#คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล
(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ถ้ามนุษย์ไม่มี #จิตใต้สำนึก คอยช่วยเหลือเกื้อกูล
คงมีแต่ “จิตสามนึก” คือ นึกออก นึกเอาและนึกเอง
มนุษย์โลกเสรีนี้ทุกคนก็จะเป็น “คนสองมิติ” ไม่ได้
สาเหตุที่เป็นคนสองมิติไม่ได้ก็เป็นเพราะว่า
จิตสามนึกของจิตหยาบของมนุษย์นั้นถูกสร้างขึ้น
โดยกำหนดให้ทำงานร่วมกันกับสมองสองซีก
เป็นบทบาทของผู้บงการขับเคลื่อนกายสังขาร
ซึ่งเป็นหน้าที่สำคัญในมิติแห่งเนื้อหนังเท่านั้นเอง
แต่เนื่องจาก “จิตวิญญาณ” ที่เป็นตัวตนแก่นแท้
ผู้ขันอาสาตัวจริงซึ่งเดินทางข้ามมิติเข้ามาเกิดยังโลก
ได้มอบหมายให้ “จิตหยาบ” ที่ตนเองแบ่งภาคออกมา
ให้มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบในสองมิติแทนตนเอง
พระเจ้าจึงต้องกำหนดให้จิตวิญญาณโดยจิตใต้สำนึก
คอยทำหน้าที่สั่นสะเทือนตามจิตสามนึกของจิตหยาบ
ไม่ว่าจิตหยาบจะสั่นสะเทือนเป็นด้านบวกหรือด้านลบ
จิตใต้สำนึกก็จะสั่นสะเทือนไปตามนั้นโดยไม่มีข้อแม้
ทั้งยังจะบันทึกรหัสข้อมูลกรรมหรือการกระทำใดๆ
เอาไว้ในสัญญาขันธ์อย่างครบครันครบถ้วนอีกด้วย
นอกจากนั้น
จิตใต้สำนึกซึ่งเป็นพลังงานในส่วนของเมอร์คขะบาห์
ที่เป็นพลังงานชั้นนอกสุดของรูปธรรมจิตวิญญาณ
จากเดิมเมื่อยังมิได้เข้ามาเกิดเป็นรูปธรรมมนุษย์นั้น
เมอร์คขะบาห์จะสั่นสะเทือนเป็นพลังงานที่เข้มข้นสูง
เพราะต้องทำหน้าที่หุ้มห่อจิตวิญญาณทั้งระบบเอาไว้
ทั้งยังต้องเหวี่ยงหมุนไปรอบนิวเคลียสอย่างต่อเนื่อง
เพื่อค้ำจุนความสมดุลของจิตวิญญาณเอาไว้ให้ได้
เมื่อต้องรับหน้าที่เป็นเครื่องมือของจิตวิญญาณ
จึงต้องคอยสั่นสะเทือนตามจิตสามนึกของจิตหยาบ
เป็นพฤติกรรมในมิติจิตวิญญาณคู่ขนานกันไปด้วย
ถ้าจิตหยาบโดยจิตสามนึกสั่นสะเทือนขึ้นมาเมื่อไหร่
เพื่อขับเคลื่อนวจีกรรมคำพูดและกายกรรมว่าอย่างไร
จิตใต้สำนึกโดยจิตวิญญาณจะสั่นสะเทือนไปตามนั้น
ในบทที่ผ่านมา
เรายังได้กล่าวความจริงให้พวกคุณรู้เอาไว้ด้วยว่า
จิตใต้สำนึกซึ่งเป็นพลังอำนาจทางจิตวิญญาณนั้น
ยังทำหน้าที่ขับเคลื่อนคลื่นพลังงานจิตของมนุษย์
ด้วยการส่งออกมาจากพิกัดที่ตั้งของจิตหยาบ
คือต่อมไพเนียลตรงตาที่สามของพวกคุณนั่นแหละ
รักใครชอบใครคลื่นความรักความชอบของคุณนั้น
มันจะพุ่งผ่านออกมาทางตาที่สามมุ่งสู่ภายนอก
โดยมันจะเดินทางตรงไปยังรูปธรรมเป้าหมายนั้นทันที
ซึ่งจิตหยาบคุณจะเป็นผู้กำหนดทิศทางเป้าหมายนั้น
ด้วยวิธีการสั่นสะเทือนเป็นความคิดนึกระลึกถึง
ถ้าคุณสั่นสะเทือนจิตสามนึกของจิตหยาบเป็นด้านลบ
ด้วยการนินทาว่าร้ายใครสาปแช่งใครคิดร้ายใครก็ตาม
คลื่นความรู้สึกนึกคิดชั่วๆของคุณที่สั่นสะเทือนอยู่นั้น
มันก็จะถูกเหวี่ยงออกมาข้างนอกไปสู่เป้าหมายเช่นกัน
โดยจิตหยาบคุณจะเป็นผู้กำหนดทิศทางเป้าหมายนั้น
ซึ่งคลื่นพลังงานจิตด้านลบของคุณมันจะพุ่งสู่เป้าหมาย
ตามที่จิตคุณกำหนดหรือกำกับเอาไว้ได้อย่างแม่นยำ
ไม่ว่าเขาคนนั้นจะอยู่ใกล้หรืออยู่ห่างไกลจนสุดขอบฟ้า
เราจะบอกความจริงให้คุณรู้เอาไว้ด้วยว่า
การสื่อสารทางจิตด้วยคลื่นการคิดนึกรู้สึกดีๆชั่วๆเหล่านี้
มันสามารถเดินทางจากตัวคุณไปยังเป้าหมายต่างๆได้
ด้วยพลังอำนาจของจิตใต้สำนึกของจิตวิญญาณคุณเอง
โดยมีเส้นแรงสนามแม่เหล็กโลกเป็นตัวนำทางพาไป
ถ้าโลกไม่มีสนามแม่เหล็กที่แข็งแรงและสมดุลมากพอ
มนุษย์จะไม่อาจสื่อสารภาษาจิตซึ่งเป็นภาษาสากล
กับรูปธรรมใดๆในระบบโลกและรูปธรรมในต่างดาวได้
ดังนั้น
ถ้าพวกคุณไม่ช่วยกันใช้ความรักหมุนธรรมจักร
เพื่อค้ำจุนสมดุลของระบบโลกเสรีนี้เอาไว้
ระบบโครงข่ายสนามแม่เหล็กโลกจะอ่อนแอทันที
โลกทั้งระบบก็จะไม่ปลอดภัยจากอุกกาบาตพุ่งชน
มนุษย์จะไม่ปลอดภัยจากศัตรูผู้รุกรานจากดาวอื่น
มนุษย์จะมีเครื่องยนต์แห่งกรรมที่เสื่อมและชำรุด
เพราะขาดพลังงานไฟฟ้าเหนี่ยวนำในระบบเซลล์
ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งเลวร้ายทั้งสิ้น
คุณจะต้องรู้ว่า
คลื่นพลังงานจิตที่คุณเหวี่ยงออกมาภายนอก
เมื่อมันมุ่งตรงไปยังสรรพสิ่งที่เป็นเป้าหมายแล้ว
จิตวิญญาณหรือพลังงานที่เป็นแก่นแท้ของสิ่งนั้น
จะสั่นสะเทือนเพื่อการรับรู้ข่าวสารจากคุณนั้นเสมอ
ไม่ว่าจะเป็นแก่นแท้ของคนสัตว์หรือต้นไม้ต้นไร่
พลังงานที่เป็นตัวตนแก่นแท้ของคนนั้นหรือสิ่งนั้น
จะสั่นสะเทือนเพื่อรับรู้ตามชนิดของคลื่นที่ส่งไป
ถ้าคุณชื่นชมยินดีในความดีมีเมตตาของมนุษย์คนใด
จิตใต้สำนึกคุณก็จะส่งออกไปหาคนนั้นเป็นคลื่นบวก
จิตวิญญาณแก่นแท้ของคนนั้นก็จะสั่นสะเทือนตาม
โดยที่จิตหยาบของเขาคนนั้นไม่รู้เรื่องอะไรด้วย
แต่จิตวิญญาณของเขาก็จะเหวี่ยงคลื่นบวกนั้นกลับมา
เพื่อตอบรับการสื่อสารด้านบวกของคุณเช่นกัน
จิตวิญญาณแก่นแท้ของคุณจะเป็นผู้ “รับรู้” และรับเอา
โดยที่จิตหยาบของคุณไม่อาจรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ได้
เพราะอายตนะภายนอกทั้งห้าของคุณไม่รู้เห็นมัน
ถ้าคุณเป็นคนนึกบวกคิดบวกพูดบวกหรือทำบวก
โดยมีความต้องการในการคบมิตรสูงมากพอ
คุณก็จะเป็นคนมองโลกหรือมองคนอื่นแง่บวกเสมอ
นั่นเท่ากับว่าคุณกำลังกระตุ้นให้จิตวิญญาณคนอื่นๆ
ส่งคลื่นพลังงานด้านบวกที่จิตวิญญาณต้องการมาให้
โดยมีตัวคุณเป็นผู้เริ่มต้นก่อนและเป็นผู้สิ้นสุดเองด้วย
แม้คนอื่นๆที่คุณกระทำบวกทางจิตลับหลังพวกเขา
จะไม่อาจรู้เห็นการกระทำความดีงามของคุณก็ตาม
ในอดีตกาลนานนับพันปีที่ผ่านมา
เราจึงได้สื่อสอนเอาไว้ว่า
การทำความดีงามของพวกคุณนั้น
ไม่จำเป็นจะต้องทำกันเฉพาะที่ “ธรรมศาลา”
ไม่จำเป็นจะต้องมีการ “เป่าแตร” นำหน้า
เพราะคุณสามารถ #ทำที่จิตข้างใน ตนเองได้
คนอื่นไม่รู้ แต่ตัวคุณเองรู้
แม้จิตหยาบคนอื่นไม่รู้ แต่จิตวิญญาณของเขาก็รู้
แม้จิตหยาบของคุณไม่อาจรู้
แต่จิตวิญญาณคุณโดยพี่พลียะเดี้ยนย่อมรู้เสมอ
เพราะเหตุนี้เอง
การทำบุญสร้างกุศลหรือทำความดีงามนั้น
จึงไม่จำเป็นต้องบอกใครในโลกให้เขารู้
จึงไม่จำเป็นต้องทำบุญเพื่อเอาหน้าก็ได้
เพราะกุศลผลบุญหรือความดีงามมันเกิดที่ “จิต”
ทั้งจิตของผู้ให้และผู้รับที่เป็นแบบ “สองทาง” เสมอ
พระเจ้าจึงทรงบัญชาให้เราเตือนพวกคุณมาแล้วว่า
อยู่ใกล้ใครจงทำตัวให้เขารักเอาไว้ดีกว่า
ยามห่างไกลจะได้คิดถึงความน่ารักความดีงามกัน
เพื่อการสื่อสารทางจิตเป็นภาษาสากลด้านบวกไว้
อย่าให้เขาก่นด่าหรือว่าสาปแช่งลับหลัง
มันจะทำให้จิตวิญญาณคุณบอบช้ำเสื่อมพลังลงไป
นานวันเข้าอายุขัยคุณก็จะสั้นลงคือตายเร็วขึ้น
ถ่ายทอดคลื่นความคิดจากองค์จิตจักรวาล
เพื่อวิสุทธิชนยุคสุดท้ายผู้เป็นลูกแกะของพระเจ้า
เอเมน สาธุ
ปัญญาวิสุทธิ์
6/09/2566