พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ภาษาพูดของมนุษย์โลกมีหลายภาษา
แต่ภาษาหลักที่ใช้สื่อสารกันได้มีดังนี้ คือ
1.ภาษากาย คือ สีหน้า
2.ภาษาท่าทาง คือ อากัปกริยาต่างๆ
3.ภาษาเขียน คือ จดหมาย ตำรา บันทึก
4.ภาษาเสียง คือ แถบบันทึกเสียง
5.ภาษาพูด คือ การพูดด้วยวาจาหรือวาทะ
ทั้ง 5 ช่องทางของการสื่อสารนี้
เป็นการสื่อสารในมิติโลกด้านกายภาพเท่านั้น
แต่เนื่องจากมนุษย์โลกเป็นคนที่มี #สองมิติ
มิได้มีเพียงแค่มิติโลกด้านกายภาพอย่างเดียว
ที่สามารถใช้ #จิตสามนึก ขับเคลื่อนการสื่อสาร
ทั้งห้าช่องทางระหว่างกันและกันได้เท่านั้น
แต่มนุษย์ยังมีมิติทางพลังงานด้านของแก่นแท้
ที่สามารถใช้ #จิตใต้สำนึก สื่อสารเป็นภาษาจิต
เรียกว่า “การสื่อสารทางจิต” ระหว่างกันได้ด้วย
โดยมนุษย์สื่อสารทางจิตด้วยวิญญาณ “ขันธ์”
เป็นขั้นตอนสุดท้ายในกระบวนการของขันธ์ห้า
มนุษย์จะสื่อสารกันด้วยภาษาจิต
โดย “ภาษาจิต” ที่ว่านี้จะเป็น “ภาษาสากล”
คำว่า “ภาษาสากล” หมายถึงสิ่งมีชีวิตทุกชนิด
ที่มีจิตวิญญาณเป็นตัวตนแก่นแท้อยู่ข้างใน
จะสามารถสื่อสารกันได้รู้เรื่องและเข้าใจกันหมด
แม้ภาษาที่ใช้ในมิติโลกทางกายภาพจะต่างกันอยู่
แต่ทุกรูปธรรมก็จะเข้าใจในสิ่งที่สื่อสารตรงกันได้
ไม่มีการฟังผิดพูดผิดจนไม่เข้าใจกันหรือผิดใจกัน
เพราะการสื่อสารบกพร่อง (Miscommunication)
เพราะภาษาจิตเป็นภาษาสากลนี่เอง
มนุษย์จึงสามารถสื่อสารกันรู้เรื่องได้ทั่วทั้งโลก
ไม่ว่าจะเป็นชนเผ่าชาวบ้านชาวเมืองชาติใดก็ตาม
ไม่เว้นแม้กระทั่งการสื่อสารระหว่างคนกับสัตว์
ก็ใช้ภาษาจิตด้วยการนึกคิดว่าจะพูดอะไรกัน
ทั้งรับรู้การการนึกคิดของกันและกันได้อีกด้วย
แต่มีเงื่อนไขว่าทั้งสองฝ่ายต้องใช้ภาษาจิตเป็น
โดยจะต้องสื่อสารสองทางได้อย่างชำนาญ
ที่เรียกว่า 2-Ways Telepathy ได้แล้วเท่านั้น
ช่องทางการสื่อสารเป็นภาษาจิตคือตาที่สาม
ซึ่งศูนย์กลางการสั่นสะเทือนอยู่ที่ต่อมไพเนี่ยล
เพราะที่จุดนี้จิตหยาบจะทำการนึกทุกสิ่งกันที่นี่
ข้อมูลของการสื่อสารทางจิตที่จะสื่อออกมา
ก็จะถูกใส่รหัสเพื่อการสื่อสารกันที่ต่อมไร้ท่อนี้
ถ้าผู้รับสื่อทางจิตสามารถรับรู้คลื่นที่สื่อมาให้ได้
ต่อมไร้ท่อของผู้รับสื่อก็จะทำการถอดรหัสที่ได้รับ
เพื่อทำความเข้าใจภาษาจิตของอีกฝ่ายได้ว่า
ที่อีกฝ่ายหนึ่งนึกคิดส่งข้อมูลทางจิตมาให้นั้น
มีใจความว่าอย่างไรมีข้อมูลอะไรที่ส่งมาให้บ้าง
โดยคลื่นการสื่อสารภาษาจิตที่เป็นภาษาสากลนี้
เป็น “คลื่นผสม” ระหว่างคลื่นจิตกับคลื่นความคิด
โดยคลื่นจิตจะอยู่ในรูปของคลื่นไฟฟ้าแม่เหล็ก
ซึ่งมีหน้าที่เป็นตัวนำพาภาษาสากลไปยังผู้รับสื่อ
กับ “คลื่นการนึกคิดของจิตกับสมอง” เป็นสัมภาระ
ที่คลื่นจิตจะแบกขนไปส่งให้ต่อมไพเนียลของผู้รับ
ทำการ “ถอดรหัส” ด้วยจิตหยาบกับสมองต่อไป
ที่กล่าวมานี้เป็นกระบวนการสื่อสารทางจิต 2 ทาง
ระหว่างตาที่สามกับตาที่สามของมนุษย์ด้วยกันเอง
หรือระหว่างมนุษย์กับสัตว์ประจำโลกทุกเผ่าพันธุ์
ตามที่พระเจ้าทรงออกแบบเอาไว้ให้ดีแล้ว
โดยสนามแม่เหล็กโลกที่เชื่อมต่อกันไว้ทั้งเอกภพ
ยังจะช่วยเป็นสื่อกลางให้คลื่นการสื่อสารภาษาจิต
สามารถติดต่อถึงกันได้ทั่วทั้งเอกภพเลยทีเดียว
ดังนั้น
การสื่อสารระหว่างมนุษย์ที่อยู่บนโลก
กับนักบินอวกาศที่แอบไปทำงานอยู่บนดวงจันทร์
หรือแอบไปทำงานลับๆอยู่บนดาวอังคาร
หรือว่าจะสื่อสารกับสิ่งมีชีวิตบนดาวดวงไหนก็ตาม
ถ้าทั้งสองฝ่ายสามารถใช้ช่องทางภาษาจิตได้แล้ว
ก็จะสื่อสารกันรู้เรื่องและเข้าใจกันได้เป็นอย่างดี
ด้วยเหตุนี้เอง
ในอนาคตมนุษย์ยุคพลังงานใหม่
หลังการเปลี่ยนผ่านจากยุคพลังงานเก่าไปแล้ว
จะสามารถสื่อสารภาษาสากลได้เพิ่มอีกภาษาหนึ่ง
กับคนกับสัตว์หรือกับชาวดาวอื่นก็ได้ตามต้องการ
โดยไม่ต้องพึ่งพาวัตถุเท็คโนโลยีในการสื่อสาร
ไม่ต้องใช้ดาวเทียมกับเรดาร์ของ “มอด” อีกต่อไป
คุณจะรู้ว่าโลกเปลี่ยนผ่านสู่ยุคพลังงานใหม่แล้ว
เมื่อพบว่าคนที่เหลวไหลบนโลกนี้จำนวนมาก
จะล้มหายตายจากไปกับมหันตภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้น
มหันตภัยพิบัติจะเกิดทั้งบนดินใต้ดินและในอากาศ
สังเกตได้จากแผ่นดินโลกส่วนหนึ่งจะสูญหายไป
ภูเขาจะหายไปเกาะน้อยใหญ่จะหายไปจากแผนที่
สัตว์ทุกชนิดบนโลกจะล้มตายหายไปจนหมดสิ้น
พวกที่รอดชีวิตได้เพราะถูกขนย้ายไปที่อื่นชั่วคราว
หลังฟ้ามืด 56 วันหรือ 8 ราตรีก็จะถูกส่งกลับคืนมา
แมวหมาที่มนุษย์ชอบนำมาเลี้ยงจะกลับเข้าป่าไป
ส่วนเจ้า #กระต่ายป่า และประดา #หนูทุกชนิด
จะสูญพันธุ์ไปจากโลกนี้เพราะทำหน้าที่สำเร็จแล้ว
พระบิดาหรือพระเจ้าทรงอนุญาตให้กลับบ้านได้
โดยไม่ต้องมาเกิดบนโลกนี้หรือที่ไหนอีกแล้ว
แปลว่าจิตวิญญาณของกระต่ายกับหนูทุกรูปธรรม
จะเดินทางกลับบ้านแดนสุญตาพร้อมกับพวกคุณ
ที่หมุนธรรมจักรยกระดับจิตหยาบสู่มิติที่ 6D ได้
กราบพระบาทพระบิดาที่ทรงเมตตา
เอเมน สาธุ
ปัญญาวิสุทธิ์
13/05/2566
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ภาษาพูดของมนุษย์โลกมีหลายภาษา
แต่ภาษาหลักที่ใช้สื่อสารกันได้มีดังนี้ คือ
1.ภาษากาย คือ สีหน้า
2.ภาษาท่าทาง คือ อากัปกริยาต่างๆ
3.ภาษาเขียน คือ จดหมาย ตำรา บันทึก
4.ภาษาเสียง คือ แถบบันทึกเสียง
5.ภาษาพูด คือ การพูดด้วยวาจาหรือวาทะ
ทั้ง 5 ช่องทางของการสื่อสารนี้
แต่เนื่องจากมนุษย์โลกเป็นคนที่มี #สองมิติ
ที่สามารถใช้ #จิตสามนึก ขับเคลื่อนการสื่อสาร
ทั้งห้าช่องทางระหว่างกันและกันได้เท่านั้น
แต่มนุษย์ยังมีมิติทางพลังงานด้านของแก่นแท้
ที่สามารถใช้ #จิตใต้สำนึก สื่อสารเป็นภาษาจิต
เรียกว่า “การสื่อสารทางจิต” ระหว่างกันได้ด้วย
โดยมนุษย์สื่อสารทางจิตด้วยวิญญาณ “ขันธ์”
เป็นขั้นตอนสุดท้ายในกระบวนการของขันธ์ห้า
มนุษย์จะสื่อสารกันด้วยภาษาจิต
โดย “ภาษาจิต” ที่ว่านี้จะเป็น “ภาษาสากล”
คำว่า “ภาษาสากล” หมายถึงสิ่งมีชีวิตทุกชนิด
ที่มีจิตวิญญาณเป็นตัวตนแก่นแท้อยู่ข้างใน
จะสามารถสื่อสารกันได้รู้เรื่องและเข้าใจกันหมด
แม้ภาษาที่ใช้ในมิติโลกทางกายภาพจะต่างกันอยู่
แต่ทุกรูปธรรมก็จะเข้าใจในสิ่งที่สื่อสารตรงกันได้
ไม่มีการฟังผิดพูดผิดจนไม่เข้าใจกันหรือผิดใจกัน
เพราะการสื่อสารบกพร่อง (Miscommunication)
เพราะภาษาจิตเป็นภาษาสากลนี่เอง
มนุษย์จึงสามารถสื่อสารกันรู้เรื่องได้ทั่วทั้งโลก
ไม่ว่าจะเป็นชนเผ่าชาวบ้านชาวเมืองชาติใดก็ตาม
ไม่เว้นแม้กระทั่งการสื่อสารระหว่างคนกับสัตว์
ก็ใช้ภาษาจิตด้วยการนึกคิดว่าจะพูดอะไรกัน
ทั้งรับรู้การการนึกคิดของกันและกันได้อีกด้วย
แต่มีเงื่อนไขว่าทั้งสองฝ่ายต้องใช้ภาษาจิตเป็น
โดยจะต้องสื่อสารสองทางได้อย่างชำนาญ
ที่เรียกว่า 2-Ways Telepathy ได้แล้วเท่านั้น
ช่องทางการสื่อสารเป็นภาษาจิตคือตาที่สาม
ซึ่งศูนย์กลางการสั่นสะเทือนอยู่ที่ต่อมไพเนี่ยล
เพราะที่จุดนี้จิตหยาบจะทำการนึกทุกสิ่งกันที่นี่
ข้อมูลของการสื่อสารทางจิตที่จะสื่อออกมา
ก็จะถูกใส่รหัสเพื่อการสื่อสารกันที่ต่อมไร้ท่อนี้
ถ้าผู้รับสื่อทางจิตสามารถรับรู้คลื่นที่สื่อมาให้ได้
ต่อมไร้ท่อของผู้รับสื่อก็จะทำการถอดรหัสที่ได้รับ
เพื่อทำความเข้าใจภาษาจิตของอีกฝ่ายได้ว่า
ที่อีกฝ่ายหนึ่งนึกคิดส่งข้อมูลทางจิตมาให้นั้น
มีใจความว่าอย่างไรมีข้อมูลอะไรที่ส่งมาให้บ้าง
โดยคลื่นการสื่อสารภาษาจิตที่เป็นภาษาสากลนี้
เป็น “คลื่นผสม” ระหว่างคลื่นจิตกับคลื่นความคิด
โดยคลื่นจิตจะอยู่ในรูปของคลื่นไฟฟ้าแม่เหล็ก
ซึ่งมีหน้าที่เป็นตัวนำพาภาษาสากลไปยังผู้รับสื่อ
กับ “คลื่นการนึกคิดของจิตกับสมอง” เป็นสัมภาระ
ที่คลื่นจิตจะแบกขนไปส่งให้ต่อมไพเนียลของผู้รับ
ทำการ “ถอดรหัส” ด้วยจิตหยาบกับสมองต่อไป
ที่กล่าวมานี้เป็นกระบวนการสื่อสารทางจิต 2 ทาง
หรือระหว่างมนุษย์กับสัตว์ประจำโลกทุกเผ่าพันธุ์
ตามที่พระเจ้าทรงออกแบบเอาไว้ให้ดีแล้ว
โดยสนามแม่เหล็กโลกที่เชื่อมต่อกันไว้ทั้งเอกภพ
ยังจะช่วยเป็นสื่อกลางให้คลื่นการสื่อสารภาษาจิต
สามารถติดต่อถึงกันได้ทั่วทั้งเอกภพเลยทีเดียว
ดังนั้น
การสื่อสารระหว่างมนุษย์ที่อยู่บนโลก
กับนักบินอวกาศที่แอบไปทำงานอยู่บนดวงจันทร์
หรือแอบไปทำงานลับๆอยู่บนดาวอังคาร
หรือว่าจะสื่อสารกับสิ่งมีชีวิตบนดาวดวงไหนก็ตาม
ถ้าทั้งสองฝ่ายสามารถใช้ช่องทางภาษาจิตได้แล้ว
ก็จะสื่อสารกันรู้เรื่องและเข้าใจกันได้เป็นอย่างดี
ด้วยเหตุนี้เอง
ในอนาคตมนุษย์ยุคพลังงานใหม่
หลังการเปลี่ยนผ่านจากยุคพลังงานเก่าไปแล้ว
จะสามารถสื่อสารภาษาสากลได้เพิ่มอีกภาษาหนึ่ง
กับคนกับสัตว์หรือกับชาวดาวอื่นก็ได้ตามต้องการ
โดยไม่ต้องพึ่งพาวัตถุเท็คโนโลยีในการสื่อสาร
ไม่ต้องใช้ดาวเทียมกับเรดาร์ของ “มอด” อีกต่อไป
คุณจะรู้ว่าโลกเปลี่ยนผ่านสู่ยุคพลังงานใหม่แล้ว
เมื่อพบว่าคนที่เหลวไหลบนโลกนี้จำนวนมาก
จะล้มหายตายจากไปกับมหันตภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้น
มหันตภัยพิบัติจะเกิดทั้งบนดินใต้ดินและในอากาศ
สังเกตได้จากแผ่นดินโลกส่วนหนึ่งจะสูญหายไป
ภูเขาจะหายไปเกาะน้อยใหญ่จะหายไปจากแผนที่
สัตว์ทุกชนิดบนโลกจะล้มตายหายไปจนหมดสิ้น
พวกที่รอดชีวิตได้เพราะถูกขนย้ายไปที่อื่นชั่วคราว
หลังฟ้ามืด 56 วันหรือ 8 ราตรีก็จะถูกส่งกลับคืนมา
แมวหมาที่มนุษย์ชอบนำมาเลี้ยงจะกลับเข้าป่าไป
ส่วนเจ้า #กระต่ายป่า และประดา #หนูทุกชนิด
จะสูญพันธุ์ไปจากโลกนี้เพราะทำหน้าที่สำเร็จแล้ว
พระบิดาหรือพระเจ้าทรงอนุญาตให้กลับบ้านได้
โดยไม่ต้องมาเกิดบนโลกนี้หรือที่ไหนอีกแล้ว
แปลว่าจิตวิญญาณของกระต่ายกับหนูทุกรูปธรรม
จะเดินทางกลับบ้านแดนสุญตาพร้อมกับพวกคุณ
ที่หมุนธรรมจักรยกระดับจิตหยาบสู่มิติที่ 6D ได้
กราบพระบาทพระบิดาที่ทรงเมตตา
เอเมน สาธุ
ปัญญาวิสุทธิ์
13/05/2566