25 เมษายน 2567

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 25/04/2024

 พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

 

หลายคนเมื่อได้รับโอกาสให้มาเกิดเป็นมนุษย์

กลับแลไม่เห็นคุณค่าของการเป็นมนุษย์เลย

โดยมองว่าตนเองนั้นไม่น่ามาเกิดเป็นมนุษย์โลก

เพราะเป็นมนุษย์โลกนั้นมันมีแต่ความทุกข์

จะหาความสงบสุขอย่างที่ต้องการแทบไม่ได้

 

ถ้าเชื่อคนนำทางตาบอดก็จะบอกตัวเองว่า

การเกิดแก่เจ็บตายนั้นเป็นทุกข์อย่างยิ่งยวด

แต่ไม่ยอมพิจารณาต่อว่าเหตุแห่งทุกข์นั้นคืออะไร

ใครเป็นเหตุให้ชีวิตตนต้องวนเวียนกันแบบนั้น

 

แต่ถ้าคิดแบบคนนำทางตาบอดก็ว่า

เหตุที่ทุกข์เพราะความเจ็บปวดทั้งผู้เบ่งและผู้ถูกคลอด

เหตุแห่งทุกข์เพราะความชราจนแข้งขาไม่มีแรง

จึงไม่อาจสามารถทำอะไรตามใจเหมือนวัยรุ่นได้

เหตุแห่งทุกข์เพราะการเจ็บป่วยทางร่างกายจนตาย

ลูกหลานที่คอยดูแลก็ทุกข์คนที่กำลังจะตายก็ทุกข์

มีครอบครัวมีผัวมีเมียมีลูกมีหลานมันก็ทุกข์

ต้องหากินแบบอาบเหงื่อต่างน้ำขายแรงงานก็ทุกข์

ชีวิตที่ต้องเผชิญกับความสมหวังและผิดหวังก็ทุกข์

ที่ต้องการหรือที่คิดคาดหวังแล้วไม่ได้นั่นก็ทุกข์

สิ่งที่ได้มาทั้งๆที่ไม่อยากได้และไม่เคยหวังนั่นก็ทุกข์

 

คนทุกคนที่เกิดมาเป็นมนุษย์นั้นสาระพัดทุกข์

โดยทุกข์ทั้งกายสังขารและทุกข์ทั้งจิตใจเลยทีเดียว

ซึ่งพวกเธอถูกหล่อหลอมความคิดกันมาแบบนี้ทั้งสิ้น

จนความคิดเหล่านี้กลายเป็นความเชื่อกันไปในที่สุด

 

เราจะกล่าวความจริงต่อพวกเธอทั้งหลายว่า

มุมมองความทุกข์ที่เธอถูกหล่อหลอมเสียจนกลัวนั้น

เป็นการมองทุกสิ่งอยู่ด้านเดียวและเป็นภาพที่ไกลตัว

หากจะหันมามองในมุมของเธอแบบใกล้ตัวเสียบ้าง

จะพบว่าเหตุแห่งทุกข์ที่ถูกล้างสมองให้เชื่อเหล่านั้น

มันมิใช่ความจริงและมิได้ถูกต้องตรงประเด็นทุกข์เลย

 

พระบิดาแห่งจิตวิญญาณคือองค์จิตจักรวาล

ทรงพระเมตตาเคยให้นิยามความทุกข์ผ่านเรามาว่า

#ความทุกข์เกิดที่จิตเมื่อเผชิญกับสิ่งที่ทนได้ยาก

ซึ่งความทุกข์หมายถึงอาการของจิตชนิดหนึ่ง

ที่มันต้องการได้รับการบำบัดขจัดออกให้บรรเทาลง

โดยความทุกข์ในจิตใจนั้นจะบรรเทาลงได้หายได้

ต้องค้นหาว่าสาเหตุแห่งทุกข์นั้นมันคืออะไรกันแน่

ถ้าพบสาเหตุว่าคืออะไรแน่ก็จัดการแก้ไขที่ตรงนั้น

 

พวกเธอเรียกสาเหตุแห่งความทุกข์ยากว่า #ปัญหา

เรียกสาเหตุแห่งทุกข์ระดับธรรมดาว่า #ข้อขัดข้อง

 

แน่นอนว่า

ความทุกข์มักจะเกิดจาก "ปัญหา" ที่เผชิญ

ทุกข์แรกคือทุกข์เพราะวิตกกังวลว่าจะแก้ไขไม่ได้

ทุกข์ขั้นต่อไปคือทุกข์เพราะแก้ปัญหานั้นไม่เป็น

 

ทุกข์เพราะไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหานั้นได้อย่างไร

ทุกข์เพราะไม่รู้ไม่เข้าใจว่าปัญหานั้นคืออะไรกันแน่

ทุกข์เพราะเกิดปัญหาซ้ำซ้อนขึ้นมาขณะกำลังแก้ไข

ลักษณะของ "ลิงแก้แห" คือมันพัลวันกันยุ่งไปหมด

ยิ่งแก้ยิ่งยุ่งตามโบราณกล่าวไว้นั่นแหละ

 

ส่วนกรณีที่เรียกว่า "ข้อขัดข้อง" นั้นหากจะทุกข์ก็น้อย

เพียงแค่หาให้พบว่าปมติดขัดติดข้องมันอยู่ตรงไหน

ก็ให้เธอรีบจัดการแก้ไขมันที่ตรงจุดนั้นได้เลยทันที

ปมปัญหาที่เป็นแค่ข้อขัดข้องนั้นมันหาได้ไม่ยากนักหรอก

อีกทั้งวิธีจัดการแก้ไขข้อข้ดข้องของปมปัญหานั้นๆ

มันก็ไม่ได้ยุ่งยากจนทำให้พวกเธอเป็นทุกข์อีกด้วย

#เพราะข้อขัดข้องจะเป็นตัวกำหนดวิธีแก้ไขให้เธอเอง

 

เพียงแค่เธอจัดการข้อขัดข้องนั้นไปตามสถานการณ์

มันก็จะสำเร็จลุล่วงผ่านไปได้อย่างราบรื่นแล้ว

 

ต่างจากการแก้ไขจัดการสิ่งที่เรียกว่าปัญหา

โดยที่มันเป็นปัญหาก็เพราะเหตุว่า

 

1.เธอจะต้องหาคำตอบให้ได้ว่าปัญหาคืออะไร

ถ้าเธอยังไม่รู้ว่าปัญหานั้นมันคืออะไรเสียก่อนแล้ว

การจัดการแก้ไขปัญหานั้นมันจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย

นี่จึงเป็นเหตุแห่งทุกข์ใจของเธออย่างแรก

 

2.เธอต้องค้นหาให้พบว่าปัญหานั้นมันมีกี่ปัญหา

แต่ละปัญหามันมีอะไรเป็นอย่างไรบ้าง

นี่จึงเป็นเหตุแห่งทุกข์ใจของเธออีกอย่างหนึ่งแล้ว

 

3.เมื่อเธอรู้แล้วว่าปัญหามีกี่ปัญหาว่าอะไรอย่างไรแล้ว

เธอต้องจัดเรียงลำดับการแก้ไขปัญหาก่อนหลังด้วยว่า

ปัญหาใดจะต้องหยิบขึ้นมาแก้ไขก่อนตามลำดับกันไป

นี่จึงเป็นเหตุแห่งทุกข์ใจของเธออีกอย่างหนึ่งเช่นกัน

 

4.เมื่อจัดเรียงลำดับปัญหาที่ต้องแก้ไขก่อนหลังแล้ว

สิ่งที่เธอต้องทำก็คือหยิบเอาเฉพาะปัญหาที่เลือกไว้

ขึ้นมาขบคิดพิจารณาไปทีละปัญหาเท่านั้น

โดยวางปัญหาลำดับถัดไปเอาไว้ชั่วคราวก่อน

 

จงอย่าปล่อยให้จิตเธอเกิดความวิตกกังวลใจ

เกี่ยวกับปัญหาที่ยังไม่ถึงคิวต้องหยิบขึ้นมาขบคิด

เพราะมันจะเป็นเหตุแห่งทุกข์ในจิตใจขึ้นมาอีก

 

5.กรณีที่บางปัญหามีวิธีจัดการแก้ไขมากกว่าหนึ่งวิธี

ปัญหาของเธอจึงอยู่ที่ว่าจะตัดสินใจเลือกใช้วิธีไหน

เพื่อจัดการแก้ไขปัญหานั้นให้ลุล่วงไปให้จงได้

ปัญหาซ้อนปัญหาที่เพิ่มขึ้นมาก็คือ #การตัดสินใจ

นี่จึงเป็นเหตุแห่งทุกข์ใจของเธออีกอย่างหนึ่งแล้ว

 

6.ความทุกข์ขั้นสุดท้าย

เมื่อเธอจัดการตามกระบวนการแก้ปัญหาทั้งหมดนั้น

มันขึ้นอยู่กับว่าจะกล้าตัดสินใจลงมือทำมันหรือไม่

เพราะที่ผ่านมาทั้งหมดนั้นมันคือการ "วางแผน"

 

ความทุกข์ในขั้นตอนแรกคือขั้นวางแผนนั้น

มันขึ้นอยู่กับว่าเธอเกลียดกลัวปัญหานั้นหรือไม่

แต่ความทุกข์ขั้นสุดท้ายนี้อยู่ที่เธอกล้าลงมือทำ

ด้วยความเชื่อมั่นว่าเธอจะทำมันได้แน่หรือเปล่า

หากกล้าตัดสินใจลงมือทำเธอก็จะไม่ลังเลใจ

เพราะเธอจะกล้ารับผิดชอบในผลที่มันจะเกิดขึ้น

อันเกิดจากความเชื่อมั่นในตัวเธอเองนั่นแหละ

 

ทุกสิ่งอย่างในโลกนี้

พระเจ้าทรงยอมให้พวกเธอเผชิญกับปัญหา

ก็เพื่อกระตุ้นให้พวกเธอสั่นสะเทือนทางปัญญา

ทำให้สมองเกิดการพัฒนาขึ้นมาตามวัย

 

ดังนั้น

พวกเธอทุกคนจึงต้องเจอปัญหากันทั้งนั้น

เพราะปัญหาเป็นบ่อเกิดแห่งปัญญา

อย่ายอมให้ปัญหาเป็นบ่อเกิดแห่งทุกข์อยู่ถ่ายเดียว

จงอย่าเกลียดกลัวปัญหาในการเกิดมาเป็นมนุษย์

แล้วขี้ขลาดตาขาวจะหนีเตลิดไปจากโลก

ไปเกิดเป็นเทพเทวดาบนสวรรค์มายาที่ไม่มีอยู่จริง

เพราะเข้าใจว่าอยู่บนนั้นสุขสบายกว่าบนโลกมนุษย์

อยู่บนนั้นไม่ต้องทำอะไรมีแต่เสพสุขตลอดกาล

โดยยังไม่รู้ว่าอยู่บนนั้นสุขจริงแท้แน่นอนหรือเปล่า

แต่ก็เชื่อก็ฝันตามคนนำทางตาบอดชี้นำกันไปแล้ว

 

เธอว่ามีสมองสองซีกให้ใช้

สำหรับจัดการแก้ไขปัญหาทุกปัญหาได้

มีตาหูจมูกปากและสัมผัสกายที่ไม่พิการ

มีสองมือสองเท้าที่หยิบฉวยจับทำอะไรก็ได้

มีความรักในจิตใจที่หนักแน่นและกล้าแกร่ง

ที่สามารถใช้จัดการกับปัญหาที่เผชิญได้เสมอ

แต่กลับเกลียดกลัวความทุกข์ซึ่งเป็นกิเลสมาร

ที่เกิดขึ้นในจิตใจของตนเองตั้งแต่ยังมิได้ใช้มันเลย

เธอว่า...เสียชาติเกิดมั้ยล่ะ?

 

เอเมน สาธุ

#ปัญญาวิสุทธิ์

25/04/2567