(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ตั้งแต่ยุคโบราณที่ผ่านนานมาแล้ว
ชาวโลกโดยชนชั้นผู้นำทั้งหลาย
ได้รู้ความจริงว่าสิ่งมีชีวิตที่มาจากต่างดาว
ที่พลัดหลงเข้ามายังโลกนั้นล้วนเป็นอมตะ
แปลว่า “ไม่มีหน้าที่ต้องตาย” กันทั้งนั้น
จึงหาวิธีที่จะทำให้ตนเองไม่ต้องตายบ้าง
จนเป็นที่มาของวิชามารและศาสตร์แปลกๆ
ที่ถูกนำมาใช้โดยคำแนะนำจากชาวดาวอื่น
ตัวอย่างเช่น
1.ใช้เวทย์มนต์คาถา
ซึ่งเป็นวิชามอดมารที่ได้จาก “พลังอภิญญา”
อันเกิดจากจิตวิญญาณในมิติที่ 5D และ 6D
ที่ชาวต่างดาวผู้เข้ามาเกี่ยวข้องกับชาวดาวโลก
ผู้มีแต่จิตวิญญาณเป็นตัวตนแก่นแท้ในกายเนื้อ
ไม่มี “จิตหยาบ” ทำหน้าที่แทนเหมือนพวกคุณ
พวกชาวต่างดาวเหล่านั้นจึงมีฤทธิ์อภิญญา
ในระดับที่สามารถแสดงให้เห็นเป็นรูปธรรมได้
เพียงแค่ขับเคลื่อนด้วยพลังจิตใต้สำนึกเท่านั้น
โดยพวกเขาจะมีภาษาไสยเวทย์เป็นภาษาจิต
ใครต้องการเล่นฤทธิ์ล่องหนหายตัวหนังเหนียว
เพียงแค่ร่ายมนต์ดังกล่าวให้พวกต่างดาวได้ยิน
พวกเขาก็จะใช้อภิญญฤทธิ์ทำสิ่งมหัศจรรย์นั้นให้
โดยผู้ช่วยเหลือจะคอยปฏิบัติการอยู่เบื้องหลัง
ผู้ร่ายมนต์ก็เข้าใจว่าเวทย์มนต์ของตนนั้นขลัง
เพราะเห็นประจักษ์ด้วยตาเนื้อว่ามันได้ผลจริงๆ
ในยุคโบราณนั้น
คนที่จะเข้าถึงสิ่งนี้ได้ก็จะเป็นพวกพ่อมอดหมอผี
คนจำพวกนี้จึงเป็นดั่งผู้วิเศษเหนือมนุษย์คนอื่น
ใครที่อยากมีอำนาจเหนือมนุษย์โดยทั่วไป
ก็จะมาศึกษาวิชามอดมารกระทำการอุตริแบบนี้
แต่ก็เป็นคนส่วนน้อยเท่านั้นเอง
2.ใช้วิชาสมุนไพรหรือใช้ว่านยา
กษัตริย์ซึ่งเป็นคนชั้นผู้นำโบราณ
เป็นผู้ต้องการอำนาจเหนือมนุษย์มากเป็นพิเศษ
นอกจากพวกเขาจะคบหากับชาวต่างดาว
แลกกับการเรียนรู้ด้านไสยเวทย์ในข้อหนึ่งแล้ว
การพยายามทำให้ตนเองเป็นหนุ่มยาวสาวนาน
ด้วยการรับประทานโสมกับสมุนไพรอายุวัฒนะ
ที่ชาวต่างดาวศึกษาค้นคว้าหารับประทานกันมา
ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งซึ่งถูกนำมาใช้กันในหมู่ชนชั้นสูง
เพราะเชื่อว่า
ถ้าตนมีอายุยืนยาวมากกว่าชาวโลกคนอื่นๆได้
ตามที่พวกต่างเผ่าดาวเขาเป็นกันอยู่แล้ว
ตนก็จะได้ชื่อว่ามีอำนาจเหนือคนทั้งหลายแล้ว
เมื่อเจ็บป่วยก็มีหยูกยารักษาให้หายขาดได้
ไม่ป่วยก็มีสมุนไพรต่างๆที่กินแล้วอายุยืนได้
เพราะในยุคนั้นคนที่ป่วยแล้วหายป่วยได้
คนที่เกิดมาแล้วอายุยืนยาวกว่าใครเขาเพื่อนได้
มันคือความมหัศจรรย์ดีๆนี่เองคุณ
โดยมนุษย์ไม่รู้ว่าแท้แล้วตนเองก็เป็นอมตะ
ไม่ได้ถูกกำหนดให้มีหน้าที่ตายเช่นเดียวกัน
3.ใช้วิธีผสมพันธุ์ข้ามเผ่าดาว
วิธีการนี้ถูกนำมาใช้กับชาวดาวโลก
ตั้งแต่ยุคเลมูเรียแอตแลนติสนับหมื่นปีที่ผ่านมา
ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกชนชั้นสูงชนชั้นผู้นำที่ทำกัน
ส่วนชาวบ้านทั่วไปก็จะไม่อาจรู้เรื่องแบบนี้ได้
การเสพสมข้ามสายพันธุ์ข้ามเผ่าดาวนั้น
เป็นสิ่งที่ผิดพระประสงค์ของพระเจ้า
เป็นของต้องห้ามกระทำโดยเด็ดขาดมาทุกยุค
แต่เพราะชาวโลกอยากมีอำนาจเหมือนต่างดาว
คืออยากมีอายุยืนยาวเป็นอมตะโดยไม่ต้องตาย
ต่างดาวก็อยากมีรูปลักษณ์งดงามเหมือนมนุษย์
เนื่องจากพวกเขามีรูปลักษณ์ค่อนไปทางสัตว์
มากกว่าจะเรียกว่ามนุษย์ได้อย่างเต็มปากเต็มคำ
เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันทำให้การผสมพันธุ์ไขว้
โดยข้ามสายพันธุ์กันจึงเกิดขึ้นได้โดยง่ายดาย
เพราะก่อนยุคเลมูเรียแอตแลนติส
ก็มีพวกสิ่งมีชีวิตจากต่างดาวที่มีปีกบินได้
ซึ่งเรียกตนเองว่า “แองเจิ้ล” คือเทพบุตรเทพธิดา
ที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายชาวดาวโลกแต่มีปีกบินได้
เมื่อพวกเขาฝูงหนึ่งเดินทางเข้ามาสู่ระบบโลก
ได้พบเจออาดัมคือเพศชายกับเอวาคือเพศหญิง
แล้วเห็นว่ารูปร่างหน้าตาดีแถมไม่มีปีกอีกด้วย
จึงเกิดกำหนดในความกำหนัดขึ้นมา ณ บัดนั้น
ผลผลิตจากการผสมพันธุ์ข้ามเผ่าดาวดังกล่าว
จึงทำให้เกิดสิ่งมีชีวิตลูกผสมขึ้นมามากมาย
ระหว่างชาวดาวโลกกับชาวแองเจิ้ลนี่แหละ
สมัยโบราณจะเรียกผลผลิตข้ามเผ่าดาวพวกนี้ว่า
“คนยักษ์” จากตัวตนรูปลักษณ์ที่ใหญ่กว่าพ่อแม่
ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้มิได้กระทำกันเฉพาะคนชั้นสูง
แต่ชาวบ้านทั่วไปก็มีการกระทำกันอย่างดาษดื่น
ทำให้โลกเกิด “คนยักษ์” พวกพันธุ์ทางนี้มากขึ้น
สาเหตุที่ลูกผสมออกมาแล้วกลายเป็นคนยักษ์นี้
มันเกิดจากการ “ผ่าเหล่า” เพราะต้องห้ามนั่นเอง
เพราะโลกมีคนยักษ์จากมนุษย์กลายพันธุ์มากขึ้น
เนื่องจากการใช้พลังทางเพศที่พระเจ้าสั่งห้ามไว้
จึงยังผลให้ชาวแองเจิ้ลทั้งหลายเสื่อมจากอมตะ
ต้องมีเกิดแก่เจ็บตายเหมือนมนุษย์โลกทั้งหลาย
จิตวิญญาณที่ตายไปก็กลับมาเกิดใหม่ในร่างใหม่
จนกลายเป็นผ่าเหล่าคือเป็นคนยักษ์ไปนั่นแหละ
ปฏิบัติการชำระโลกยุคของ “โนอาห์” จึงต้องเกิด
เพื่อเก็บ “ขยะ” ออกไปจากระบบโลกให้หมดสิ้น
ซึ่งพระเจ้าทรงใช้น้ำในปฏิบัติการชำระโลกครั้งนั้น
จิตวิญญาณของคนยักษ์ทุกรายที่ตายไปกับน้ำ
ไม่อาจจะกลับมาเกิดใหม่มีร่างใหม่กับใครได้อีก
ทั้งไม่สามารถกลับบ้านเกิดแดนสุญตาได้อีกด้วย
เพราะขันอาสาว่าถ้าได้มาแล้วจะไม่กลับคืนบ้าน
ทุกวันนี้ “จิตวิญญาณ” ของพวกแองเจิ้ลนอกคอก
จึงกลายเป็นจิตวิญญาณที่ล่องลอยอยู่ในระบบโลก
กลายเป็นพวก “ผีโสโครก” ที่พระเยซูทรงกล่าวถึง
ซึ่งจิตวิญญาณพวกนี้จะทำตัวเป็นศัตรูกับมนุษย์
คอยหลอกลวงให้หลงทางหลงธรรมกันตลอดมา
เพราะอิจฉามนุษย์ที่ตายแล้วกลับมาเกิดใหม่ได้
ขณะพวกตนตายแล้วไม่มีโอกาสได้ย้อนมาเกิดอีก
จึงพยายามหลอกมนุษย์ว่าพวกตนคือพระเจ้า
พยายามบิดเบือนสัจธรรมคำสอนของพระศาสดา
พาให้มนุษย์เดินผิดทางเพราะเชื่อตามพวกเขา
พาให้มนุษย์เสพติดกิเลสจนหมุนธรรมจักรไม่ได้
พาให้มนุษย์ตกนรกและสอนให้เกลียดกลัวนรก
หลอกพาจิตวิญญาณไปขังไว้บนสวรรค์มายา
เพื่อทำหน้าที่เป็นดั่งแผงโซล่าเซลล์ชาร์จพลัง
หรือเป็นกรรมกรแสงให้พวกเขาชาวแองเจิ้ล
ที่มีแต่จิตวิญญาณไม่มีกายหยาบห่อหุ้มแล้ว
คอย “ดักดูด” พลังงานด้านบวกเพื่อเติมเต็มให้
โดยสอนมนุษย์ให้ “ทำ” ด้วยวิธีสมถะกรรมฐาน
ผ่านการ “แผ่เมตตา” หรือเหวี่ยงพลังออกไปให้
นามว่าจิตวิญญาณ “ผีโสโครก” นี้
พระเยซูทรงกล่าวตามพฤติกรรมสำส่อน
ที่พวกเขากระทำฝ่าฝืนกฎจักรวาลของพระเจ้า
อันเป็นพฤติกรรมที่น่ารังเกียจเป็นยิ่งนัก
หลังผ่านยุคของโนอาห์มาแล้ว
ปรากฏว่าในยุคของอียิปต์โบราณ
ชนชั้นผู้นำได้ทำให้การผสมพันธุ์ข้ามดาว
ย้อนกลับมาสู่ชาวโลกกันอีกครั้งหนึ่ง
แต่คราวนี้ไม่ใช่กับพวก “แองเจิ้ล” เผ่าเดิมอีก
แต่เป็นพวกที่เราเรียกว่า “มอด” ที่ขุดรูอยู่ใต้ดิน
เพื่อหนีสงครามนิวเคลียร์ที่พวกเขาสู้รบกันเอง
จากการแย่งชิงทรัพยากรบางอย่างบนโลก
ชาวต่างดาวที่รอดตายทั้งสองเผ่านี้
เผ่าหนึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุเท็คโนโลยี
อีกเผ่าหนึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิญญาณ
ผลจากการทำศึกสงครามกันในครั้งนั้น
ทำให้โลกเกิดยุคน้ำแข็งขึ้นมาจากเดิมที่ไม่มี
ทำให้เกิดกากสารกัมมันตรังสีกระจายทั่วโลก
โดยพระเจ้ามิได้สร้างแร่กัมมันตรังสีไว้ที่โลกนี้
แต่พวกนี้ได้แบกขนกันมาจากเผ่าดาวของตน
หลังจากมุดรูอยู่นานเพื่อหนีกัมมันตภาพรังสี
วันดีคืนดีก็โผล่ขึ้นมาบนพื้นโลกเลิกเป็นอีแอบ
ทั้งสองฝ่ายหลอกใช้มนุษย์เป็นเครื่องมือของตน
เพื่อหวังจะยึดครองโลกเสรีนี้ไว้เป็นของตัว
เพราะพวกเขาไม่มีดาวบ้านเกิดให้กลับแล้ว
เนื่องจากทดลองสร้างวัตถุเท็คโนโลยีบางสิ่ง
จนยังผลให้ดาวทั้งดวงแตกระเบิดเป็นจุล
กลายเป็นฝุ่น “เนบิวล่า” ลอยค้างอยู่ในจักรวาล
ขณะอีกพวกหนึ่งก็กลับดาวของตนไม่ได้
เพราะฝืนกฎจนถูกขับไสไล่ออกมาจากดาว
สิ่งมีชีวิตพลัดถิ่นทั้งสองเผ่า
จึงยืมมือมนุษย์เป็นนอมินีของฝ่ายตน
ทำการต่อสู้แย่งชิงอำนาจการเป็นผู้นำมาตลอด
ล้วนมิได้เป็นผลดีอะไรกับมนุษย์และโลกเลย
นอกจากต้องตายไปเพราะความโง่ง่ายเท่านั้น
4.ใช้วัตถุเท็คโนโลยีกับร่างกายมนุษย์
นี่ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งซึ่งคนรุ่นปัจจุบันจะเริ่มได้เห็น
เพราะยุคนี้เป็นยุคดิจิทัลคอมพิวเตอร์
พวกมอดที่อยู่เบื้องหลังชาติผู้นำต่างๆของโลก
ซึ่งยึดอาชีพขายวัตถุเท็คโนโลยีและอาวุธร้าย
ได้นำเอาสัญลักษณ์ของสัตว์ร้ายคือบาร์โค้ด
เข้ามาติดตั้งไว้ในร่างกายของมนุษย์บ้าง
ใช้สมองเชื่อมโยงไว้กับเครื่องคอมพิวเตอร์บ้าง
เพื่อให้สมองกับคอมพิวเตอร์ทำงานร่วมกัน
ซึ่งในอนาคตอันใกล้จะมีอะไรมากไปกว่านี้อีก
พวกคุณจะต้องรู้ว่า
พระเจ้าจะไม่ทรงโปรดให้ลูกแกะของพระองค์
กระทำการใดๆที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
โครงสร้างทางกายภาพซึ่งเป็นมิติแห่งเนื้อหนัง
ให้ผิดไปจากที่พระองค์ทรงออกแบบไว้ดีแล้ว
(ยังมีต่อในตอนต่อไป)
สื่อถ่ายทอดคลื่นความคิดในระบบจิตสู่จิต
จากองค์จิตจักรวาลดวงใหญ่
ปัญญาวิสุทธิ์
23/05/2566
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ตั้งแต่ยุคโบราณที่ผ่านนานมาแล้ว
ชาวโลกโดยชนชั้นผู้นำทั้งหลาย
ได้รู้ความจริงว่าสิ่งมีชีวิตที่มาจากต่างดาว
ที่พลัดหลงเข้ามายังโลกนั้นล้วนเป็นอมตะ
แปลว่า “ไม่มีหน้าที่ต้องตาย” กันทั้งนั้น
จึงหาวิธีที่จะทำให้ตนเองไม่ต้องตายบ้าง
จนเป็นที่มาของวิชามารและศาสตร์แปลกๆ
ที่ถูกนำมาใช้โดยคำแนะนำจากชาวดาวอื่น
ตัวอย่างเช่น
1.ใช้เวทย์มนต์คาถา
ซึ่งเป็นวิชามอดมารที่ได้จาก “พลังอภิญญา”
อันเกิดจากจิตวิญญาณในมิติที่ 5D และ 6D
ผู้มีแต่จิตวิญญาณเป็นตัวตนแก่นแท้ในกายเนื้อ
ไม่มี “จิตหยาบ” ทำหน้าที่แทนเหมือนพวกคุณ
พวกชาวต่างดาวเหล่านั้นจึงมีฤทธิ์อภิญญา
ในระดับที่สามารถแสดงให้เห็นเป็นรูปธรรมได้
เพียงแค่ขับเคลื่อนด้วยพลังจิตใต้สำนึกเท่านั้น
โดยพวกเขาจะมีภาษาไสยเวทย์เป็นภาษาจิต
ใครต้องการเล่นฤทธิ์ล่องหนหายตัวหนังเหนียว
เพียงแค่ร่ายมนต์ดังกล่าวให้พวกต่างดาวได้ยิน
พวกเขาก็จะใช้อภิญญฤทธิ์ทำสิ่งมหัศจรรย์นั้นให้
โดยผู้ช่วยเหลือจะคอยปฏิบัติการอยู่เบื้องหลัง
ผู้ร่ายมนต์ก็เข้าใจว่าเวทย์มนต์ของตนนั้นขลัง
เพราะเห็นประจักษ์ด้วยตาเนื้อว่ามันได้ผลจริงๆ
ในยุคโบราณนั้น
คนที่จะเข้าถึงสิ่งนี้ได้ก็จะเป็นพวกพ่อมอดหมอผี
คนจำพวกนี้จึงเป็นดั่งผู้วิเศษเหนือมนุษย์คนอื่น
ใครที่อยากมีอำนาจเหนือมนุษย์โดยทั่วไป
ก็จะมาศึกษาวิชามอดมารกระทำการอุตริแบบนี้
แต่ก็เป็นคนส่วนน้อยเท่านั้นเอง
2.ใช้วิชาสมุนไพรหรือใช้ว่านยา
กษัตริย์ซึ่งเป็นคนชั้นผู้นำโบราณ
เป็นผู้ต้องการอำนาจเหนือมนุษย์มากเป็นพิเศษ
นอกจากพวกเขาจะคบหากับชาวต่างดาว
แลกกับการเรียนรู้ด้านไสยเวทย์ในข้อหนึ่งแล้ว
การพยายามทำให้ตนเองเป็นหนุ่มยาวสาวนาน
ด้วยการรับประทานโสมกับสมุนไพรอายุวัฒนะ
ที่ชาวต่างดาวศึกษาค้นคว้าหารับประทานกันมา
ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งซึ่งถูกนำมาใช้กันในหมู่ชนชั้นสูง
เพราะเชื่อว่า
ถ้าตนมีอายุยืนยาวมากกว่าชาวโลกคนอื่นๆได้
ตามที่พวกต่างเผ่าดาวเขาเป็นกันอยู่แล้ว
ตนก็จะได้ชื่อว่ามีอำนาจเหนือคนทั้งหลายแล้ว
เมื่อเจ็บป่วยก็มีหยูกยารักษาให้หายขาดได้
ไม่ป่วยก็มีสมุนไพรต่างๆที่กินแล้วอายุยืนได้
เพราะในยุคนั้นคนที่ป่วยแล้วหายป่วยได้
คนที่เกิดมาแล้วอายุยืนยาวกว่าใครเขาเพื่อนได้
มันคือความมหัศจรรย์ดีๆนี่เองคุณ
โดยมนุษย์ไม่รู้ว่าแท้แล้วตนเองก็เป็นอมตะ
ไม่ได้ถูกกำหนดให้มีหน้าที่ตายเช่นเดียวกัน
3.ใช้วิธีผสมพันธุ์ข้ามเผ่าดาว
วิธีการนี้ถูกนำมาใช้กับชาวดาวโลก
ตั้งแต่ยุคเลมูเรียแอตแลนติสนับหมื่นปีที่ผ่านมา
ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกชนชั้นสูงชนชั้นผู้นำที่ทำกัน
ส่วนชาวบ้านทั่วไปก็จะไม่อาจรู้เรื่องแบบนี้ได้
การเสพสมข้ามสายพันธุ์ข้ามเผ่าดาวนั้น
เป็นสิ่งที่ผิดพระประสงค์ของพระเจ้า
เป็นของต้องห้ามกระทำโดยเด็ดขาดมาทุกยุค
แต่เพราะชาวโลกอยากมีอำนาจเหมือนต่างดาว
คืออยากมีอายุยืนยาวเป็นอมตะโดยไม่ต้องตาย
ต่างดาวก็อยากมีรูปลักษณ์งดงามเหมือนมนุษย์
เนื่องจากพวกเขามีรูปลักษณ์ค่อนไปทางสัตว์
มากกว่าจะเรียกว่ามนุษย์ได้อย่างเต็มปากเต็มคำ
เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันทำให้การผสมพันธุ์ไขว้
โดยข้ามสายพันธุ์กันจึงเกิดขึ้นได้โดยง่ายดาย
เพราะก่อนยุคเลมูเรียแอตแลนติส
ก็มีพวกสิ่งมีชีวิตจากต่างดาวที่มีปีกบินได้
ซึ่งเรียกตนเองว่า “แองเจิ้ล” คือเทพบุตรเทพธิดา
ที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายชาวดาวโลกแต่มีปีกบินได้
เมื่อพวกเขาฝูงหนึ่งเดินทางเข้ามาสู่ระบบโลก
ได้พบเจออาดัมคือเพศชายกับเอวาคือเพศหญิง
แล้วเห็นว่ารูปร่างหน้าตาดีแถมไม่มีปีกอีกด้วย
จึงเกิดกำหนดในความกำหนัดขึ้นมา ณ บัดนั้น
ผลผลิตจากการผสมพันธุ์ข้ามเผ่าดาวดังกล่าว
จึงทำให้เกิดสิ่งมีชีวิตลูกผสมขึ้นมามากมาย
ระหว่างชาวดาวโลกกับชาวแองเจิ้ลนี่แหละ
สมัยโบราณจะเรียกผลผลิตข้ามเผ่าดาวพวกนี้ว่า
“คนยักษ์” จากตัวตนรูปลักษณ์ที่ใหญ่กว่าพ่อแม่
ซึ่งเรื่องราวเหล่านี้มิได้กระทำกันเฉพาะคนชั้นสูง
แต่ชาวบ้านทั่วไปก็มีการกระทำกันอย่างดาษดื่น
ทำให้โลกเกิด “คนยักษ์” พวกพันธุ์ทางนี้มากขึ้น
สาเหตุที่ลูกผสมออกมาแล้วกลายเป็นคนยักษ์นี้
มันเกิดจากการ “ผ่าเหล่า” เพราะต้องห้ามนั่นเอง
เพราะโลกมีคนยักษ์จากมนุษย์กลายพันธุ์มากขึ้น
เนื่องจากการใช้พลังทางเพศที่พระเจ้าสั่งห้ามไว้
จึงยังผลให้ชาวแองเจิ้ลทั้งหลายเสื่อมจากอมตะ
ต้องมีเกิดแก่เจ็บตายเหมือนมนุษย์โลกทั้งหลาย
จิตวิญญาณที่ตายไปก็กลับมาเกิดใหม่ในร่างใหม่
จนกลายเป็นผ่าเหล่าคือเป็นคนยักษ์ไปนั่นแหละ
ปฏิบัติการชำระโลกยุคของ “โนอาห์” จึงต้องเกิด
เพื่อเก็บ “ขยะ” ออกไปจากระบบโลกให้หมดสิ้น
ซึ่งพระเจ้าทรงใช้น้ำในปฏิบัติการชำระโลกครั้งนั้น
จิตวิญญาณของคนยักษ์ทุกรายที่ตายไปกับน้ำ
ไม่อาจจะกลับมาเกิดใหม่มีร่างใหม่กับใครได้อีก
ทั้งไม่สามารถกลับบ้านเกิดแดนสุญตาได้อีกด้วย
เพราะขันอาสาว่าถ้าได้มาแล้วจะไม่กลับคืนบ้าน
ทุกวันนี้ “จิตวิญญาณ” ของพวกแองเจิ้ลนอกคอก
จึงกลายเป็นจิตวิญญาณที่ล่องลอยอยู่ในระบบโลก
กลายเป็นพวก “ผีโสโครก” ที่พระเยซูทรงกล่าวถึง
ซึ่งจิตวิญญาณพวกนี้จะทำตัวเป็นศัตรูกับมนุษย์
คอยหลอกลวงให้หลงทางหลงธรรมกันตลอดมา
เพราะอิจฉามนุษย์ที่ตายแล้วกลับมาเกิดใหม่ได้
ขณะพวกตนตายแล้วไม่มีโอกาสได้ย้อนมาเกิดอีก
จึงพยายามหลอกมนุษย์ว่าพวกตนคือพระเจ้า
พยายามบิดเบือนสัจธรรมคำสอนของพระศาสดา
พาให้มนุษย์เดินผิดทางเพราะเชื่อตามพวกเขา
พาให้มนุษย์เสพติดกิเลสจนหมุนธรรมจักรไม่ได้
พาให้มนุษย์ตกนรกและสอนให้เกลียดกลัวนรก
หลอกพาจิตวิญญาณไปขังไว้บนสวรรค์มายา
เพื่อทำหน้าที่เป็นดั่งแผงโซล่าเซลล์ชาร์จพลัง
หรือเป็นกรรมกรแสงให้พวกเขาชาวแองเจิ้ล
ที่มีแต่จิตวิญญาณไม่มีกายหยาบห่อหุ้มแล้ว
คอย “ดักดูด” พลังงานด้านบวกเพื่อเติมเต็มให้
โดยสอนมนุษย์ให้ “ทำ” ด้วยวิธีสมถะกรรมฐาน
ผ่านการ “แผ่เมตตา” หรือเหวี่ยงพลังออกไปให้
นามว่าจิตวิญญาณ “ผีโสโครก” นี้
พระเยซูทรงกล่าวตามพฤติกรรมสำส่อน
ที่พวกเขากระทำฝ่าฝืนกฎจักรวาลของพระเจ้า
อันเป็นพฤติกรรมที่น่ารังเกียจเป็นยิ่งนัก
หลังผ่านยุคของโนอาห์มาแล้ว
ปรากฏว่าในยุคของอียิปต์โบราณ
ชนชั้นผู้นำได้ทำให้การผสมพันธุ์ข้ามดาว
ย้อนกลับมาสู่ชาวโลกกันอีกครั้งหนึ่ง
แต่คราวนี้ไม่ใช่กับพวก “แองเจิ้ล” เผ่าเดิมอีก
แต่เป็นพวกที่เราเรียกว่า “มอด” ที่ขุดรูอยู่ใต้ดิน
เพื่อหนีสงครามนิวเคลียร์ที่พวกเขาสู้รบกันเอง
จากการแย่งชิงทรัพยากรบางอย่างบนโลก
ชาวต่างดาวที่รอดตายทั้งสองเผ่านี้
เผ่าหนึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุเท็คโนโลยี
อีกเผ่าหนึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิญญาณ
ผลจากการทำศึกสงครามกันในครั้งนั้น
ทำให้โลกเกิดยุคน้ำแข็งขึ้นมาจากเดิมที่ไม่มี
ทำให้เกิดกากสารกัมมันตรังสีกระจายทั่วโลก
โดยพระเจ้ามิได้สร้างแร่กัมมันตรังสีไว้ที่โลกนี้
แต่พวกนี้ได้แบกขนกันมาจากเผ่าดาวของตน
หลังจากมุดรูอยู่นานเพื่อหนีกัมมันตภาพรังสี
วันดีคืนดีก็โผล่ขึ้นมาบนพื้นโลกเลิกเป็นอีแอบ
ทั้งสองฝ่ายหลอกใช้มนุษย์เป็นเครื่องมือของตน
เพื่อหวังจะยึดครองโลกเสรีนี้ไว้เป็นของตัว
เพราะพวกเขาไม่มีดาวบ้านเกิดให้กลับแล้ว
เนื่องจากทดลองสร้างวัตถุเท็คโนโลยีบางสิ่ง
จนยังผลให้ดาวทั้งดวงแตกระเบิดเป็นจุล
กลายเป็นฝุ่น “เนบิวล่า” ลอยค้างอยู่ในจักรวาล
ขณะอีกพวกหนึ่งก็กลับดาวของตนไม่ได้
เพราะฝืนกฎจนถูกขับไสไล่ออกมาจากดาว
สิ่งมีชีวิตพลัดถิ่นทั้งสองเผ่า
จึงยืมมือมนุษย์เป็นนอมินีของฝ่ายตน
ทำการต่อสู้แย่งชิงอำนาจการเป็นผู้นำมาตลอด
ล้วนมิได้เป็นผลดีอะไรกับมนุษย์และโลกเลย
นอกจากต้องตายไปเพราะความโง่ง่ายเท่านั้น
4.ใช้วัตถุเท็คโนโลยีกับร่างกายมนุษย์
นี่ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งซึ่งคนรุ่นปัจจุบันจะเริ่มได้เห็น
เพราะยุคนี้เป็นยุคดิจิทัลคอมพิวเตอร์
พวกมอดที่อยู่เบื้องหลังชาติผู้นำต่างๆของโลก
ซึ่งยึดอาชีพขายวัตถุเท็คโนโลยีและอาวุธร้าย
ได้นำเอาสัญลักษณ์ของสัตว์ร้ายคือบาร์โค้ด
เข้ามาติดตั้งไว้ในร่างกายของมนุษย์บ้าง
ใช้สมองเชื่อมโยงไว้กับเครื่องคอมพิวเตอร์บ้าง
เพื่อให้สมองกับคอมพิวเตอร์ทำงานร่วมกัน
ซึ่งในอนาคตอันใกล้จะมีอะไรมากไปกว่านี้อีก
พวกคุณจะต้องรู้ว่า
พระเจ้าจะไม่ทรงโปรดให้ลูกแกะของพระองค์
กระทำการใดๆที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
โครงสร้างทางกายภาพซึ่งเป็นมิติแห่งเนื้อหนัง
ให้ผิดไปจากที่พระองค์ทรงออกแบบไว้ดีแล้ว
(ยังมีต่อในตอนต่อไป)
สื่อถ่ายทอดคลื่นความคิดในระบบจิตสู่จิต
จากองค์จิตจักรวาลดวงใหญ่
ปัญญาวิสุทธิ์
23/05/2566