30 พฤษภาคม 2566

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 30/05/2023

(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)
 
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
 
เราเป็นผู้มาจากพระองค์มาเพื่อทำการรวบรวม
ยุวจิตจักรวาลผู้เป็นวิสุทธิปัญญาชนยุคสุดท้าย
ที่ยังคงได้รับโอกาสให้เป็นฝูงแกะผู้ชอบธรรม
ซึ่งดำรงตนเองทำมาหากินอยู่ทั่วแผ่นดินโลก
โดยจิตวิญญาณแก่นแท้ที่ยังพอจะมีสติตื่นรู้ได้
เมื่อเราจุดตะเกียงแห่งปัญญาของก้อนสมองให้
เพราะตะเกียงคือสมองสองก้อนที่ตั้งอยู่ในหัวนั้น
ยังพอจะมี “น้ำมัน” เป็นเชื้อเพลิงหลงเหลืออยู่
ที่พอจะให้แสงสว่างขึ้นมาได้บ้าง
 
บุคคลชอบธรรมที่พร้อมจะเป็นเจ้าสาวของเรา
จึงเป็นบุคคลจำนวนน้อยเหล่านี้ประเภทนี้เท่านั้น
นอกจากนี้หากพวกเขาไม่ทำตนเป็นคนหลับใหล
จากการอดทนรอคอยให้เจ้าบ่าวกลับมารับไม่ได้
พวกเขาก็จะเป็นลูกแกะผู้โง่ง่ายที่ถูกหลอกให้
ตามโจรผู้ร้ายที่ลักพาไปปีนรั้วเพื่อกลับเข้าคอก
ทั้งๆที่ประตูคอกแกะยังเปิดกว้างรอพวกเขาอยู่
 
นานมาแล้วที่โจรผู้ร้ายซึ่งเป็นปฏิปักษ์ต่อพระเจ้า
ผู้พลัดถิ่นซึ่งเดินทางข้ามฟ้ามาจากแดนไกลนั้น
ทั้งพวกที่ยังมีอัตตาตัวเป็นๆที่แฝงเร้นเป็นมอดอยู่
กับพวกหนึ่งซึ่งเป็นจิตวิญญาณโสโครกที่ตกค้าง
เพราะตัวตนต้องตายไปกับการชำระโลกครั้งที่สอง
ซึ่งเป็นจิตวิญญาณพวกแองเจิ้ลที่สิงสู่อยู่ในร่างคน
เพราะทำตนเป็นเทพเจ้าแห่งความรักที่หลอกลวง
จึงร่วงหล่นลงมาจากฟ้าเพราะปีกที่มีอยู่ไร้แรงบิน
ทุกวันนี้จิตวิญญาณผีโสโครกจะไปไหนต่อก็ไม่ได้
พวกเขาจึงเหมือนถูกกักขังกันอยู่ในระบบโลก
 
จะนิพพานเพื่อกลับบ้านแดนสุญตาก็ไม่ได้
เพราะมิได้อยู่ในเงื่อนไขพันธะสัญญา 6 ที่ให้ไว้
ตั้งแต่ภพชาติแรกที่ขันอาสามาเกิดในเอกภพนี้
จะเดินทางท่องจักรวาลอย่างอิสระต่อไปก็ไม่ได้
เพราะจิตวิญญาณตกจากมิติที่ 6D เหลือ 5D แล้ว
แปลว่าพลังจิตใต้สำนึกของจิตวิญญาณนั้นถดถอย
จนไม่อาจดีดตัวเองให้หลุดพ้นออกจากเอกภพได้
จึงต้องตกอยู่ในสภาพ “ผู้อนาถา” มายาวนาน
 
เพราะกลับบ้านเกิดเมืองนอนแดนสุญตาไม่ได้
เพราะพวกเขาทั้งหลายจำทางกลับบ้านกันไม่ได้
เพราะพวกเขาเสื่อมพลังทางจิตวิญญาณไปแล้ว
เพราะใช้พลังจิตใต้สำนึกอย่างพร่ำเพรื่อฟุ่มเฟือย
เพื่อการอวดอภิญญฤทธิ์อุตริจูงมนุษย์มาเป็นพวก
เพื่อตั้งตนเป็นปฏิปักษ์เป็นฝ่ายตรงข้ามกับพระเจ้า
ด้วยการบิดเบือนพระวจนะพระศาสดาของโลก
ด้วยการสอนมนุษย์ให้จิตเสพติดกิเลสจนจิตป่วย
 
ด้วยการสอนให้คนชอบธรรมปฏิบัติทำแบบผิดๆ
เช่น สอนให้เกลียดกลัวความทุกข์จนขึ้นสมอง
เพื่อให้ปฏิเสธการได้โอกาสให้มาเกิดเป็นมนุษย์
 
ปิดบังความจริงเรื่องการใช้เมตตาธรรมค้ำจุนโลก
ซึ่งเป็นภารกิจหลักของจิตวิญญาณมนุษย์ที่ต้องทำ
แล้วสอนให้หาทางตายเพื่อหนีทุกข์ไปจากโลกนี้
อันเป็นการสอนให้ละทิ้งหน้าที่ของจิตวิญญาณไป
โดยหลอกให้ใช้จิตวิญญาณตนเองที่หลงเชื่อตาม
สร้างสวรรค์มายาขึ้นมาเป็นดินแดนแห่งเทพเทวดา
ตามพิมพ์เขียวที่ถูกออกแบบเอาไว้ให้เห็นกันทั่ว
จนภาพที่เห็นนั้นถูกฝังเข้าไปอยู่ในหัว
เพื่อนำเอาจิตวิญญาณของตัวเองไปกักขังไว้บนนั้น
 
อันเป็นการกระทำในเชิงแก้แค้น
ที่พวกตนก็เหมือนถูกกักขังอยู่ในระบบโลกไว้
โดยต้องไร้อิสระอยู่ในนี้กันมาอย่างยาวนาน
ทั้งๆที่พวกตนกระทำผิดกฎแห่งดาราอาณาจักร
ขณะที่จิตวิญญาณมนุษย์ที่หลงมิติเชื่อตามเขา
เหตุเพราะความโง่ง่ายจากจิตหยาบที่ติดกิเลส
จนนิพพานกิเลสก่อนตายกันได้ยากเหลือแสน
 
พวกจิตวิญญาณของผีโสโครกเหล่านี้
สอนให้ชนชั้นผู้นำของโลกและมนุษย์บางคน
มีความทะเยอทะยานที่จะเป็นพระเจ้าเสียเอง
เพื่อด้อยค่าพระบิดาแห่งจิตวิญญาณของตน
ด้วยการสอนให้ใช้เวทย์มนต์คาถาภาษาแปลกๆ
โดยมีพวกตนคอยแฝงสำแดงฤทธิ์อยู่เบื้องหลัง
เช่น การสะกดจิต การเล่นแร่แปรธาตุ การล่องหน
การเสกสร้างวัตถุมายา การลอยตัว เสน่ห์ยาแฝด
การสร้างสอนอุตริ เช่น สร้างสำนักพ่อมดหมอผี
การเป็นร่างทรงองค์เทพแบบต่างๆอ้างว่าช่วยคน
โดยแลกเปลี่ยนกันกับการเซ่นสรวงเป็นอามิสบูชา
เพื่อขจัดความหิวโหยของตนจากการที่หลงมิติอยู่
เพราะจิตวิญญาณต้องตายอย่างอดหยากทรมาน
จากการจมน้ำตายก็มีจากการอดอาหารตายก็มาก
ในครั้งที่น้ำท่วมโลกเป็นครั้งที่สองนั้น
 
พวกคุณจะต้องรู้ว่า
ประดาเทพเจ้าทั้งหลายตั้งแต่สมัยอียิปต์โบราณ
จนถึงยุคของกรีกโรมันและอารยธรรมตะวันออก
ล้วนเป็นมายาของจิตวิญญาณพวกคนยักษ์ทั้งสิ้น
ที่แฝงตัวบังตนเข้ามาแทรกแซงกิจการของมนุษย์
ทำให้คนนำทางตาบอดพามนุษย์หลงทางนิพพาน
ด้วยการสอนให้ใฝ่อุตริอวิชชาหลงในอภิญญฤทธิ์
หลอกให้ทำอายตนะทั้งห้าทีดีอยู่พิการหรือมืดบอด
ให้เชื่อว่าเป็นวิธีปฏิบัติธรรมที่ถูกต้องตรงจริงแล้ว
เพื่อปิดกั้นการเรียนรู้ในทุกช่องทางเอาไว้ให้โง่งม
 
ทั้งๆที่พระศาสดาทรงเน้นว่าคนพิการนั้นบวชไม่ได้
เพราะเป้าหมายของการบวชแท้จริงคือ “บวชเรียน”
ถ้าหูหนวกตาบอดเสียแล้วจะเรียนรู้อะไรได้อีกเล่า
ขนาดตายังดีอยู่มนุษย์บางคนก็ยัง “ตาถั่ว” อยู่เลย
 
การสอนให้นิพพานในแบบของ “ตาลยอดด้วน”
ก็เป็นความร้ายกาจของผีโสโครกพวกนี้แหละคุณ
เพราะพวกเขาให้นิยามไว้ว่าถ้าตายแล้วขึ้นสวรรค์
โดยขึ้นไปอยู่บนนั้นได้แล้วไม่ต้องกลับลงมาเกิดอีก
แสดงว่าจิตวิญญาณหลุดพ้นไปจากกองทุกข์แล้ว
คำว่า “นิพพาน” ของมอดพวกนี้จึงได้หมายถึง
จิตวิญญาณคุณหมดทุกข์สิ้นทุกข์และพ้นกรรมแล้ว
ซึ่งเป็นความเท็จมิใช่สัจธรรมที่ตรงจริงแต่อย่างใด
 
เราปรารถนาจะให้พวกคุณใช้มหาสติในยามตื่น
ซึ่งเป็นการใช้อายตนะภายนอกทั้งห้าที่ยังดีอยู่
ปฏิบัติธรรมชาติสมาธิในแบบของผู้รู้ตัวทั่วพร้อม
คือตื่นตัวตื่นตาและตื่นใจพร้อมรับรู้และเรียนรู้เสมอ
เพื่อการสั่นสะเทือนจิตหยาบกับสมองด้วยขันธ์ห้า
ในการใช้ความรักเพื่อให้อันบริสุทธิ์ดำเนินชีวิต
ด้วยการคนตนเองทั้งสองมิติให้เป็นมนุษย์ให้ได้
ซึ่งเป็นเพียงวิธีเดียวที่พวกคุณจะเปลี่ยนตนเอง
จากการเป็นคนโง่ง่ายเพราะถูกผีโสโครกหลอก
ไปเป็นเทพบุตรเทพธิดาของพระเจ้าในแดนสุญตา
ซึ่งเป็นสวรรค์นิรันดรอันเป็นสวรรค์ที่แท้จริงกันได้
เพื่อให้การกลับมาฉุดช่วยพวกคุณให้รอดพ้นครั้งนี้
สามารถรอดจากภัยพิบัติในปฏิบัติการชำระโลก
รอดจากน้ำมือของมอดตัวเป็นๆเพราะคุณรู้ทันมัน
รอดจากความงมงายลุ่มหลงในสิ่งที่ไร้สาระต่างๆ
ที่ประดาผีโสโครกใช้เล่ห์กลมายามาหลอกลวงคุณ
 
เช่น เอาดินบนทางเดินมาปั้นเป็นรูปสัญลักษณ์
เอาต้นไม้ในป่าใหญ่มาแกะสลักเป็นรูปประดิษฐ์
เอาเหงื่อไคลและสิ่งโสโครกที่ขับออกจากร่างกาย
มากราบไหว้ดื่มกินเพื่อทำให้จิตวิญญาณเสื่อมพลัง
หลอกให้ปฏิบัติทำเพื่อตัวเองอยู่ในโลกมืดส่วนตัว
เพื่อจะลอยไปติดค้างอยู่บนสวรรค์มายาตามลำพัง
แทนที่จะปฏิบัติธรรมโดยใช้เมตตาธรรมค้ำจุนโลก
 
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
หากใครต้องการกลับไปเป็นเทพบุตรเทพธิดา
ของพระบิดาแห่งจิตวิญญาณหรือพระเจ้า
ก็จงเลือกข้างพระองค์แล้วก้าวเดินมาทางเรา
เพราะทรงเห็นแก่พวกคุณที่เป็นบุตรมนุษย์
จึงมีพระบัญชาให้เรารุดกลับมารวบรวมพวกคุณไว้
 
เพราะการเร่งเวลาของพระเจ้า
ในปฏิบัติการชำระโลก ครั้งที่สี่นี้
ทุกสิ่งอย่างมันจะเกิดขึ้นรวดเร็วมาก
มนุษย์จำนวนไม่มากที่ทรงเลือกไว้เท่านั้น
จึงจะเป็นผู้ที่ได้รับประทานความรอด
 
ผู้ที่ยอมให้เราฉุดช่วยเท่านั้นที่จะ “รอด”
เราจะกล่าวความจริงให้รู้ว่า
นอกจากนั้นแล้วจะไม่มีมนุษย์รอดได้เลย
เพราะท่ามกลางมนุษย์ทั่วทั้งจักรวาลโลก
รวมทั้งผู้อยู่ในนามอื่นจะมิทรงโปรดให้มีเลย
 
สื่อถ่ายทอดคลื่นความคิดในระบบจิตสู่จิต
จากองค์จิตจักรวาลดวงใหญ่
 
ปัญญาวิสุทธิ์
30/05/2566