30 เมษายน 2567

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 30/04/2024

 พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

 

พระบิดาแห่งจิตวิญญาณผู้ทรงอนุญาตให้

จิตวิญญาณคุณข้ามมิติเข้ามาเกิดเป็น #คนสองมิติ

เพื่อทำหน้าที่ใช้เมตตาธรรมค้ำจุนสมดุลโลกกันนั้น

พวกคุณจะต้องทำหน้าที่ร่วมกันจะทำคนเดียวไม่ได้

 

วิธีการปฏิบัติทำที่ถูกต้องตรงจริงก็คือ

พวกคุณจะต้องร่วมกันทำตั้งแต่ภายในครอบครัว

แล้วขยายตัวออกไปทำร่วมกันกับ “คนข้างบ้าน”

ซึ่งวิธีการปฏิบัติก็มิได้ยากเย็นอะไรเลย

เพียงแค่พวกคุณทุกคนในครอบครัวจะต้องรักกันไว้

แม้ว่าจะมีใครบางคนอาจทำตนไม่น่ารักบ้างก็ตาม

 

เนื่องจากการสร้างครอบครัวของพวกคุณนั้น

เริ่มต้นด้วยความรักของทั้งสองคนคือสามีกับภรรยา

โดยเบื้องหลังมิติโลกทั้งคู่ได้ถือบทละครร่วมกันมา

ทั้ง #ชะตาชีวิต ที่ขีดเขียนไว้ตั้งแต่ภพชาติแรก

เมื่อได้รับโอกาสให้เข้ามาเกิดอยู่ในระบบโลกเสรีนี้

หรือ #ชะตากรรม ที่จิตหยาบพวกคุณเขียนขึ้นเอง

เมื่อได้รับโอกาสให้มาเกิดอยู่ในระบบโลกกันแล้ว

 

สำหรับ “ชะตาชีวิต” นั้น

จิตวิญญาณของพวกคุณขีดเขียนร่วมกันขึ้น

เพื่อนำมาใช้เล่นละครกันในบทบาทของคนสองมิติ

โดยจิตวิญญาณอย่างน้อย 3 รูปธรรม

จะต้องประชุมวางแผนร่วมกัน ณ วิหารสีขาว

ซึ่งตั้งอยู่บริเวณประตูมิติที่ใช้ผ่านเข้าออกเอกภพ

อันเป็นห้องทดลองใหญ่ของพระเจ้านั่นเอง

โดยสามรูปธรรมจะแบ่งหน้าที่กันรับบทบาทนั้น

เป็นบทบาทพ่อแม่ลูกซึ่งลูกอาจจะมีมากกว่าหนึ่งคน

 

ชะตาชีวิตหรือบทละครที่จะต้องร่วมกันแสดงนั้น

จะเป็นบทละครที่ทุกรูปธรรมต่างเห็นพ้องต้องกันว่า

ใครจะต้องรับบทบาทอะไรใครจะเป็นเงื่อนไขให้ใคร

ทุกรูปธรรมจะต้องรับรู้และมีสัจจะตามที่ตกลงกันไว้

เพราะมันจะเป็นทั้ง “บททดสอบจิตสามนึกแห่งรัก”

โดยผลการทดสอบนั้นมันจะเป็น “บทเรียน” อีกด้วย

ไม่ว่าคุณจะสอบตกหรือสอบผ่านบททดสอบนั้นก็ตาม

คุณจะต้องเรียนรู้ให้ได้ว่าจะรักกันได้อย่างไร

ถ้ามีใครคนใดคนหนึ่งในครอบครัวทำตัวไม่น่ารัก

คุณจะต้องเรียนรู้ให้ได้ว่าจะให้อภัยได้อย่างไร

ถ้ามีใครคนใดคนหนึ่งในครอบครัวทำตัวไม่น่าให้อภัย

 

ในขณะเดียวกัน

ฝ่ายที่ทำตัวไม่น่ารักหรือทำตัวไม่น่าให้อภัย

ก็จะต้องเรียนรู้จากประสบการณ์จริงนั้นๆให้ได้ว่า

ตนจะต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตนเองอย่างไร

เพื่อจะประพฤติปฏิบัติตนให้น่ารักมากกว่าเดิม

เพื่อจะประพฤติปฏิบัติตนให้น่าให้อภัยมากกว่าเดิม

 

แต่ถ้าคุณโดย “จิตหยาบ” สอบตกบททดสอบ

ด้วยการรักคนที่ทำตนไม่น่ารักตามบทละครนั้นไม่ได้

ให้อภัยคนที่ทำตนไม่น่าให้อภัยตามบทละครก็ไม่ได้

แต่กลับโกรธเกลียดเคียดแค้นอาฆาตพยาบาทแทน

ไม่ว่าจะกระทำลบตอบสนองกลับไปหรือไม่ก็ตาม

ก็ถือเป็น #สอบตกบททดสอบ ที่จิตวิญญาณสร้างมา

 

การต่อสู้ตอบโต้ต่อต้านหรือหลีกเลี่ยงกันและกัน

จะนำไปสู่การเขียนบทละครขึ้นทับซ้อนบทละครเดิม

จนเกิดเป็น “ชะตากรรม” ภายใต้เงื่อนไขกฎแห่งกรรม

ที่คนทั้งหมดไม่ว่ากี่คนหรือกี่ฝ่ายจะต้องรับผิดชอบกัน

ทั้งในภพชาตินั้นหรือในภพชาติต่อๆไปเสมอ

 

ดังนั้น

ความเป็นไปในสถานการณ์ต่างๆในชีวิตประจำวัน

คนส่วนใหญ่ที่ผ่านการเกิดเป็นมนุษย์มาหลายภพชาติ

จึงแยกได้ยากว่าไหนคือชะตาชีวิตไหนคือชะตากรรม

เพราะมันจะทับซ้อนกันจนแลดูอีรุงตุงนังไปหมด

 

แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม

ทั้งชะตาชีวิตและชะตากรรมที่ทับซ้อนกันอยู่

คุณสามารถจัดการแก้ไขชำระความกันได้วิธีเดียวกัน

คือแสดงปณิธานแห่งนิพพานเพื่อการหลุดพ้นต่อกัน

ด้วยการ

 

#รักให้ได้แม้ว่าเขาจะทำตนไม่น่ารักเอาเสียเลย

#อภัยให้ได้แม้ว่าเขาจะทำตัวไม่น่าให้อภัยเลยสักนิด

 

ถ้าคุณสามารถตอบสนองด้านบวกต่อกันตามนี้ได้

กรรมเก่าที่เคยกระทำต่อกันไว้นั้นมันจะเป็นโมฆะ

แปลว่าผลกรรมนั้นมันจะกลายเป็น “ศูนย์” ไปทันที

นี่คือ #วิธีการแก้กรรม ให้หลุดพ้นจากชะตากรรมนั้น

โดยไม่ต้องไปหาวิธีแก้ด้วยวิธีอื่นใดให้ยุ่งยากเลย

 

ขณะเดียวกัน

ถ้าคุณครองมหาสติอยู่แล้วพบว่า

คนรอบข้างของคุณทั้งคุ้นหน้าหรือแปลกหน้า

เข้ามาสร้างเงื่อนไขที่ไม่ดีต่อตัวคุณ

คุณก็ต้อง #ตัดกรรม ที่จะเกิดการเกี่ยวกรรมนั้นทันที

โดยวิธี “ตัดกรรม” นั้นให้ขาดสบั้นก็คือ

คุณต้องใช้มหาสติหรือธรรมชาติสมาธิบอกตนเองว่า

 

#ช่างเขาเถิด

#ไม่เป็นไร

#จะเอายังไงก็ได้

#แค่นี้ก็ดีแล้ว

 

โดยจะต้องนึกท่องทบทวนสักกี่รอบก็ตาม

เพื่อค้ำจุนความสมดุลของจิตหยาบเอาไว้ให้ได้

มิให้ตกเป็นทาสการยั่วยุหรือเย้ายวนโดยง่ายดาย

ซึ่งเป็นการค้ำจุนตนเองไว้ไม่ให้ “สติแตก”

คุณก็ต้องกระทำหรือบริกรรมภาวนามันเอาไว้

เพื่อที่จะช่วยให้จิตวิญญาณของคุณเอง

#ไม่ก่อกรรมใหม่และแก้ไขกรรมเก่าได้พร้อมกัน

 

ถ้านับตั้งแต่เวลานี้เป็นต้นไป

คุณเริ่มปฏิบัติตนตามแนวที่เรากล่าวนี้

ซึ่งเป็น #มรรควิถีแห่งจิตจักรวาล แล้ว

คุณโดยจิตหยาบหรือจิตมนุษย์ของคุณเอง

จะช่วยให้จิตวิญญาณแก่นแท้ของตนนั้น

แลเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ได้ชัดเจนขึ้น

นั่นคือจะสามารถมองเห็นประตูแห่งการหลุดพ้น

ที่จิตวิญญาณจะข้ามผ่านกลับออกไปได้ในที่สุด

เพราะคุณจะสอบผ่านบททดสอบชะตาชีวิตกันได้

ทั้งยังสามารถที่จะเรียนรู้บทเรียนกรรมได้ทุกรูปแบบ

ตามที่จิตวิญญาณของคุณเองต้องการที่จะเรียนรู้มัน

 

คุณเห็นหรือยังว่า

จิตวิญญาณของคุณมาเกิดเป็นมนุษย์โลกเสรีนี้นั้น

มิใช่มาเกิดเพื่อแสวงหาประโยชน์สุขส่วนตน

แต่มาเกิดเพื่อช่วยกันหมุนธรรมจักรคือรักกันอภัยกัน

มาเกิดเพื่อใช้ชีวิตร่วมกันเป็นสังคมเป็นครอบครัว

จะปลีกวิเวกแสวงความสุขส่วนตัวตามลำพังไม่ได้

จะปิดหูปิดตาปิดวาจาแกล้งทำเป็นคนพิการก็ไม่ได้

จะไม่ใช้จิตกับปัญญาของสมองกรองพฤติกรรมมิได้

 

คุณต้องนึกก่อนคิด

คิดให้รอบครอบ คิดให้รอบด้าน

ก่อนจะตัดสินใจให้ถูกต้องแล้วแสดงออกหรือกระทำ

ด้วยการยอมรับผิดชอบในทุกสิ่งที่ตนกระทำนั้น

หากมีการผิดพลาดบกพร่องหรือไม่ถูกต้องเกิดขึ้น

 

ถ้าคุณต้องการหยุดภพชาติหยุดการมีสังสารวัฏ

คุณต้องก้าวเดินมาทางพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ

ด้วยการปฏิบัติตามพระโอวาทที่เราสื่อจากพระองค์มา

ทุกวันเวลาทุกบททุกตอนอย่างไม่ย่อท้อ

เราขอยืนยันว่าพาจิตวิญญาณคุณกลับบ้านได้แน่นอน

เพราะเราจำทางกลับบ้านคือพระนิเวศน์พระบิดาได้

เราจะไม่พาคุณไปลอยติดค้างอยู่บนสวรรค์มายา

แล้วหลอกพวกคุณว่าอยู่บนนั้นนั่นคือนิพพานแล้ว

โดยให้ความหมายว่านิพพานคือตายแล้วไม่เกิดอีก

 

ทั้งๆที่ความจริงแล้ว

จิตวิญญาณของใครที่ลอยไปติดค้างอยู่บนนั้น

เปรียบเสมือนขึ้นไปกักขังตนเองอยู่อย่างนั้น

จะลอยสูงขึ้นไปอีกก็ไม่ใช่ง่ายๆถ้าน้ำหนักตัวเท่าเดิม

จะลอยต่ำลงมาเกิดบนโลกอีกก็ลงมาไม่ได้

ถ้าน้ำหนักตัวของจิตวิญญาณนั้นยังคงเท่าเดิม

เราจึงใช้คำว่า #ลอยค้าง เพราะมันคล้ายดาวเทียมไง

 

กราบพระบาทพระบิดาที่ทรงเมตตา

เอเมน สาธุ

#ปัญญาวิสุทธิ์

30/04/2567