05 กันยายน 2566

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 5/09/2023

#คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล
(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)
 
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
 
คุณสมบัติของจิตใต้สำนึกประการที่ 4 ก็คือ
 
4.เป็นคลื่นสัญญาณการสื่อสารของจิตวิญญาณ
ที่ใช้ในการสร้างสานสัมพันธ์กับทุกสรรพสิ่ง
ซึ่งอยู่ในรูปของคลื่นความถี่ทางไฟฟ้าแม่เหล็ก
เช่นเดียวกันกับคลื่นความถี่สนามแม่เหล็กโลก
 
เมื่อจิตหยาบโดยจิตสามนึกของคุณสั่นสะเทือนขึ้น
จิตใต้สำนึกโดยจิตวิญญาณก็จะสั่นสะเทือนตาม
โดยเริ่มจากจิตหยาบจะสั่นสะเทือนที่ต่อมไพเนียล
จิตวิญญาณตรงต่อมพิทูอิทารีก็จะสั่นสะเทือนตาม
เพื่อทำการขับเคลื่อนคลื่นของจิตสามนึกออกมา
ทำการเชื่อมสัญญาณกับจิตของรูปธรรมนั้นๆ
ตามที่จิตคุณกำหนดด้วยวิธีการระลึกนึกถึงเขาอยู่
 
โดยคำว่า “เขา” เป็นได้ทั้งใครบางคนสัตว์บางตัว
แม้สิ่งมีชีวิตแวดล้อมตัวคุณในธรรมชาติทั้งใกล้ไกล
คลื่นการสื่อสารดังกล่าวนี้ก็จะเดินทางไปถึงเสมอ
ด้วยความเร็วแสงที่เปลี่ยนค่าเป็น 2 เท่าในทุกวินาที
ซึ่งเป็นค่าความเร็วเฉลี่ยของการสื่อสารทางจิต
ในมนุษย์ปกติทั่วไปที่สภาวะจิตยังมิได้ถูกจัดระบบ
ยังไม่ผ่านกระบวนการชำระกิเลสที่ในจิตกันมาก่อน
 
ดังนั้น
เพียงแค่คุณนึกคิดรู้สึกถึงใครว่าอย่างไร
เท่ากับว่าคุณได้ก่อ “มโนกรรม” ขึ้นมาเป็น “ขอเกี่ยว”
ระหว่างคุณกับรูปธรรมนั้นไว้ในมิติของแก่นแท้แล้ว
ถ้าเป็นการขอเกี่ยวกันลับหลังโดยรูปธรรมนั้นไม่รู้ตัว
รูปธรรมนั้นก็จะไม่สั่นสะเทือนจิตหยาบตอบสนอง
คุณก็จะมีตะขอเกี่ยวกรรมกับเขาอยู่แค่เพียงข้างเดียว
การปลดตะขอจากการเกี่ยวกรรมลักษณะนี้ก็จะง่าย
 
เพียงแค่ตัวคุณมีจิตสามนึกที่ถูกต้องขึ้นมาเมื่อใด
โดยบอกตัวเองว่าอย่าก้าวล่วงผู้อื่นลับหลังเช่นนี้อีก
เพราะมันเป็นความผิดบาปอันไม่สมควรกระทำเลย
แม้ว่าเขาจะไม่อาจสัมผัสรู้ดูเห็นด้วยอายตนะก็ตาม
ไม่ต่างจากการลอบตีหัวคนอื่นที่เขาไม่รู้ตัวนั่นแหละ
ตามกฎแห่งการกระทำคุณก็ผิดบาปอยู่เต็มร้อยแล้ว
ซึ่งคุณจะต้องรีบหยุดก้าวล่วงผู้นั้นให้ทันในสามนาที
ก่อนที่มันจะหล่นลงไปบันทึกเอาไว้ในจิตใต้สำนึก
ที่มันจะเป็นรหัสกรรมค้างคาอยู่เพื่อรอให้คุณมีสำนึก
ว่าจะไม่ทำเช่นนั้นกับใครอีกและเสียใจที่ทำไปแล้ว
แต่ส่วนใหญ่เป็นจริงยากเพราะมักจะลืมกันมากกว่า
 
ถ้าคุณก้าวล่วงใครแบบลับหลังแต่ต่อหน้าคนอื่นๆ
แล้วมีคนปากปีจอเข้ามาใช้ตะขอเกี่ยวกรรมร่วมด้วย
โดยคนๆนั้นเป็นหมาเป็นอีกาคาบพริกที่เป็นของร้อน
คือข่าวร่ายข่าวร้อนที่คุณได้นินทาว่าร้ายใครเขาไป
ด้วยการนำของร้อนดั่งพริกเผ็ดนั้นไปบอกเล่าเป่าหู
ให้คนที่ถูกก้าวล่วงรู้จนเกิดอาการ “เผ็ดร้อน” ขึ้นมา
เสมือนว่าเขาคนนั้นถูกคุณก้าวล่วงต่อหน้าเขาเอง
แม้ว่าหมาหรืออีกานั้นจะผิดบาปในฐานะ “คนหูเบา”
แต่คุณก็จะมีตะขอเข้ามาเกี่ยวกับตะขอของคุณเพิ่ม
รวมเป็น 3 ตะขอ” ที่เข้ามาเกี่ยวกรรมเดียวกันแล้ว
 
แค่ตะขอกรรมที่คุณสร้างขึ้นมาเพียงตะขอเดียว
ที่รอวันให้จิตหยาบของคุณสำนึกผิดบาปนั้น
มันก็มิใช่เรื่องง่ายที่จะชำระกรรมนั้นให้เป็นโมฆะ
เพราะตะขอเกี่ยวกรรมเพียงอันเดียวที่คุณเกี่ยวไว้นั้น
มันเป็นการเกี่ยวลอยๆ ในอากาศเพราะขาดที่ยึดเกี่ยว
เพียงสำนึกในผิดบาปได้เมื่อใดตะขอนั้นก็จะหายไป
แต่ส่วนใหญ่พวกคุณมักจะลืมมันไปเสียมากกว่า
ชีวิตจึงติดกรรมแบบนี้จนต้องมีภพชาติใหม่ไปเรื่อยๆ
 
ถ้าคุณต้องการหลุดพ้นกลับบ้านได้ในชาตินี้
จิตวิญญาณคุณต้องเป็นอิสระจากการเกี่ยวกรรม
ไม่ว่าคุณจะเกี่ยวกรรมเดียวร่วมกันกับสักกี่คน
ไม่ว่าคุณจะเกี่ยวกรรมกี่กรรมกับใครๆสักกี่คน
คุณต้องรู้ว่า “การเกี่ยวกรรม” นั้นไม่ต่างจาก #ตะขอ
ที่คุณกับใครๆสร้างมันขึ้นมาเพื่อข้องเกี่ยวกันเอาไว้
เมื่อทิ้งกายสังขารคือจิตหยาบไปในภพชาตินี้แล้ว
จิตวิญญาณพวกคุณ #ทุกคน ที่เกี่ยวข้องกรรมกันอยู่
ก็จะยึดรั้งกันไว้ให้กลับมาพบเจอกันใหม่ในชาติหน้า
เพื่อทำหน้าที่สำคัญ 3 ประการ นั่นคือ
 
1.แกะตะขอกรรมที่เกี่ยวกันไว้ให้หลุดออกจากกัน
แบบตะขอของใครของมันต้องช่วยกันแกะมันออกมา
ด้วยการสำนึกในความผิดบาปของตนเองอย่างสุดซึ้ง
พร้อมการขออโหสิกรรมหรือขออภัยต่อกัน
 
2.แกะตะขอกรรมที่เกี่ยวกันไว้ให้หลุดออกจากกัน
ด้วยการละความโกรธแค้นอาฆาตพยาบาทให้หมดสิ้น
โดยยินดีให้อโหสิกรรมต่อผู้ที่กระทำเลวร้ายต่อตนเอง
จนในสภาวะจิตว่างไปจากรหัสกรรมนั้นให้สิ้น
 
3.เมื่อแกะตะขอของตนออกจากคู่กรรมสำเร็จแล้ว
และช่วยทำตนเองให้ว่างจากอัตตาด้วยการอโหสิ
เพื่อช่วยให้ตะขอของเขาไม่มีที่เกี่ยวรั้งได้อีก
ทั้งคุณและทุกคนทุกฝ่ายจะต้องสัญญากับตนเองว่า
จะไม่ก่อกรรมทำผิดบาปแบบเดิมนี้กับใครที่ไหนอีก
ตลอดชีวิตนี้และตลอดไป
 
ความตั้งใจจริงของคุณจากการกระทำดังกล่าวนี้
จิตใต้สำนึกของคุณซึงเป็นเครื่องมือของจิตวิญญาณ
จะสั่นสะเทือนตามและบันดาลผลสำเร็จให้เกิดขึ้นได้
เพราะผลกรรมกับการเกี่ยวกรรมที่เป็นดั่งตะขอนั้น
ล้วนเกิดจากพลังอำนาจของจิตใต้สำนึกตนเองทั้งสิ้น
หากจะชำระมันเพื่อการปลดตะขอที่เกี่ยวกันให้หลุด
คุณแต่ละคนจะต้องทำที่จิตสามนึกของตนเท่านั้น
มิใช่ทำที่จิตใต้สำนึกของจิตวิญญาณตามที่มารสอน
 
จงจำไว้ว่า
หัวใจของคุณมันเต้นเป็นจังหวะของมันเองได้ฉันใด
จิตใต้สำนึกของคุณมันก็ทำงานของมันเองได้ฉันนั้น
เพราะพระเจ้าทรงออกแบบเอาไว้เช่นนั้นแล้ว
เพื่อให้ลูกแกะคือจิตวิญญาณพวกคุณยุ่งยากน้อยสุด
ในการขันอาสามาเกิดเป็นมนุษย์อยู่ในระบบโลกเสรีนี้
พระองค์ทรงทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่ายไว้แทบทุกสิ่ง
คุณจงอย่าไปคิดให้มันยากหรืออย่าคิดว่ามันยากเลย
ที่ผ่านมาแค่ถูกหลอกจนหลงทางนิพพานกันก็แย่แล้ว
 
บัดนี้โลกสิ้นยุคพลังงานเก่าแล้วกลับบ้านเกิดกันดีกว่า
เรานำแสงสว่างจากแดนสุญตาของพระเจ้าเข้ามาให้
ช่วยทำลายความมืดให้เกิดความสว่างไปตามทางเดิน
ช่วยให้ฝูงแกะของพระเจ้ามองเห็นเส้นทางกลับบ้าน
ช่วยให้ลูกแกะทุกตัวเดินได้อย่างปลอดภัยไม่สะดุดล้ม
 
ว่าแต่ว่า...
พวกคุณจะยอมก้าวตามเรามาหรือไม่ล่ะ?
 
ถ่ายทอดคลื่นความคิดจากองค์จิตจักรวาล
เพื่อวิสุทธิชนยุคสุดท้ายผู้เป็นลูกแกะของพระเจ้า
 
เอเมน สาธุ
ปัญญาวิสุทธิ์
5/09/2566