(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ถ้าโลกจะมีพลังอำนาจสูงขึ้นกว่าเดิมได้นั้น
พระเจ้าจะต้องทรงดำเนินการดังต่อไปนี้
1.จำนวนประชากรโลกในยุคพลังงานใหม่ที่จะถึงนี้
จะต้องลดจำนวนลงจากเดิมคือเจ็ดพันกว่าล้านคน
ให้เหลือ 2 ใน 3 ของจำนวนปัจจุบันเป็นอย่างน้อย
โดยวิธีที่จะลดจำนวนลงได้ก็คือใช้ภัยพิบัติชำระล้าง
เพื่อลดน้ำหนักมวลบนโลกให้น้อยลงนั่นเอง
ถ้าดาวโลกมีน้ำหนักมวลลดลง
พลังที่ต้องใช้ในการ “บิดตัว” ของแกนแม่เหล็กโลก
เพื่อทำให้ดาวโลกเหวี่ยงหมุนรอบตัวเองให้ต่อเนื่อง
จะไม่ต้องใช้พลังอำนาจมากเหมือนในยุคพลังงานเก่า
เพราะว่าโลกมีมวลน้อยลงจึงไม่ต้องใช้แรงเหวี่ยงมาก
เนื่องจากในยุคพลังงานเก่าที่ผ่านมา
ทุกจิตจักรวาลดวงเล็กที่มี 11 เหลี่ยมมุมหรือมี 11D
ซึ่งเป็นตัวตนภาคแรกที่สูงส่งของจิตวิญญาณพวกคุณ
ที่ดำรงตนเองอยู่กับพระเจ้าในแดน “สุญตา”
อันเป็นพระนิเวศน์ของพระองค์ที่อยู่ภายนอกเอกภพ
จะสามารถแบ่งภาครูปธรรมทางพลังงานของตนเอง
จาก 1 รูปธรรมออกมาได้อีกทีละหนึ่งรูปธรรมย่อย
เพื่อทยอยลงมาเกิดเป็น “คนสองมิติ” อยู่ในระบบโลก
สำหรับจิตจักรวาลดวงเล็กที่มี 11D ก็คือ #พระบุตร
ซึ่งเป็นตัวตนภาคแรกที่สูงส่งของแก่นแท้คือตัวคุณเอง
แต่ละรูปธรรมย่อยที่ทยอยแบ่งออกมาก็คือ #พระจิต
อันหมายถึง #จิตวิญญาณ ผู้อาสาข้ามมิติเข้ามาเกิด
เพื่อใช้ความรักความเมตตาสั่นสะเทือนขันธ์ห้าร่วมกัน
ทำการผลิตพลังงานแสงคือพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็ก
มอบให้แกนโลกนำไปใช้เป็นพลังในการบิดตัวต่อเนื่อง
ทำให้ดาวโลกเหวี่ยงหมุนรอบตัวเองต่อเนื่องตามไปได้
ยังผลให้ระบบโลกและทุกสิ่งสมดุลกันจนเป็นหนึ่งเดียว
พระเจ้าทรงอนุญาตให้ “พระบุตร” 1 รูปธรรม
สามารถแบ่งภาคพลังงานตนเองออกมาเป็น “พระจิต”
โดยแบ่งได้สูงสุดไม่เกิน 35 รูปธรรม หรือ 35 ครั้งเท่านั้น
วัตถุประสงค์ในการแบ่งภาคจาก 1 เป็น 35 รูปธรรมนี้นั้น
ทรงยินยอมให้เป็นไปตามความประสงค์ของ “พระบุตร”
ในการเข้ามาเกิดเพื่อจะได้ “ฉุดช่วย” รูปธรรมของพระจิต
ซึ่งเดินทางข้ามมิติเข้ามาเป็นรูปธรรมแรกหรือก่อนหน้า
แล้วมีทีท่าว่าจะล้มเหลวในพันธะสัญญา 6 ที่ให้ไว้
จนหลงทางนิพพานหลงทางกลับบ้านและลืมพระเจ้า
ตลอดมาทั้งวันคืนจึงทำตัวเป็นดั่ง #ลูกกำพร้า
ทำตนเป็นดั่งเด็กน้อยอนาถาเร่ร่อนสัญจรไปในไตรภูมิ
ทำตนแบบคนไร้บ้านค่ำไหนนอนนั่นเวียนว่ายตายเกิด
มีชีวิตอยู่บนโลกโดยไร้จุดหมายเพราะจำอดีตไม่ได้ว่า
จิตวิญญาณของตนมาจากไหนใครอนุญาตให้มาเกิด
มาเกิดเป็นมนุษย์ทำไมจึงได้แต่ทำตัวรอวันตายเท่านั้น
เพราะหนึ่งรูปธรรมของพระบุตรในแดนสุญตา
จะแบ่งภาคตนเองมาเกิดเป็นมนุษย์ได้ถึง 35 รูปธรรม
แม้จะไม่มีรูปธรรมใดใช้สิทธิ์จนเต็มจำนวนสามสิบห้า
แต่ประชากรโลกก็เพิ่มจากยุคอาดัมกับอีวาอยู่มากล้น
สาเหตุที่ไม่มีพระบุตรรูปธรรมใดใช้สิทธิ์เต็มจำนวน
โดยอาจน่ายินดีที่มีพวกเดียวกันมาเกิดเพื่อมาฉุดช่วย
แต่ต้องเสี่ยงกับการที่ผู้มาช่วยต้องเอาตัวเองให้รอดด้วย
ซึ่งมันมิใช่เรื่องง่ายดายแต่อย่างใดเลย
เหตุที่มันไม่ง่ายก็เป็นเพราะว่า
เมื่อได้รับโอกาสให้มาเกิดเพื่อฉุดช่วยพี่น้องของตนแล้ว
มิติทางปัญญาจะถูกปิดไว้ด้วยอำนาจแม่เหล็กโลก
ทำให้ผู้มาก่อนและผู้มาช่วยเข้าถึงความจริงที่ว่านี้ไม่ได้
อีกทั้งจิตวิญญาณของพวกคุณผู้มาเกิดในระบบโลกก่อน
ก็ไม่เคยรับรู้ความจริงในแผนการพิเศษ 1 ต่อ 35 นี้เลย
เหล่าพระบุตรในแดนสุญตาเพิ่งร้องขอพระเจ้าให้เมตตา
เพื่อให้ตนได้โอกาสเข้ามา #ฉุดช่วย พี่น้องในภายหลัง
นอกจากนั้นผู้ที่เข้ามาช่วยด้วยการเกิดใหม่
กับผู้มาก่อนที่จิตวิญญาณกำลังมีปัญหาตามยถากรรมอยู่
ต่างคนต่างก็ไม่รู้ว่าใครเป็นใครและไม่รู้ว่าใครคือคนนั้น
แม้ว่าเราจะกล่าวความจริงให้พวกคุณรู้อยู่ในขณะนี้
พวกคุณก็ยังไม่มีใครสามารถรู้ความจริงนี้ได้กันอยู่ดีว่า
“ใครมาช่วยกู กูมาช่วยใคร ใครมีพระจิตพวกเดียวกับกู”
ในทำนองรู้หน้าแต่ไม่รู้จิตใจนั่นแหละ
ประชากรโลกที่มากมายก่ายกองในปัจจุบัน
รวมทั้งจิตวิญญาณที่หลงมิติจนต้องตกนรกตกสวรรค์
เพราะยังไม่อาจกลับสู่การเกิดเป็นมนุษย์ได้อยู่
จำนวน 1 ใน 3 นี่แหละที่มีแผนว่าจะต้องถูกคัดทิ้ง
เพื่อลดน้ำหนักมวลให้กับระบบโลกเสรีนี้
2.เมื่อจำนวนประชากรโลกคือมนุษย์ลดลง
เพราะต้องตายไปจากการชำระโลกด้วยภัยพิบัตินั้น
พวกที่เหลือรอดซึ่งเป็นคนจำนวนน้อยลงกว่าเดิม
จะต้องเป็นพวกที่มีคุณสมบัติพอที่จะถูกคัดไว้
ผู้ที่ถูกคัดไว้จะต้องเป็นเพื่อนร่วมงานกับโลกได้จริง
มิใช่เป็นแค่ขยะที่ปลิวไปปลิวมาอยู่ในระบบโลกเสรีนี้
หรือผู้ที่ทำตัวเป็นดั่งเห็บหมัดของหมาของแมว
ที่คอยดักดูดประโยชน์ไปจากโลกและเพื่อนมนุษย์
เป็นพวกที่มาเกิดแล้วเติบโตเพื่อตายหรือ #เติบตาย
ซึ่งผิดหลักธรรมชาติสากลไปจากต้นไม้ที่โตวันโตคืน
หรือแม้กระทั่งสิ่งมีชีวิตบนดาวอื่นที่เกิดแล้วไม่ตาย
โดยมนุษย์ที่ไม่เป็นขยะรกโลกเท่านั้น
จึงจะเป็นพวกที่ได้รับการ “คัดไว้” ไม่ใช่ถูกคัดทิ้ง
ซึ่งโลกนี้จะมีทูตสวรรค์ของพระเจ้าคอยกำกับการอยู่
เพื่อมิให้ปฏิบัติการชำระขยะออกไปจากระบบโลก
เกิดการผิดตัวผิดคนผิดที่ผิดเป้าประสงค์ผิดเป้าหมาย
จนเกิดความเสียหายต่อโลกและเอกภพได้
ดังนั้น
ปฏิบัติการชำระโลกด้วยวิธีลดจำนวนมวลให้น้อยลง
จึงจะต้องสอดคล้องกับแผนการและเป้าหมายเท่านั้น
คุณจะได้เห็นว่าภัยพิบัติที่เกิดขึ้นทุกรูปแบบที่ผ่านมา
จะมีทั้งคนตายและคนหายคราวละนับพันนับหมื่นคน
จะมีอาคารบ้านเรือนน้อยใหญ่พังลงมากองอยู่กับพื้น
จะมีภูเขาถล่มแผ่นดินสไลด์ต้นไม้ล้มระเนระนาด
ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นวิธีการชำระขยะที่รกโลกหนักโลก
ให้มีน้ำหนักมวลรวมแต่ละชิ้นน้อยลงไปจากเดิมทั้งสิ้น
ทั้งอาคารบ้านเรือนที่เป็นสิ่งปลูกสร้างของมนุษย์
รวมทั้งมนุษย์ที่หมุนแต่กรรมจักรเพราะรักกันไม่ได้
มันคือ “ขยะ” หรือส่วนเกินของระบบโลกที่หนักโลก
เพราะไม่มีความรักที่จะช่วยให้โลกหมุนจนสมดุลได้
แม้จะเป็นคนชอบธรรมแต่กลับทำในสิ่งที่ตนชอบ
จึงเป็นการ “ทำบุญ” ด้วยจิตหยาบที่แฝงไว้ด้วยกิเลส
ซึ่งพลังงานจิตที่ผลิตสร้างออกมาด้วยขันธ์ห้า
แม้จะเป็นพลังงานด้านบวกแต่ก็ไม่สะอาดบริสุทธิ์
เป็นพลังงานที่โลกและทุกสรรพสิ่งจะเอาไปใช้ไม่ได้
เพราะเป็น #พลังงานกรรม หรือผลกรรมทางพลังงาน
ที่เป็น “กรรมใคร-ใครกำ” กรรมใครคนนั้นรับผิดชอบ
พลังงานในแบบที่โลกต้องการนั้น
คำว่า “โลก” พระเจ้าทรงหมายถึงดาวเคราะห์โลก
อันประกอบด้วยดินน้ำลมไฟและทุกสรรพสิ่งในระบบ
ที่เป็นพืชสัตว์ต้นไม้และมนุษย์ทุกผู้ทุกนามด้วย
ดังนั้น
พลังงานจิตที่มนุษย์อย่างพวกคุณจะผลิตกันขึ้นมา
จากการสั่นสะเทือนจิตหยาบเป็นขันธ์ห้าด้วยรักเพื่อให้
พวกคุณจะทำดีทำบุญแล้วร้องขอสิ่งตอบแทนไม่ได้
เพราะกุศลผลบุญที่คุณทำนั้นมันเป็นของคุณอยู่แล้ว
เนื่องจากกรรมดีกรรมชั่วเป็นของตัวเองใครทำใครได้
ใครจะทำแทนใครก็ไม่ได้ถ้าไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน
ที่มีพลังอำนาจของเมอร์คขะบาห์คล้ายคลึงกันเท่านั้น
คุณจะต้องรู้ว่าต่อนี้ไป
การทำบุญสุนทานด้วยการอุทิศให้ใครก็ตาม
แม้กระทั่งทำแล้วอธิษฐานขอสิ่งแลกเปลี่ยนตอบแทน
มันจะทำให้มวลพลังงานที่จิตผลิตขึ้นมานั้นมีเจ้าของ
ซึ่งโลกและสรรพสิ่งอื่นไม่อาจนำไปใช้ประโยชน์ได้
เพราะพลังงานดังกล่าวไม่สะอาดบริสุทธิ์ไม่เป็นสากล
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือ #ก๊าซออกซิเจน
ที่แทรกตัวขึ้นมาจากใจกลางโลกอย่างต่อเนื่อง
เพราะมนุษย์โลกเองร่วมด้วยช่วยกันผลิตมันออกมา
โดยที่ไม่รู้มาก่อนว่ามนุษย์ทุกคนนั้นคือผู้ร่วมกันผลิต
จึงไม่มีใครแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของก๊าซที่ว่านี้
ใครที่ยังไม่ตายใคร่จะหายใจเข้าไปเพื่อยังชีพตนไว้
โดยจะใช้มันในปริมาณมากน้อยเท่าไหร่ก็ย่อมทำได้
ไม่ต้องไปซื้อหาหรือว่าร้องขอมาจากคนข้างบ้านเลย
เพราะมันเป็นทรัพยากรที่มีอยู่ในธรรมชาติแล้ว
พลังงานบุญหรือกุศลผลบุญที่เป็นอานิสงส์ก็เช่นกัน
คุณจะเปลี่ยนจากพลังงานสะอาดเป็นผลกรรมไม่ได้
เพราะพลังงานสะอาดเป็นสมบัติที่เป็นของสากล
แต่ “ผลกรรม” ไม่เป็นสากลจะเป็นแบบที่มีเจ้าของ
จิตวิญญาณพวกคุณมาเกิดก็เพื่อทำแบบนี้อย่างนี้
ไม่ใช่มาเกิดเพื่อกอบเพื่อโกยเพื่อตนเองและพวกตัว
ด้วยเหตุนี้
คนที่ก่อกรรมทำบาปชั่วเป็นกิจวัตร
โดยหมุนกันแต่กรรมจักรเป็นอาจินต์
จึงเป็นคนที่หนักแผ่นดินซึ่งโลกนี้ไม่ต้องการ
ซึ่งจะเป็นคนกลุ่มใหญ่ที่ถูก “คัดทิ้ง” ไปจากโลกนี้
เพราะทำตนเป็นเพื่อนร่วมงานกับโลกไม่ได้
เนื่องจากหมนุธรรมจักรในตนเองก็ไม่เป็น
ชวนคนรอบข้างมาร่วมกันหมุนธรรมจักรก็ไม่สำเร็จ
บางคนยังทำตนเป็นอุปสรรคของคนดีๆอีกด้วย
พวกคนเหล่านี้คือ “ขยะ” ที่จะถูกกำจัดคัดทิ้ง
#คุณมิใช่คนหนึ่งในคนพวกนี้ใช่หรือไม่ล่ะ?
เอเมน สาธุ
ถ่ายทอดคลื่นความคิดจากองค์จิตจักรวาล
โดย #ปัญญาวิสุทธิ์
21/09/2566