11 กันยายน 2566

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 11/09/2023

#คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล
(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)
 
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
 
ในบทเรียนจากพระโอวาทตอนที่แล้ว
เราได้กล่าวถึง
 “หลักการปฏิบัติธรรม”
ที่มนุษย์โลกทุกชาติทุกศาสนาจะต้องทำให้สำเร็จ
มีอยู่ด้วยกัน 3 ประการ เท่านั้น นั่นคือ
 
1.#หมุนธรรมจักรในตนเอง
โดยใช้การแสดงออกและการกระทำของคนใกล้ตัว
เป็นเงื่อนไขกระตุ้นจิตสามนึกตนเองทางด้านบวก
เพื่อคนตนเองในสองมิติให้เป็นหนึ่งเดียวกันให้ได้
 
หมายถึงการยกระดับแรงสั่นสะเทือนของจิตหยาบ
ให้เสมอกันกับการสั่นสะเทือนของจิตวิญญาณให้ได้
ซึ่งในวัยเด็กนั้นพระเจ้าทรงติดตั้งสัญชาตญาณไว้ให้
ในความสัมพันธ์กันระหว่างพ่อแม่ลูกทุกคนอยู่แล้ว
พ่อแม่เพียงแต่เสี้ยมสอนลูกๆให้รู้จักกตัญญูกตเวทิ
คือให้สำนึกรู้คุณพ่อแม่พี่น้องและรู้จักตอบแทนคุณ
ทำเท่านี้ก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติธรรมได้แล้ว
 
2.#ชวนคนข้างบ้านหมุนธรรมจักรร่วมกัน
ด้วยการทำตนเองให้น่ารักน่าคบหาน่านับถือเข้าไว้
เพื่อเป็นเงื่อนไขด้านบวกให้แก่คนข้างบ้านไว้เสมอ
พวกเขาก็จะหมุนธรรมจักรร่วมกันกับคุณได้
ซึ่งคุณต้องมีมหาสติและปณิธานแห่งนิพพานด้วย
จึงจะสามารถเป็นเงื่อนไขด้านบวกของพวกเขาได้
โดยไม่ต่อสู้ไม่ตอบโต้และไม่ต่อต้านเขากลับคืนไป
เพราะน็อตหลุดหรือเกิดอาการสติแตกไปเสียก่อน
 
ยิ่งถ้าคุณชำนาญการหมุนธรรมจักรภายในตนเอง
โดยหมุนร่วมกันกับพ่อแม่พี่น้องในครอบครัวได้แล้ว
ความชำนาญจากประสบการณ์จริงในครอบครัวนี้
จะช่วยให้คุณ
 “ง่ายขึ้น” ในการ “หมุนธรรมจักร”
เพื่อหมุนร่วมกับคนบ้านใกล้เรือนเคียงได้เป็นอย่างดี
เพราะคุณมีคุณสมบัติขั้นพื้นฐานเพียบพร้อมอยู่แล้ว
 
3.#ชวนทุกคนในสังคมหมุนธรรมจักร
นี่คือภารกิจสำคัญสูงสุดที่จิตวิญญาณคุณอาสามาเกิด
เพื่อใช้ความรักความเมตตาหมุนธรรมจักรร่วมกัน
ในการผลิตพลังงานสะอาดที่เป็นคลื่นไฟฟ้าแม่เหล็ก
มอบให้แก่แกนแม่เหล็กภายในใจกลางของโลก
เพื่อช่วยให้แกนโลกบิดตัวจนเหวี่ยงหมุนรอบตัวเองได้
ด้วยเครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์ของพวกคุณ
ซึ่งใช้ขันธ์ห้าของจิตหยาบสั่นสะเทือนจิตสามนึกให้ได้
 
ปฏิบัติการในขั้นตอนนี้
จึงไม่ต่างจากนกที่ปีกกล้าขาแข็งดีแล้วก็จะออกหากิน
ด้วยการใช้ชีวิตโบยบินเที่ยวท่องไปในโลกกว้าง
ซึ่งมากด้วยประสบการณ์และเปี่ยมล้นด้วยคุณสมบัติ
ในอันที่จะดำรงชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้อย่างสันติสุข
โดยเป็นมิตรกับโลกไม่เบียดเบียนทำร้ายใคร
 
พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย
 
คุณจะเห็นได้ว่า #แก่นแท้ ของการปฏิบัติธรรมนั้น
มีหลักการและเป้าหมายอยู่ใน 3 ประการนี้เท่านั้น
พระศาสดาในทุกศาสนาล้วนตรัสสอนเอาไว้ดีแล้วว่า
เกิดมาเป็นมนุษย์นั้นจะต้อง
 “รักกัน” อย่างสุดจิตสุดใจ
ไม่มีพระศาสดาพระองค์ใดไม่สอนให้พวกคุณรักกัน
 
พวกคุณจะรักกันไม่ได้ถ้าหนีสังคมไปปลีกวิเวก
เพราะไม่มีใครเป็นเงื่อนไขทั้งบวกและลบให้กันและกัน
 
พวกคุณจะหมุนธรรมจักรไม่ได้ถ้าอายตนะมืดบอด
เพราะอายตนะภายนอกเป็นบานหน้าต่างของจิตหยาบ
ที่จะสัมผัสรู้ดู้เห็น
 “สิ่งเร้า” ให้จิตหยาบตื่นขึ้นมาทำงาน
โดยสิ่งเร้าทั้งหลายจะกระตุ้นจิตหยาบให้สั่นสะเทือน
เพื่อเกิดการรับรู้และเรียนรู้ด้วยขันธ์ห้าหรือห้าขั้นตอน
ที่เป็นรูปเวทนาสัญญาสังขารและวิญญาณนั่นเอง
 
ที่ผ่านมาศัตรูของมนุษย์โลก
บิดเบือนคำสอนและปิดบังความจริงเรื่องธรรมจักรไว้
พร้อมกับการหลอกให้เสพติดกิเลสเสียจนเคยตัว
แม้การทำบุญสุนทานก็ยังทำด้วยกิเลสกันอีกด้วย
มนุษย์ส่วนใหญ่จึงใช้เมตตาธรรมค้ำจุนโลกกันไม่ได้
 
เพราะถูกสอนให้หมั่นทำบุญทำดีเพื่อตัวเอง
เพราะถูกสอนให้อยากไปอยู่บนสวรรค์มายา
อยากจะเป็นเทพเทวดาสิงสถิตอยู่บนทิพยวิมาน
แดนมายาที่ไม่มีอยู่จริงเพราะพระเจ้ามิได้สร้าง
มากกว่าการได้รับโอกาสให้มาเกิดเป็นมนุษย์
เพื่อที่จะร่วมกันใช้เมตตาธรรมค้ำจุนสมดุลโลก
อันเป็นภารกิจทางจิตวิญญาณที่ขันอาสามาเกิด
 
เพราะถูกสอนให้ละทิ้งสังคมเพื่อปลีกวิเวก
จนทำให้ขาดโอกาสในการพัฒนาจิตปัญญา
ที่ต้องเรียนรู้และฝึกฝนกับประสบการณ์จริงเท่านั้น
โดยต้องปฏิบัติตนให้เป็นแบบธรรมชาติอีกด้วย
 
เช่นต้องไม่เสียเวลาไปกับการปฏิบัติตนอยู่คนเดียว
ด้วยการแสร้งทำเป็นคนตาบอดหูหนวกและเป็นใบ้
ด้วยการกดข่มจิตสามนึกของตนไว้ให้มันนิ่งสงบ
ที่หลายคนเขาเปรียบกันว่าทำตนเป็นดั่งไม้ทับหญ้า
ซึ่งจริตสันดานของจิตก็หมายถึง
 “หญ้า”
ไม้ที่นำมาใช้ทับหญ้าก็คือการใช้ #จิตข่มจิต เอาไว้
เพื่อหมายจะจัดการชำระขยะหรือกิเลสของจิตนั่นเอง
 
การนั่งสมาธิด้วยการปฏิบัติดังเช่นที่ว่านี้
ไม่ใช่วิธีชำระกิเลสของจิตที่ถูกต้องถ่องแท้เลย
เพราะเมื่อคุณเลิกนั่งหลับตาหยุดกดข่มมันเมื่อไหร่
จริตสันดานของจิตที่เป็นกิเลสซึ่งมันสงบอยู่นั้น
มันก็จะปรากฏเกิดขึ้นมาได้อีกมันจะฟื้นคืนขึ้นมาได้อีก
เหมือนต้นหญ้าที่มันแสร้งตายเมื่อถูกไม้ทับอยู่
เมื่อใดที่คุณยกไม้แผ่นนั้นออกมาไม่มีอะไรกดทับมัน
หญ้าที่มันยังมีรากอยู่ในดินนั้นก็จะพากันโตขึ้นมาใหม่
มันมิได้ตายหรือหายไปอย่างที่ต้องการ
 
กิเลสและสันดานที่ไม่ดีของจิตมนุษย์
สามารถกดข่มให้มันสงบลงชั่วครั้งคราวได้
ด้วยวิธีการกรรมฐานสมาธิแบบบอดใบ้อยู่คนเดียว
เพราะใช้พลังสมถะของจิตหยาบกดข่มมันเอาไว้
ขยะของจิตในรูปของกิเลสและบริวารกิเลสทั้งหมด
เมื่อถูกกดข่มไว้มันก็จะกลายเป็นตะกอนอยู่ในจิต
พระพุทธองค์ทรงเรียกขยะพวกนี้ว่า
 #อนุสัย
 
ถ้าคุณจะชำระขยะอันไม่พึงประสงค์ที่ในจิตนี้ให้ได้
จะใช้วิธีนั่งคนเดียวแล้วทำเป็นบอดใบ้
ด้วยการพยายามกดทับมันเอาไว้ไม่ได้อีกแล้ว
เพราะการทำตนเหมือนคนบอดใบ้โดยปิดอายตนะ
ก็เพื่อปิดหน้าต่างของจิตไม่ให้มีสิ่งเร้าเย้ายวนยั่วยุ
จะได้ทำการกดข่มจิตปัจจุบันให้มันอยู่หมัดได้ง่าย
 
เพราะมนุษย์ถูกสอนให้พยายามดับขันธ์ห้า
โดยคนนำทางตาบอดทายาทมอดมาร
เป็นผู้สอนให้เชื่อว่าขันธ์ห้าคืออัตตาของจิตวิญญาณ
เป็นตัวต้นเหตุแห่งการมาเกิดกายสังขารเป็นมนุษย์
ถ้าดับขันธ์ห้าได้ก็ดับอัตตาได้ตายแล้วจะไม่เกิดอีก
ซึ่งเป็นเรื่องเท็จหรือไม่เป็นจริงแต่อย่างใดทั้งสิ้น
เป็นการหลอกให้มนุษย์หลุดลอยไปเป็นเทพเทวดา
ไม่อาจกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ช่วยค้ำจุนสมดุลโลกได้
นับวันนานวันเข้าโลกนี้จึงเสียสมดุลมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
เพราะโลกขาดคนชอบธรรมที่จะอยู่ประจำโลก
เนื่องจากถูกหลอกให้ตายหลอกให้มีภพชาตินั่นเอง
 
เพราะคนชอบธรรมผู้ชอบทำแต่สิ่งที่ตนชอบ
เนื่องจากเสพติดกิเลสเสียจนขาดสติโดยไม่รู้ตัว
จึงหลงทางปฏิบัติธรรมและหลงทางนิพพานกันหมด
มนุษย์จึงต้องทำสงครามกับภัยธรรมชาติกันมากขึ้น
 
นอกจากนั้นการถูกหลอกให้ปฏิบัติธรรมคนเดียว
ยังทำให้การสร้างพลังงานร่วมด้านบวก
βx
จากจิตสามนึกด้านบวกของคนตั้งแต่สามคนขึ้นไป
สำหรับมนุษย์โลกแล้วจะไม่สามารถเป็นจริงได้เลย
เพราะถูกหลอกให้ปฏิบัติธรรมแบบต่างคนต่างทำ
พวกคุณจึงปฏิบัติธรรมเพื่อโลกของตนเองกันไม่ได้
ดาวเคราะห์โลกจึงขาดพลังงานในแบบที่ต้องการ
 
เพราะเหตุแห่งความงมงายเหลวไหลเหล่านี้
ดาวเคราะห์โลกจึงเกิดภัยธรรมชาติมากขึ้นหนักขึ้น
เนื่องจากมนุษย์ร่วมกันใช้เมตตาธรรมค้ำจุนโลกไม่ได้
ต่างถูกหลอกให้ละทิ้งหน้าที่ของจิตวิญญาณกันหมด
หลอกให้ละทิ้งพันธะสัญญา 6 ที่ให้ไว้กับพระเจ้า
ว่าจะอาสาเข้ามาเกิดเพื่อเป็นเพื่อนร่วมงานกับโลก
ด้วยการหนีโลกแล้วอยากไปเกิดเป็นเทพเทวดาแทน
 
กรณีแผ่นดินไหวใหญ่ที่ประเทศโมร็อกโก
ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อดึกวันที่ 8 กันยายนศกนี้
จนทำให้มีผู้เสียชีวิตร่วม 2 พันคนและบาดเจ็บนับร้อย
นี่ก็เป็นเคราะห์ซ้ำกรรมซัดวิบัติภัยที่เกิดขึ้นจากสองภัย
ภัยแรกคือ
 “ภัยธรรมชาติ” อันเกิดจากโลกเสียสมดุล
ภัยที่สองคือ
 “ภัยพิบัติ” อันเกิดจากปฏิบัติการชำระโลก
ที่ช่างเท็คนิกของพระเจ้าลงมือปฏิบัติการไปตามแผน
เพราะเป็น
 #ภัยซ้อนภัย จึงตายและบาดเจ็บจำนวนมาก
 
รายละเอียดเบื้องหลังธรณีวิบัติครั้งนี้เป็นอย่างไร
เราจะมาเล่าให้ฟังให้เรียนรู้กันในครั้งต่อไป
 
เอเมน สาธุ
ถ่ายทอดคลื่นความคิดจากองค์จิตจักรวาล
โดย
 #ปัญญาวิสุทธิ์
11/09/2566