02 พฤษภาคม 2566

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 2/05/2023

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
 
มีมารตนหนึ่งที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนมนุษย์
ที่สมัครตัวเป็น “กรรมกร” ผลิตพลังงานแสง
ที่เป็นพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กด้านบวก
ป้อนให้มอดที่เป็นนายทาสของตนคอยดักดูด
ทั้งทำตัวเป็นคุรุผู้รอบรู้โดยจาบจ้วงล่วงเกิน
จึงกล่าวร้ายต่อพระบิดาอย่างลูกอกตัญญูว่า
 
ที่พระองค์ให้เราแก้ไขในสิ่งที่มนุษย์ถูกหลอก
ให้เข้าใจผิดเชื่อผิดและหลงผิดกันมายาวนาน
เพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องถ่องแท้ว่า
เรากำลัง “ยกอวย” ตัวเองเป็นผู้วิเศษเหนือใคร
ขณะที่มองคนอื่นว่าเป็นมารหรือซาตาน
โดยยกอวยตัวเองว่าฉลาดส่วนคนอื่นนั้นโง่เขลา
 
เราจะกล่าวความจริงในมุมของเราให้รู้ทั่วกันว่า
คำกล่าวหาว่าร้ายเราข้างต้นของมารตนนี้นั้น
มันเป็นลักษณะการ #กินปูนร้อนท้อง หรือเปล่า
มันมีข้อความตรงไหนที่เรากล่าวเอาไว้แบบนั้น
 
เพราะหน้าที่ของเราคือการมากล่าวอนุตรธรรม
ซึ่งเป็นความจริงที่มนุษย์โลกทุกคนไม่รู้ว่าไม่รู้
รวมทั้งความจริงที่มนุษย์รู้ผิดเชื่อผิดอยู่อีกด้วย
โดยเรากล่าวในพระนามของพระเจ้ามิใช่ต่างดาว
มารหิวแสงตนนี้จึงทนฟังความจริงของเราไม่ได้
เพราะกลัวว่ามนุษย์ที่ฉลาดเขาจะรู้เท่าทันเอามั้ง
จึงพยายามจะรีบ “ด้อยค่า” ตัวเราจนถึงที่สุด
เลยทำตนแบบ “อัตตาหลุด” สติแตกให้เห็นทันที
 
เราขอย้ำอีกครั้งก็ได้ว่า
เรามากล่าวพระโอวาทในพระนามของพระเจ้า
พระผู้สร้างผู้ให้กำเนิดทุกสรรพสิ่งในเอกภพนี้
พระเจ้ามิใช่มอดพลัดถิ่นผู้รุกรานผู้มาจากดาวอื่น
พระเจ้าทรงเป็นผู้รักบุตรมนุษย์ทุกคนบนโลกนี้
เพราะบุตรมนุษย์เป็น “ตัวแทน” ของพระองค์
ผู้อาสามาทำหน้าที่เป็น #เพื่อนร่วมงานกับโลก
ในบทบาทของ “คนสองมิติ” โดยใช้ขันธ์ห้า
สั่นสะเทือนเป็นความรักเพื่อให้ด้วยจิตหยาบ
ผลิตพลังจิตเป็นพลังไฟฟ้าแม่เหล็กด้านบวก
มอบให้ก้อนธาตุออกซิเจนบริสุทธิ์ในแกนโลก
เพื่อจุดระเบิดอะตอมให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งจะยังผลให้ธาตุออกซิเจนเกิดการบิดตัวได้
 
เพราะก้อนธาตุออกซิเจนที่ว่านี้
บริสุทธิ์ 100% จึงเหนียวหนืดคล้ายตังเม
ยามกลางวันซีกโลกด้านนั้นจะมีมนุษย์ตื่นอยู่
ทุกคนก็จะช่วยกันผลิตพลังงานที่โลกต้องการ
ด้วยความรักบริสุทธิ์และไร้เงื่อนไขต่อกันได้
ก้อนธาตุออกซิเจนในแกนโลกด้านนั้นจะบิดตัว
ขณะที่ซีกโลกด้านตรงข้ามที่เป็นราตรีกาล
สิ่งมีชีวิตทุกชนิดทั้งคนทั้งสัตว์ต่างล้วนหลับใหล
กระบวนการหมุนธรรมจักรก็จะไม่เกิดขึ้น
จึงยังผลให้แกนแม่เหล็กโลกบิดตัวง่ายขึ้นได้
ทำให้โลกหมุนรอบตัวเองอย่างต่อเนื่องได้
เมื่อเหวี่ยงหมุนต่อเนื่องได้โลกทั้งระบบก็สมดุล
 
อนุตรธรรมความจริงเบื้องต้นเหล่านี้
พวกมอดไม่เคยกล่าวให้คนนำทางตาบอดรู้
พวกมอดยังไม่เคยบอกกรรมกรแสงของตนเลย
เพราะว่ามอดมารรู้ไม่จริงเท่าเราหรือเปล่าหนอ
หรือว่าจะรู้จริงแต่ไม่ยอมบอกความจริงนั้นให้รู้
เพราะเกรงว่ามนุษย์จะฉลาดจนหลอกลวงยาก
ต่างจากเราที่ทำภารกิจพระบิดาเพื่อมวลมนุษย์
จึงกล่าวแต่ความจริงและกล่าวจนหมดเปลือก
โดยไม่มีการบิดเบือนซ่อนเงื่อนผูกปมเอาไว้
ให้มนุษย์พากันสับสนสงสัยอย่างมีเลศนัยพิรุธ
ถ้ามอดจะทำตนเป็นตุ๊กแกกินปูนร้อนท้องก็ได้นะ
 
ที่มารตนนี้กล่าวหาว่า
เรามาชวนชาวบ้านทะเลาะนั้นจึงกล่าวเกินเลยไป
เพราะพระบิดาเมตตาส่งเรามาเผยความจริง
เพราะพระองค์เป็นพระเจ้าอยู่เหนือทุกสิ่งที่สร้าง
พระองค์ย่อมรู้ความจริงของทุกสิ่งว่าไหนถูกผิด
คำกล่าวของเราล้วนเป็นพระโอวาทของพระองค์
มิใช่พระโอวาทที่กล่าวตามใจของเราแต่อย่างใด
 
ดังนั้น
ความรู้ที่ถูกต้องที่พระองค์ทรงกล่าวมา
จึงเป็นการพิพากษาว่าความใดถูกสิ่งใดผิด
เพื่อสะกิดเตือนคนโง่ง่ายให้ตื่นแจ้งโดยพลัน
มิได้ชวนชาวบ้านที่มีตัวตนหน้าตาเป็นคนอยู่ดีๆ
แต่พฤติกรรมและความคิดเป็นภัยต่อมวลมนุษย์
โดยมาชวนให้ทะเลาะเบาะแว้งกันแบบบ่างช่างยุ
เพราะพระบิดาและเราทราบดีว่าสมการซัมเบต้าX
จะเกิดผลเป็นจริงได้นั้นชาวโลกทุกคนต้องรักกัน
จะสร้างความแตกแยกกันหมุนกรรมจักรกันมิได้
 
ต่างจากพวกมอดและมาร
ที่ชอบยุยงให้เกิดสงครามกลางเมือง
สร้างอาวุธยุทโธปกรณ์อันตรายร้ายแรงขึ้นมา
ทั้งขายทั้งให้ชาวโลกทำศึกสงครามเข่นฆ่ากัน
แทนการให้ปัญญาและให้จิตสามนึกที่ดีงาม
เพื่อสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้นบนโลกก็ไม่เคยทำ
 
มอดหลอกคนนำทางตาบอด
รวมทั้งลวงกรรมกรแสงของตนเอาไว้ว่า
การที่พระเจ้าทรงมีพระโอวาทว่านี่คือ “ถูกต้อง”
มันคือการกล่าวหาว่าความรู้ของผู้อื่นผิดหมด
ซึ่งมารสรุปว่าถ้าเรามีวุฒิภาวะทางวิญญาณจริง
เราจะต้องไม่พิพากษาใครหรือผู้ใดเช่นนั้นเลย
 
เราขอย้อนถามกลับไปบ้างว่า
ที่มารตนนี้อยู่ดีๆก็เข้ามาชวนเราทะเลาะ
ด้วยการพิพากษาว่าเราเป็นผู้กระทำผิดบาปนั้น
ตนเองเข้าถึงวุฒิภาวะทางวิญญาณได้หรือยังล่ะ
จึงมาพิพากษาพระโอวาทพระเจ้าที่เรากล่าวไว้
เราเข้าใจดีว่าสันดานของมารสาวกของมอดน่ะ
ส่วนใหญ่จะมีคุณสมบัติด้านลบแบบนี้กันทั้งสิ้น
 
จงจำเอาไว้เสมอว่า
แค่เข้ามาก้าวล่วงจ้วงจาบเรานั้น
มารตนนี้ก็ได้ “โชว์โง่” ออกมาให้เห็นแล้ว
เราจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคนนำทางตาบอด
จึงหลับหูหลับตาปฏิบัติ “ทำ” ให้คนชอบ “ทำ”
หลับหูหลับตาก้าวตามกันตลอดมานับหมื่นปี
เพราะพวกมอดสอนให้มนุษย์กลัดกระดุมผิด
โดยกลัดกระดุมผิดกันตั้งแต่เม็ดแรกเลยทีเดียว
 
พวกมอดและมารทั้งหลายเข้าใจว่า
มนุษย์โลกมีจิตวิญญาณมาเกิดเหมือนพวกตน
มนุษย์จึงใช้จิตวิญญาณในการดำเนินชีวิต
แต่มนุษย์แสดงอภิญญฤทธิ์เหมือนพวกตนไม่ได้
เพราะมนุษย์มีจิตวิญญาณแค่ระดับ 4D มิใช่ 5D
จึงนำเอาเรื่องจริงที่เป็นเท็จนี้มาหลอกล่อมนุษย์
ที่พิสมัยความอุตริมนุษยธรรมจนขึ้นสมองว่า
ถ้ายอมเป็นพวกกับมอดแล้วจะได้รับการชูช่วย
จะส่งพลังอะไรก็ไม่บอกลงมาช่วยยก4Dสู่5Dให้
 
พวกอยากเป็นกรรมกรหิวแสง
จึงเกิดอาการเนื้อตัวสั่นเพราะจิตหยาบยังติดกิเลส
จนลืมพระวจนะของพระพุทธเจ้าที่ทรงกล่าวว่า
#ตนเป็นที่พึ่งแห่งตนมิใช่พึ่งใครอื่น
เพราะมือตีนก็มีครบสมองก็มีพร้อมคุณต้องใช้มัน
มิใช่หมายจะพึ่งพาอายตนะหรืออวัยวะของคนอื่น
กระหายก็ชงดื่มเองเมื่อหิวก็ต้องหากินทำกินเอง
ให้คนอื่นช่วยดื่มแทนหรือกินแทนคุณ
เพื่อจะช่วยดับหิวดับกระหายของคุณไม่ได้
 
มนุษย์ทุกคนมีอำนาจในตนเองอยู่แล้ว
เป็นอำนาจในการใช้อายตนะและอวัยวะของตน
โดยเฉพาะจิตปัญญาคือความรักและความฉลาด
ที่สามารถสั่นสะเทือนจิตหยาบด้วยสองอย่างนี้
เพื่อหมุนธรรมจักรร่วมกันในการค้ำจุนสมดุลโลก
เพื่อยกระดับตนเองจาก 4D ไปจนถึง 6D ได้เอง
อย่าฝันลมๆแล้งๆว่าดาวอื่นคนอื่นจะช่วยคุณได้
เสียยี่ห้อมนุษย์โลกเสรีจนหมดท่าหมดค่าเลยคุณ
พวกคุณเป็นตัวแทนของพระเจ้าเข้ามาทำหน้าที่
แล้วไปอวยพวกศัตรูหมู่อมิตรเพราะหิวแสงได้ไง
 
เราจะกล่าวความจริงให้รู้ซ้ำย้ำไวอีกครั้งหนึ่งว่า
#มนุษย์มีจิตหยาบทำหน้าที่แทนจิตวิญญาณ
#พวกมอดจากต่างดาวมีแต่จิตวิญญาณเท่านั้น
 
1.มนุษย์มีจิตหยาบจึงต้องใช้จิตสามนึก
มิใช่ใช้จิตใต้สำนึกในการดำเนินชีวิตแบบมอด
เพราะจิตใต้สำนึกเป็นเครื่องมือของจิตวิญญาณ
ที่จะคอยสั่นสะเทือนตามจิตสามนึกอยู่แล้ว
 
มนุษย์เป็น #คนสองมิติ ได้ด้วยขันธ์ห้า
เพราะขันธ์ห้าเป็นกระบวนการของจิตหยาบ
ที่สั่นสะเทือนพร้อมกันได้ทั้งสองมิติ
คือในมิติโลกทางกายภาพหรือกายหยาบ
กับมิติทางพลังงานด้านของจิตวิญญาณ
 
2.มนุษย์ทุกคนมีจิตวิญญาณมาเกิดก็จริง
แต่ขณะเข้ามามีภพชาติเป็นมนุษย์ในท้องแม่นั้น
จิตวิญญาณผู้อาสามาเกิดจะมอบอำนาจให้
จิตหยาบเป็นผู้ทำหน้าที่แทนตนในมิติที่ 0D
โดยมีความรักจากจิตวิญญาณคือตนเอง
กับความรักจากพ่อและแม่ร่วมกันหมุนธรรมจักร
เพื่อช่วยสั่นสะเทือนเคลื่อนไหลจิตหยาบ
ให้ยกระดับจากมิติที่ 0D ไปจนถึง 4D ให้ได้
โดยใช้เวลาโลกนาน 9 เดือนเต็มหรือก่อนนั้น
 
เมื่อจิตหยาบของทารกนั้นยกระดับถึง 4D แล้ว
ก็จะคลอดออกมาด้วยการตกฟากตกฟูกอะไรนั่น
เพื่อออกมาลืมตาดูโลกแล้วยกระดับจิตหยาบต่อ
ด้วยการหมุนธรรมจักรของพ่อแม่และคนใกล้ชิด
จนถึงสามขวบบริบูรณ์แล้วก็ต้องรักพ่อแม่ให้เป็น
ต้องขายความน่ารักน่าอุ้มน่าเมตตาของตนให้ได้
เพื่อใช้พลังแห่งรักเพื่อให้ที่บริสุทธิ์ที่มอดไม่รู้
ช่วยกันหมุนธรรมจักรยกระดับจิตหยาบให้แก่กัน
เด็กน้อยก็จะยกระดับจิตหยาบจาก 4D ให้สูงขึ้น
คนรอบข้างก็จะยกระดับจิตหยาบสู่มิติที่สูงขึ้นได้
 
พระเจ้าจึงทรงเตือนพวกคุณเสมอว่า
ต้องหมั่นหมุนธรรมจักรเพื่อช่วยตนเองและคนอื่น
ให้จิตหยาบยกระดับเข้าถึงจิตวิญญาณของตน
ให้เป็นมนุษย์ที่สมดุลเพราะเป็นหนึ่งเดียวกันได้
เป็นคนสองมิติที่สมบูรณ์เพราะหมุนธรรมจักรได้
 
มารตนนี้เป็นพวกอวดรู้และหิวแสงนั้น
ดันเซ่อซ่าเข้ามายุ่งกับงานของพระเจ้าที่เราทำ
เราจึงจำต้องชี้แจงแถลงไขความจริงให้โลกรู้
เพื่อให้ชาวโลกทั้งหลายเป็นคนชอบ “ธรรม”
แทนการเป็นคนชอบ “ทำ” ตามมอดมารให้ได้
เพราะมารที่ตัวตนรูปลักษณ์หน้าตาเป็นมนุษย์
ไม่รู้ว่าขณะมีชีวิตนั้นตนเองมี “จิตหยาบ”
ทำหน้าที่แทน “จิตวิญญาณ” ที่ต่างจากมอด
จึงจะใช้วิชามอดมามั่วกับวิชาพระอาทิตย์ไม่ได้
แค่เข้ามาเถียงแย้งก็แสดงความโง่ออกมาแล้ว
วิชามอดอย่างอื่นจึงไม่ควรค่าแก่การใส่ใจเลย
 
กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา
 
เอเมน สาธุ
ปัญญาวิสุทธิ์
2/05/2566