06 พฤษภาคม 2566

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 6/05/2023

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
 
ซาตานที่จะยกตนเป็นคนนำทางตาบอดรุ่นใหม่
ซึ่งจะเป็นแผงโซล่าเซลล์ให้พวกมอดกันนั้น
ถูกมอดหลอกด้วยการบิดเบือนคำสอนอีกว่า
 
ความรักไร้เงื่อนไขในฝ่ายวิญญาณ
ก็คือสติปัญญาอันเท่าเทียม
คือไม่มีการแบ่งชนชั้นวรรณะ
ไม่มีใครสูงกว่าไม่มีใครต่ำกว่า
ทุกคนคือกายเดียวต่างอวัยวะเท่านั้น”
 
มาแล้ว...มาอีกแล้ว
เป็นชุดคำพูดสุดหรูฟังแล้วหูบานเลยมารเอ๋ย
ช่างประดิดประดอยคำที่ชวนให้สับสนเหลือเกิน
โดยเอาความรักที่ไร้เงื่อนไขเปรียบได้ดั่ง “แพะ”
ไปชนกับ “แกะ” ก็คือสติปัญญาอันเท่าเทียม
คุณว่าแพะกับแกะน่ะมันเหมือนกันมั้ยล่ะ
 
ที่คนโบราณว่า “เหมือนกันยังกับแกะ”
แปลว่าของสองสิ่งนั้นมันต้องเหมือนกันเป๊ะ
เพราะสิ่งหนึ่งถูกแกะให้เหมือนกับอีกสิ่งหนึ่ง
ซึ่งช่าง “แกะสลัก” ฝีมือดีมันจึงเหมือนกันได้
แต่สำหรับแพะกับแกะนั้นสัตว์สองชนิดที่ว่านี้
จะมีตัวตนรูปลักษณ์เฉพาะเผ่าพันธุ์ของตน
โดยจะต่างกันตามแบบที่พระเจ้าทรงกำหนดไว้
ซึ่งพวกเขาต่างก็เป็นสัตว์ประจำโลกเหมือนกัน
เป็นสิ่งมีชีวิตที่พระเจ้าทรงสร้างขึ้นเหมือนกัน
 
ดังนั้น
ด้วยภารกิจทางจิตวิญญาณของแพะและแกะ
หรือสิ่งมีชีวิตทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นแบบไหน
ทุกรูปธรรมต่างล้วนมีหน้าที่ต้องรักกันทั้งนั้น
เพราะมันเป็นหน้าที่ของทุกรูปธรรมที่ขันอาสามา
เพื่อช่วยกันสร้างสมการพลังงานความรักบริสุทธิ์
ช่วยให้ “โลกเหวี่ยงหมุนรอบตัวเอง” ได้ต่อเนื่อง
ในการค้ำจุนความสมดุลของโลกทั้งระบบให้ได้
ต้นไม้ทุกต้นสัตว์ทุกตัวและคนทุกคนบนโลกนี้
ต้องทำหน้าที่ทางจิตวิญญาณดังกล่าวมานี้
ด้วยวิธีที่เรียกว่า #หมุนธรรมจักร โดยรักเพื่อให้
อันเป็น “ความรักที่ไร้เงื่อนไข” กันอยู่แล้ว
 
แต่พวกมอดได้หลอกมารรุ่นใหม่ทั้งหลายว่า
ความรักแบบพ่อแม่ลูกที่พระเจ้าทรงยกตัวอย่าง
มันเป็นความรักที่ไม่บริสุทธิ์แท้จริงแต่อย่างใด
โดยอ้างว่าไม่บริสุทธิ์เพราะเป็น #อัตตารักอัตตา
ซึ่งมารมันเอา “จิตรู้สำนึก” ในการเป็นพ่อแม่ลูก
ที่เป็นคุณสมบัติของจิตหยาบใน 189 กลุ่มนั้น
มากล่าวหาว่าจิตสามนึกทั้งสามแบบนี้เป็นอัตตา
เมื่อจิตหยาบมีอัตตาแสดงว่าจิตหยาบไม่บริสุทธิ์
จึงยังผลให้ความรักของพ่อแม่ลูกไม่บริสุทธิ์ด้วย
 
#นี่คือความกะล่อนของมอดที่ทำให้มารโง่ง่าย
#เพราะเชื่อตามมอดแล้วนำเอามาแถลงแย้งเรา
 
เราจะกล่าวให้พวกคุณเข้าใจให้ถูกต้องว่า
 
การรู้สำนึกว่าขณะนี้ตนกำลังทำอะไรกันอยู่
เช่นรู้ว่าตนกำลังเป็นพ่อเป็นแม่หรือเป็นลูกอยู่
พวกตนจึงต้องรักกันช่วยเหลือดูแลกันอย่างดี
พวกตนต้องช่วยกันค้ำจุนครอบครัวให้มั่นคงไว้
อย่างนี้เรียกว่า “สำนึกดี” หรือ ดำริชอบใช่ไหม
 
การรู้สำนึกว่าเมื่อสักครู่ตนเพิ่งทำอะไรมา
เช่นรู้ว่าในอดีตที่ผ่านมานั้นตนสองคนรักกัน
จึงได้ตัดสินใจก่อร่างสร้างครอบครัวร่วมกันมา
พอกาลเวลาผ่านไปสองคนก็มีลูกน้อยขึ้นมา
จิตสำนึกแห่งการเป็นพ่อแม่ของลูกที่ตนรัก
ทำให้สองคนผัวเมียไม่รู้เหนื่อยไม่รู้อ่อนเพลีย
ช่วยกันเลี้ยงดูลูกแบบมดไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม
จนลูกน้อยเติบโตเป็นผู้ใหญ่อย่างมีคุณภาพ
นี่คือ “จิตสำนึกในการเป็นพ่อแม่ที่ดี” ใช่ไหม
 
ลูกของพ่อแม่ก็เช่นกัน
เมื่อได้สัมผัสกับความรักของพ่อแม่ตลอดเวลา
ได้รับความสุขความอบอุ่นและความปลอดภัย
ที่พ่อแม่มีจิตสำนึกด้านบวกต่อตนเองตลอดมา
ตั้งแต่ “ฝ่าตีนเท่าฝาหอย” คือตั้งแต่เล็กแต่น้อย
ความมีสำนึกแห่งการเป็นลูกกตัญญูรู้คุณพ่อแม่
ด้วยการทำตนเป็นลูกที่ดีเป็นเด็กดีมิใช่เด็กดื้อ
เพื่อทำให้พ่อแม่มีความสุขเพราะมีลูกที่แสนดี
นี่คือ “จิตสำนึก” ที่ดีงามน่าชื่นชมของลูกมั้ยล่ะ
 
พี่ๆน้องที่รักแห่งเราทั้งหลาย
 
ที่เรากล่าวมาเป็นตัวอย่างทั้งหมดนั้น
มันเป็นเรื่องความรักระหว่างพ่อแม่ลูกทั้งสิ้น
มิได้เกี่ยวข้องกับเรื่องของ “ชนชั้น” ตรงไหน
เพราะมอดคิดว่ามนุษย์ทุกคนโง่ง่ายกันหมดโลก
จึงทำตัวเป็นยอด “นักบิด” ถ้าใครคิดน้อยก็สับสน
โดยบิดจากการ “สำนึกรู้” ที่เป็นคุณสมบัติของจิต
ไปเป็นคำว่า “ความรู้สึก” ที่เป็นกิเลสของจิตแทน
 
เราบอกแล้วไงว่า
พวกมอดมันชอบสอนมนุษย์ให้เสพติดกิเลส
จนมนุษย์โง่ง่ายเกิดตายเพราะกิเลสกันมาตลอด
ไม่เว้นแม้แต่ “คนชอบธรรม” ก็ยังถูกมอดหลอก
ให้มุ่งปฏิบัติธรรมด้วยการ “ชอบทำ” แทนเสีย
 
คำว่า “ชอบทำ” แปลว่า ที่ทำก็เพราะชอบ
เช่นอยากไปสวรรค์จึงทำบุญกันยกใหญ่เลย
เพราะไม่อยากตกนรกจึงไม่ทำชั่วเพราะกลัวนรก
เห็นหรือยังว่ามอดมารมันปิดจิตสามนึกคุณไว้
เพื่อมิให้คุณเข้าถึงการใช้จิตสามนึกของตนได้
 
นอกจากนั้นมอดมารยังหลอกมนุษย์อีกว่า
 
ไม่มีใครสูงกว่าไม่มีใครต่ำกว่า
ทุกคนคือกายเดียวต่างอวัยวะเท่านั้น”
 
นี่มอดมันพาพวกคุณเข้าป่าเข้าถ้ำไปอีกแล้ว
เพียงแค่พวกมันต้องการอธิบายขยายความว่า
ความรักที่บริสุทธิ์ต้องไม่มี “อัตตา” ข้องเกี่ยว
คำว่า “ไม่มีใครสูงกว่าต่ำกว่า” จึงถูกยกเอามาใช้
 
พระคุณของพ่อแม่บังเกิดเกล้าทุกคน
มันอยู่เหนือหัวเหนือเกล้าของลูกๆมั้ยล่ะ
นี่มอดมารมันกำลังล้างสมองเด็กรุ่นใหม่
ให้อกตัญญูไม่รู้คุณพ่อแม่ของตนใช่ไหม
สอนพ่อแม่ให้เป็นแบบ “ไข่แล้วทิ้ง” ใช่หรือไม่
ถ้าเชื่อตามมอดโลกมนุษย์ “ซิปหาย” หมดแน่ๆ
 
เราจะบอกให้พวกคุณรู้ว่า
จิตสามนึก” ของมนุษย์เป็นคุณสมบัติสำคัญ
ที่จิตวิญญาณรับถือมาเองจาก #ด่านนภาลัย
เมื่อวางแผนเขียนบทละครของพ่อแม่ลูกแล้ว
เพื่อใช้จิตสามนึกเป็นเครื่องมือในการแสดง
ตาม “ชะตาชีวิต” ที่ร่วมกันวางแผนขึ้นที่นั่น
ในการมาเกิดเป็นคนสองมิติเพื่อเป็นมนุษย์
 
ในวันที่จิตหยาบช่วยยกระดับจากมิติที่ 6D
จนเข้าถึง 11D ได้เป็นผลสำเร็จเมื่อไหร่
จิตหยาบกับจิตวิญญาณของคุณที่รวมกันแล้ว
จะต้องไปแวะที่นั่นเพื่อถอดจิตสามนึกคืนไว้
ก่อนหลุดพ้นนิพพานกลับบ้านแดนสุญตาต่อไป
 
ถ้าน้ำในแก้วประกอบด้วยโมเลกุลมากมาย
โดยไฮโดรเจนสองตัวกับออกซิเจนหนึ่งตัว
จับคู่รวมกันเป็น 1 โมเลกุลคือน้ำบริสุทธิ์แล้ว
ถ้ามีสิ่งอื่นใดก็ตามปนเปื้อนอยู่ในน้ำแก้วนั้น
ล้วนเป็นสิ่งที่ทำให้น้ำในแก้วไม่บริสุทธิ์ทั้งสิ้น
 
ในจิตหยาบจำนวน 189 กลุ่มของมนุษย์
ก็มี “จิตสำนึก” เป็นองค์ประกอบหลักอยู่ในนั้น
จิตที่สำนึกรู้ได้ว่าตนเป็นใครเขาเป็นใคร
สำนึกรู้ว่าตนจะต้องปฏิบัติแบบไหนอย่างไร
จึงนำความต่างมาสร้างความเป็นหนึ่งเดียวกันได้
มันจึงไม่ใช่สิ่งปนเปื้อนที่ทำให้จิตหยาบสกปรก
มิใช่สิ่งที่ทำให้จิตหยาบสกปรกเหมือนกับกิเลส
ซึ่งเป็น “ความรู้สึก” ที่มอดพยายามล่อลวงคุณ
 
กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา
 
เอเมน สาธุ
ปัญญาวิสุทธิ์
6/05/2566