาย

สามารถมีอายุขัยยืนยาวหกหมื่นปีจนกว่าจะสิ้นยุคได้

จึงทรงยอมให้จิตวิญญาณคุณตายแล้วเกิดใหม่ได้

เพื่อให้โอกาสได้ Set Zero คือหยุดทุกอย่างไว้แค่นั้น

แต่ทรงสร้างนรกไว้รองรับเพื่อการบำบัดจิตวิญญาณ

สำหรับรูปธรรมใดที่เกิดอาการป่วยด้วยโรคหลงมิติ

ก่อนจะกลับมาเกิดใหม่ในภพชาติใหม่กันต่อไป

เพื่อจะได้มีจิตหยาบกลุ่มใหม่แทนกลุ่มเดิมที่ทิ้งไป

 

ที่เรากล่าวมาทั้งหมดนี้

มีเพียงจิตวิญญาณของชาวโลกอย่างพวกคุณเท่านั้น

ที่ได้รับโอกาสอันพิเศษดังกล่าวมาทั้งหมดแล้วนี้

พวกสิ่งมีชีวิตลักษณะคล้ายพวกคุณบนดาวอื่นนั้น

จึงมีแต่จิตวิญญาณผู้มาจากพระนิเวศน์ของพระเจ้า

มาเกิดเองทำหน้าที่เองแถมไม่ต้องมีนรกไว้ชำระด้วย

แม้พวกเขาจะป่วยทางจิตวิญญาณหนักหนาแค่ไหน

ยังไงๆพวกเขาก็ไม่ต้องตายถ้าใครตายแล้วก็ตายเลย

เนื่องจากพวกเขาไม่มีหน้าที่ต้องกลับบ้านตลอดไป

 

สิ่งที่พวกเขาต่างจากพวกคุณชาวโลกก็คือ

พวกเขาจะมีสิทธิ์เสรีในการใช้พลังจิตวิญญาณได้

ซึ่งพระพุทธองค์ทรงเรียกว่า “แสดงอภิญญา”

มาจากคำเต็มว่า #อภิญญฤทธิ์ ด้านจิตวิญญาณ

แต่พวกเขาไม่รู้ว่าอภิญญาที่เป็นฤทธิ์อำนาจทั้ง 6 นั้น

หากใช้ไปในทางที่ไม่ถูกต้องจะถูกพระองค์ทรงริบคืน

นั่นคือใช้ไปมากเท่าไหร่จะทรงริบคืนกลับไปเท่านั้น

ทุกวันนี้โลกกับมนุษย์ถึงกาลสิ้นยุคพลังงานเก่าแล้ว

รูปธรรมต่างเผ่าดาวที่ลอบมาแฝงตัวอยู่ในระบบโลก

ที่เคยใช้อำนาจวิเศษนี้หลอกลวงและทำร้ายชาวโลก

ด้วยวิถีทางและวิธีการที่พระบิดาไม่ทรงโปรด

จิตวิญญาณของพวกเขาจึงเสื่อมพลังอำนาจลงไป

จากเดิมที่รูปธรรมจิตวิญญาณของตนมี 6 เหลี่ยมมุม

ซึ่งพวกเขาเรียกว่ามี 6 มิติ หรือมี 6D นั้น

ปัจจุบันนี้พวกเขาพบเองและรู้กันเองแล้วว่า

จิตวิญญาณของตนลดลงเหลือแค่ 5 เหลี่ยมมุมแล้ว

คำว่า 5 เหลี่ยมมุมนี้พวกเขาใช้คำว่า 5D นั่นเอง

 

พวกคุณจงอย่าอิจฉาตาร้อนพวกเขาเลย

แม้จะมีใครบอกว่าพวกคุณชาวโลกมีแค่ 3D หรือ 4D

แต่จำนวนเหลี่ยมมุมของชาวดาวโลกดังกล่าวนี้

เป็นจำนวนที่มันเพิ่มขึ้นก้าวหน้าขึ้นมาจากศูนย์ (0D)

ซึ่งนับว่าเป็นที่ “น่าเร้าใจ” สำหรับพวกคุณมากกว่า

ไม่ใช่ลดจาก 6D ลงมาเหลือแค่ 5D ที่น่าเศร้าใจ

 

นับพันปีที่ผ่านมา

ถ้าพวกคุณหมั่นหมุนธรรมจักรร่วมกันตลอดวัน

พวกคุณจะไม่มีใครต้องตายเลยสักคน

จิตหยาบของพวกคุณจะก้าวหน้าถึง 6D

จนพร้อมที่จะหลุดพ้นกลับบ้านแดนสุญตา

กลับไปกราบพระบาทพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ

เมื่อโลกถึงกาลสิ้นยุคกันตั้งนานแล้ว

 

มิพักต้องให้เจ้าบ่าวมาจูงเจ้าสาวเข้าหอ

มิพักต้องให้เราขนเอาน้ำมันมาเติมใส่ตะเกียงให้

มิพักต้องให้เรามาช่วยสอนวิธีจุดตะเกียงให้

มิพักต้องให้เรามาช่วยปลุกให้ลุกตื่นจากหลับใหล

 

กราบพระบาทพระบิดาที่ทรงเมตตา

เอเมน สาธุ

#ปัญญาวิสุทธิ์

18/04/2567