พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
สิ่งที่มารตัวผู้ซึ่งเป็นซาตานตัวเดียวกัน
ได้ทำอวดรู้อธิบายความเป็นตัวอย่างไว้ว่า
ไม่ว่าจะเป็นรักของพ่อแม่ลูกหรือลูกกับพ่อแม่
จะรักแบบชายรักหญิงและรักแบบหญิงรักชาย
ล้วนเป็นความรักแบบมี #เงื่อนไข ทั้งสิ้น
เป็นรักในแบบของ #อัตตากับอัตตา นั้น
ในบทเรียนที่ผ่านมาเรายังไม่ได้สังคายนาเลย
จึงต้องยกยอดมาต่อไว้ในบทเรียนของตอนนี้
แถมยังก้าวล่วงเราจากประโยคที่เรากล่าวว่า
#ความรักระหว่างพ่อแม่ลูกเป็นรักที่ไร้เงื่อนไข
อันหมายถึงเป็นความรักที่บริสุทธิ์แท้จริง
โดยกล่าวหาว่าเรา “สับสน” ที่กล่าวสอนเช่นนี้
เพราะซาตานตนนี้ยังยึดติดกับเรื่อง “ขันธ์ 5”
ซึ่งเข้าใจว่าเป็นอัตตาตัวตนของจิตวิญญาณ
ถ้าพ่อแม่ลูกหรือใครก็ตามรักกันโดยมีขันธ์ห้าอยู่
ก็ยังเป็นรักที่ไม่บริสุทธิ์เพราะเป็นรักที่มีเงื่อนไข
ในลักษณะของ “อัตตากับอัตตา” อยู่ดี
ซาตานตนนี้คงหมายความว่า
ถ้ามนุษย์จะมีรักที่บริสุทธิ์ได้นั้นขันธ์ห้าต้องไม่มี
พวกมอดจึงหลอกให้พวกมารรุ่นใหม่หลงเชื่อว่า
ถ้าดับขันธ์ห้าได้เมื่อใดจิตวิญญาณจึงจะบริสุทธิ์
เลยหลอกให้คนชอบทำปลีกตัวเองไปจากสังคม
แล้วแสร้งทำเป็นคนอายตนะพิการทั้งๆที่ยังดีอยู่
ได้แต่เพ่งจิตภายในโดยไม่สนใจโลกภายนอก
เพื่อหาวิธีดับขันธ์ห้าที่คิดว่าเป็นอัตตานั้นให้ได้
มุ่งจะไปสวรรค์คนเดียวไม่ทำประโยชน์ให้โลกเลย
นับว่าเสียทีที่ได้รับโอกาสให้มาเกิดเป็นมนุษย์
การพยายามจะดับข้นธ์ห้าให้ได้
แล้วหยิบคำว่านิพพานของพระพุทธองค์มาใช้
เพื่ออธิบายความว่าถ้าดับขันธ์ห้าได้หมดสิ้น
มนุษย์ก็จะได้ชื่อว่าเข้าถึงนิพพานแล้วเมื่อนั้น
มอดหลอกว่าเมื่อตายไปก็จะไม่กลับมาเกิดอีก
เพราะว่ามนุษย์คนนั้นไม่มีขันธ์ห้าเหลืออีกแล้ว
เมื่อตายไปแล้วก็ไปเกิดอยู่บนสวรรค์ชั้นต่างๆ
มอดจึงหลอกมนุษย์ต่อไปว่าแดนสวรรค์มายา
เป็นแดนนิพพานของจิตวิญญาณมนุษย์นั่นเอง
คุณว่ามอดมันมั่วจนคุณเวียนหัวมั้ยล่ะ
เพราะคำว่า “นิพพาน” ที่แท้จริงนั้น
ในความหมายของพระเจ้ามีอยู่ 2 นัย คือ
1.นัยความหมายแรกเป็น #นิพพานดิบ
คำว่า “นิพพานดิบ” หมายถึงนิพพานกิเลส
คือดับการเกิดดับของกิเลสให้สิ้นเชื้อ
ดับจนไม่มีกิเลสและบริวารเหลืออยู่ในจิตเลย
บริวารของกิเลสคือตัณหาราคะอารมณ์ขยะ
ที่จิตหยาบจะสั่นสะเทือนมันอยู่ตลอดทั้งวัน
สั่นจนเข้าถึงความรักและปัญญาบริสุทธิ์มิได้
เมื่อเข้าถึงความรักและปัญญาบริสุทธิ์ไม่ได้
พวกคุณก็ตกเป็นทาสของกฎแห่งกรรมทันที
เพราะรักไม่ได้ให้อภัยไม่เป็นและเห็นแก่ตัว
แถมก้าวล่วงคนรอบข้างอย่างขาดสติได้อีก
ตายไปจึงต้องตกนรกนานกว่าจะมาเกิดใหม่
ถ้าไม่ตกนรกก็ต้องลอยไปติดค้างบนสวรรค์
ซึ่งต้องเสียเวลาอยู่บนนั้นนานกว่าตกนรกอีก
คำว่านิพพานในความหมายแรกนี้
เป็นองค์ความรู้ที่พระศาสดาได้ตรัสสอนไว้
แต่ถูกคนนำทางตาบอดทาสมอดบิดเบือน
จนคนชอบธรรมมากมายได้แต่ร้องถามว่า
แดนนิพพานที่ว่านี้มันอยู่ที่ไหนกันแน่
คำว่านิพพานนี้มันเป็นอัตตาหรืออนัตตา
เป็นคำถามที่แม้จะมีคำตอบก็ไม่เป็นสาระอะไร
เพราะพิจารณาคำถามแล้วก็รู้ได้ว่าไร้สาระ
ไม่ควรค่าแก่การเสียเวลาเรียนรู้มันเลยสักนิด
2.นัยความหมายที่สองเป็น #นิพพานหลังตาย
หมายถึงเมื่อตายแล้วจิตวิญญาณรูปธรรมนั้น
จะหลุดพ้นออกไปจากเอกภพอันกว้างใหญ่ได้
โดยสลัดตนเองหนีแรงดึงดูดเหนี่ยวรั้งได้สำเร็จ
เพราะจิตวิญญาณมีพลังอำนาจมากพอนั่นเอง
พวกคุณอาจถามว่า
จิตวิญญาณต้องนิพพานหลังตาย
เพื่อหลุดพ้นออกไปจากเอกภพกันทำไม
คำตอบคือเพื่อเดินทาง “กลับบ้านเกิด”
ที่จิตวิญญาณของคุณจากมานานหลายหมื่นปี
ที่นั่นพระเจ้าผู้ให้กำเนิดจิตวิญญาณพวกคุณ
ทรงรอคอยอยู่นานกว่าหกหมื่นปีโลกแล้ว
พวกคุณอาจถามว่า
ทำไมมนุษย์จึงต้องนิพพานกิเลสก่อน
แล้วค่อยนิพพานเพื่อหลุดพ้นกลับบ้านเกิด
เรามีคำตอบให้คุณรู้ว่า
การนิพพานกิเลสก่อนตายนั้น
เป็นภารกิจหลักที่สำคัญของจิตหยาบ
มิใช่ภารกิจของจิตวิญญาณโดยตรงหรอก
ถ้าจิตหยาบชำระกิเลสและบริวารยังไม่สิ้น
ผลกรรมที่จิตหยาบจะก่อขึ้นมาใหม่ก็จะเพิ่ม
ผลกรรมเก่าที่จิตวิญญาณแบกขนมาจากอดีต
ก็จะไม่ได้รับการชำระแก้ไขให้หมดสิ้นไปได้
ผลกรรมทั้งเก่าใหม่จะเป็นภาระอันหนักอึ้ง
จนทำให้จิตวิญญาณนั้นมีน้ำหนักมวลมาก
เมื่อมีน้ำหนักมากก็จะถูกเอกภพฉุดรั้งไว้
จนไม่อาจหลุดพ้นออกไปข้างนอกได้ในที่สุด
เรื่อง “นิพพาน” ทั้งสองนัยที่เรากล่าวมานี้
เป็นเรื่องสำคัญยิ่งกว่าเรื่องของอัตตาอนัตตา
ที่ซาตานตนนี้เพียรจับมาเป็นจำเลยเสียอีก
เพราะพวกมอดมารไม่ต้องการให้พวกคุณ
นำพาจิตวิญญาณหลุดพ้นกลับบ้านนั่นแหละ
เพราะพวกคุณยังทำประโยชน์ให้พวกมันได้
อย่างน้อยก็ช่วยทำตนเป็นดั่งแผงโซล่าเซลล์
ที่ลอยค้างอยู่บนสวรรค์มายากันหน้าสลอน
ในการปั่นพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กด้านบวก
ชนิดที่เป็นโซล่าเซลล์ “แผงเดี่ยว” รับใช้มอด
โดยมอดจะคอยดักดูดเอาไปใช้เพื่อดำรงชีวิต
ที่มอดเรียกว่าเป็น #กรรมกรชาวแสง นั่นเอง
เรื่องจิตวิญญาณที่มีขันธ์ห้าเป็นอัตตาอยู่
เรื่องความรักพ่อแม่ลูกเป็นแบบอัตตารักอัตตา
เรื่องความรักของสามีภรรยาของมวลมนุษย์
เฉพาะตัวอย่างในสามกรณีที่ว่านี้นั้น
เป็นกลอุบายของมอดที่หลอกลวงมนุษย์ทั้งสิ้น
เพราะความจริงก็คือขันธ์ห้าดับเองได้
เมื่อคุณตายไปจากภพชาตินี้
โดยจิตวิญญาณคุณจะเก็บรักษาขันธ์ห้านั้นไว้
แต่ถ้าคุณยังมีหน้าที่ต้องกลับมาเกิดใหม่
จิตวิญญาณคุณก็จะส่งมอบให้พร้อมจิตหยาบ
เพื่อให้จิตหยาบใช้ขันธ์ห้าทำหน้าที่ต่อไปได้
เราจะกล่าวความจริงให้คุณรู้ว่า
เรื่องของการเป็นมนุษย์เป็นหน้าที่ของจิตหยาบ
จิตวิญญาณผู้อาสามาเกิดไม่ต้องทำหน้าที่เอง
สิ่งที่ทำให้จิตหยาบมีปัญหามิใช่เรื่องของอัตตา
แต่เป็นเรื่องของกิเลสตัณหาราคะอารมณ์ขยะ
ที่ทำให้มโนกรรมวจีกรรมและกายกรรมสกปรก
จงอย่าหลงเชื่อตามคำสอนของมอดมารเลย
ตอนต่อไป
เราจะยกตัวอย่างเรื่องจิตหยาบที่ไม่บริสุทธิ์ว่า
มันมีความหมายแบบไหนอย่างไรให้คุณได้รู้
โปรดคอยติดตามกันได้ตามอัธยาศัย
กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา
เอเมน สาธุ
ปัญญาวิสุทธิ์
4/05/2566
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
สิ่งที่มารตัวผู้ซึ่งเป็นซาตานตัวเดียวกัน
ได้ทำอวดรู้อธิบายความเป็นตัวอย่างไว้ว่า
ไม่ว่าจะเป็นรักของพ่อแม่ลูกหรือลูกกับพ่อแม่
จะรักแบบชายรักหญิงและรักแบบหญิงรักชาย
ล้วนเป็นความรักแบบมี #เงื่อนไข ทั้งสิ้น
เป็นรักในแบบของ #อัตตากับอัตตา นั้น
ในบทเรียนที่ผ่านมาเรายังไม่ได้สังคายนาเลย
จึงต้องยกยอดมาต่อไว้ในบทเรียนของตอนนี้
แถมยังก้าวล่วงเราจากประโยคที่เรากล่าวว่า
#ความรักระหว่างพ่อแม่ลูกเป็นรักที่ไร้เงื่อนไข
อันหมายถึงเป็นความรักที่บริสุทธิ์แท้จริง
โดยกล่าวหาว่าเรา “สับสน” ที่กล่าวสอนเช่นนี้
เพราะซาตานตนนี้ยังยึดติดกับเรื่อง “ขันธ์ 5”
ซึ่งเข้าใจว่าเป็นอัตตาตัวตนของจิตวิญญาณ
ถ้าพ่อแม่ลูกหรือใครก็ตามรักกันโดยมีขันธ์ห้าอยู่
ก็ยังเป็นรักที่ไม่บริสุทธิ์เพราะเป็นรักที่มีเงื่อนไข
ในลักษณะของ “อัตตากับอัตตา” อยู่ดี
ซาตานตนนี้คงหมายความว่า
ถ้ามนุษย์จะมีรักที่บริสุทธิ์ได้นั้นขันธ์ห้าต้องไม่มี
พวกมอดจึงหลอกให้พวกมารรุ่นใหม่หลงเชื่อว่า
ถ้าดับขันธ์ห้าได้เมื่อใดจิตวิญญาณจึงจะบริสุทธิ์
เลยหลอกให้คนชอบทำปลีกตัวเองไปจากสังคม
แล้วแสร้งทำเป็นคนอายตนะพิการทั้งๆที่ยังดีอยู่
ได้แต่เพ่งจิตภายในโดยไม่สนใจโลกภายนอก
เพื่อหาวิธีดับขันธ์ห้าที่คิดว่าเป็นอัตตานั้นให้ได้
มุ่งจะไปสวรรค์คนเดียวไม่ทำประโยชน์ให้โลกเลย
นับว่าเสียทีที่ได้รับโอกาสให้มาเกิดเป็นมนุษย์
การพยายามจะดับข้นธ์ห้าให้ได้
แล้วหยิบคำว่านิพพานของพระพุทธองค์มาใช้
เพื่ออธิบายความว่าถ้าดับขันธ์ห้าได้หมดสิ้น
มนุษย์ก็จะได้ชื่อว่าเข้าถึงนิพพานแล้วเมื่อนั้น
มอดหลอกว่าเมื่อตายไปก็จะไม่กลับมาเกิดอีก
เพราะว่ามนุษย์คนนั้นไม่มีขันธ์ห้าเหลืออีกแล้ว
เมื่อตายไปแล้วก็ไปเกิดอยู่บนสวรรค์ชั้นต่างๆ
มอดจึงหลอกมนุษย์ต่อไปว่าแดนสวรรค์มายา
เป็นแดนนิพพานของจิตวิญญาณมนุษย์นั่นเอง
คุณว่ามอดมันมั่วจนคุณเวียนหัวมั้ยล่ะ
เพราะคำว่า “นิพพาน” ที่แท้จริงนั้น
ในความหมายของพระเจ้ามีอยู่ 2 นัย คือ
1.นัยความหมายแรกเป็น #นิพพานดิบ
คำว่า “นิพพานดิบ” หมายถึงนิพพานกิเลส
คือดับการเกิดดับของกิเลสให้สิ้นเชื้อ
ดับจนไม่มีกิเลสและบริวารเหลืออยู่ในจิตเลย
บริวารของกิเลสคือตัณหาราคะอารมณ์ขยะ
ที่จิตหยาบจะสั่นสะเทือนมันอยู่ตลอดทั้งวัน
สั่นจนเข้าถึงความรักและปัญญาบริสุทธิ์มิได้
เมื่อเข้าถึงความรักและปัญญาบริสุทธิ์ไม่ได้
พวกคุณก็ตกเป็นทาสของกฎแห่งกรรมทันที
เพราะรักไม่ได้ให้อภัยไม่เป็นและเห็นแก่ตัว
แถมก้าวล่วงคนรอบข้างอย่างขาดสติได้อีก
ตายไปจึงต้องตกนรกนานกว่าจะมาเกิดใหม่
ถ้าไม่ตกนรกก็ต้องลอยไปติดค้างบนสวรรค์
ซึ่งต้องเสียเวลาอยู่บนนั้นนานกว่าตกนรกอีก
คำว่านิพพานในความหมายแรกนี้
เป็นองค์ความรู้ที่พระศาสดาได้ตรัสสอนไว้
แต่ถูกคนนำทางตาบอดทาสมอดบิดเบือน
จนคนชอบธรรมมากมายได้แต่ร้องถามว่า
แดนนิพพานที่ว่านี้มันอยู่ที่ไหนกันแน่
คำว่านิพพานนี้มันเป็นอัตตาหรืออนัตตา
เป็นคำถามที่แม้จะมีคำตอบก็ไม่เป็นสาระอะไร
เพราะพิจารณาคำถามแล้วก็รู้ได้ว่าไร้สาระ
ไม่ควรค่าแก่การเสียเวลาเรียนรู้มันเลยสักนิด
2.นัยความหมายที่สองเป็น #นิพพานหลังตาย
หมายถึงเมื่อตายแล้วจิตวิญญาณรูปธรรมนั้น
จะหลุดพ้นออกไปจากเอกภพอันกว้างใหญ่ได้
โดยสลัดตนเองหนีแรงดึงดูดเหนี่ยวรั้งได้สำเร็จ
เพราะจิตวิญญาณมีพลังอำนาจมากพอนั่นเอง
พวกคุณอาจถามว่า
จิตวิญญาณต้องนิพพานหลังตาย
เพื่อหลุดพ้นออกไปจากเอกภพกันทำไม
คำตอบคือเพื่อเดินทาง “กลับบ้านเกิด”
ที่จิตวิญญาณของคุณจากมานานหลายหมื่นปี
ที่นั่นพระเจ้าผู้ให้กำเนิดจิตวิญญาณพวกคุณ
ทรงรอคอยอยู่นานกว่าหกหมื่นปีโลกแล้ว
พวกคุณอาจถามว่า
ทำไมมนุษย์จึงต้องนิพพานกิเลสก่อน
แล้วค่อยนิพพานเพื่อหลุดพ้นกลับบ้านเกิด
เรามีคำตอบให้คุณรู้ว่า
การนิพพานกิเลสก่อนตายนั้น
เป็นภารกิจหลักที่สำคัญของจิตหยาบ
มิใช่ภารกิจของจิตวิญญาณโดยตรงหรอก
ถ้าจิตหยาบชำระกิเลสและบริวารยังไม่สิ้น
ผลกรรมที่จิตหยาบจะก่อขึ้นมาใหม่ก็จะเพิ่ม
ผลกรรมเก่าที่จิตวิญญาณแบกขนมาจากอดีต
ก็จะไม่ได้รับการชำระแก้ไขให้หมดสิ้นไปได้
ผลกรรมทั้งเก่าใหม่จะเป็นภาระอันหนักอึ้ง
จนทำให้จิตวิญญาณนั้นมีน้ำหนักมวลมาก
เมื่อมีน้ำหนักมากก็จะถูกเอกภพฉุดรั้งไว้
จนไม่อาจหลุดพ้นออกไปข้างนอกได้ในที่สุด
เรื่อง “นิพพาน” ทั้งสองนัยที่เรากล่าวมานี้
เป็นเรื่องสำคัญยิ่งกว่าเรื่องของอัตตาอนัตตา
ที่ซาตานตนนี้เพียรจับมาเป็นจำเลยเสียอีก
เพราะพวกมอดมารไม่ต้องการให้พวกคุณ
นำพาจิตวิญญาณหลุดพ้นกลับบ้านนั่นแหละ
เพราะพวกคุณยังทำประโยชน์ให้พวกมันได้
อย่างน้อยก็ช่วยทำตนเป็นดั่งแผงโซล่าเซลล์
ที่ลอยค้างอยู่บนสวรรค์มายากันหน้าสลอน
ในการปั่นพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กด้านบวก
ชนิดที่เป็นโซล่าเซลล์ “แผงเดี่ยว” รับใช้มอด
โดยมอดจะคอยดักดูดเอาไปใช้เพื่อดำรงชีวิต
ที่มอดเรียกว่าเป็น #กรรมกรชาวแสง นั่นเอง
เรื่องจิตวิญญาณที่มีขันธ์ห้าเป็นอัตตาอยู่
เรื่องความรักพ่อแม่ลูกเป็นแบบอัตตารักอัตตา
เรื่องความรักของสามีภรรยาของมวลมนุษย์
เฉพาะตัวอย่างในสามกรณีที่ว่านี้นั้น
เป็นกลอุบายของมอดที่หลอกลวงมนุษย์ทั้งสิ้น
เพราะความจริงก็คือขันธ์ห้าดับเองได้
เมื่อคุณตายไปจากภพชาตินี้
โดยจิตวิญญาณคุณจะเก็บรักษาขันธ์ห้านั้นไว้
แต่ถ้าคุณยังมีหน้าที่ต้องกลับมาเกิดใหม่
จิตวิญญาณคุณก็จะส่งมอบให้พร้อมจิตหยาบ
เพื่อให้จิตหยาบใช้ขันธ์ห้าทำหน้าที่ต่อไปได้
เราจะกล่าวความจริงให้คุณรู้ว่า
เรื่องของการเป็นมนุษย์เป็นหน้าที่ของจิตหยาบ
จิตวิญญาณผู้อาสามาเกิดไม่ต้องทำหน้าที่เอง
สิ่งที่ทำให้จิตหยาบมีปัญหามิใช่เรื่องของอัตตา
แต่เป็นเรื่องของกิเลสตัณหาราคะอารมณ์ขยะ
ที่ทำให้มโนกรรมวจีกรรมและกายกรรมสกปรก
จงอย่าหลงเชื่อตามคำสอนของมอดมารเลย
ตอนต่อไป
เราจะยกตัวอย่างเรื่องจิตหยาบที่ไม่บริสุทธิ์ว่า
มันมีความหมายแบบไหนอย่างไรให้คุณได้รู้
โปรดคอยติดตามกันได้ตามอัธยาศัย
กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา
เอเมน สาธุ
ปัญญาวิสุทธิ์
4/05/2566
