10 พฤษภาคม 2566

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 10/05/2023

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
 
คนนำทางตาบอดพยายามที่จะนิพพานกิเลส
โดย #ดับการเกิดดับของกิเลส ในจิตหยาบ
เป้าหมายคือต้องการ “ชำระกิเลส” ให้จิตว่าง
เพราะเขาเชื่อว่าถ้าจิตหยาบว่างจากกิเลสได้
ตายไปจะได้ขึ้นสวรรค์ไม่ต้องมาเกิดเป็นคนอีก
นี่คือความหมายของคำว่า “นิพพาน” ของเขา
 
พวกเขาจึงจับเอา #ความทุกข์ เป็นตัวประกัน
โดยเพียรกรอกหูพวกคุณว่าการเกิดแก่เจ็บตาย
การมีภพชาติกับการมีสังสารวัฏเป็นทุกข์มหันต์
จึงโทษตาหูจมูกลิ้นกายที่เป็นอายตนะทั้งห้าว่า
เป็นตัวต้นเหตุให้เกิดทุกข์ในจิตหยาบของตน
เพราะอายตนะทั้งห้าไปสัมผัสรู้ดูเห็นสิ่งต่างๆเข้า
รู้ก็ทุกข์เห็นก็ทุกข์ได้กลิ่นก็ทุกข์ร้อนเย็นก็ทุกข์
จึงปิดทุกช่องทางเอาไว้ตลอดเวลาจะได้ไม่ทุกข์
 
นอกจากนั้นยังจับเอาสังคมเป็นตัวประกันอีก
โดยโทษคนอื่นๆในสังคมของตนว่าเป็นต้นเหตุ
ในการสร้างปัญหาและก่อความวุ่นวายให้ตน
สุดท้ายก็โยงเรื่องนี้เข้าหาความทุกข์อีกจนได้
 
คุณจะสังเกตได้ว่า
คนนำทางตาบอดซึ่งเป็นทาสของมอดในอดีตนั้น
จะจับเอาตัวทุกข์และผู้คนในสังคมเป็นตัวประกัน
การละทิ้งสังคมเพื่อเข้าป่าเข้าถ้ำจึงเกิดขึ้น
แถมเพ่งโทษอายตนะภายนอกทั้งห้าว่าเป็นเหตุ
จึงพยายามปฏิบัติทำโดยปิดอายตนะทั้งหมดไว้
มิให้รับรู้ดูเห็นได้ยินได้กลิ่นได้รสอะไรทั้งสิ้น
จนยังผลให้ความสามารถในการเรียนรู้ลดต่ำลง
โดยคนนำทางตาบอดชราพวกนี้ไม่เคยฉุกคิดว่า
พระพุทธองค์ไม่ทรงอนุญาตให้คนอายตนะพิการ
บวชเป็นสาวกของพระองค์ได้เพราะสาเหตุใด
 
คำตอบก็คือ
เพราะพระองค์ทรงเห็นว่า
คนที่มีอายตนะภายนอกพิกลพิการนั้น
ความสามารถด้านการเรียนรู้โลกธรรมสัจธรรม
จะต่ำกว่ามาตรฐานของคนทั่วไปนั่นเอง
ขนาดคนที่หูดีตาดีอายตนะดีแต่ใช้มันไม่เป็น
ยังมีความสามารถในการเรียนรู้ด้อยด้วยซ้ำไป
นี่อายตนะยังใช้การได้ดีอยู่แท้ๆแต่แสร้งทำพิการ
มันหมายความว่ากระไรล่ะคุณๆทั้งหลาย
นี่มันโง่จริงๆ...หรือว่าแสร้งโง่กันแน่ล่ะ
 
เพื่อให้แลดูน่าเชื่อถือ
จึงปั้นเรื่อง “สวรรค์มายา” ว่าเป็นแดนนิพพาน
เพื่อรองรับจิตวิญญาณที่ลอยขึ้นไปติดค้างบนนั้น
ด้วยการสอนให้คอยกำกับจิตหยาบที่อยู่ไม่นิ่ง
เพราะธรรมชาติของจิตมนุษย์มันซนเหมือนลิง
โดยคอยข่มจิตหยาบเอาไว้ให้มันสงบนิ่งนานๆ
ซึ่งพวกเขาเรียกกันว่า #นั่งสมาธิ นั่นแหละคุณ
จนคนนำทางตาบอดเข้าใจผิดคิดว่า “จิตสงบ”
หมายถึงจิตหยาบของตนนั้นบริสุทธิ์หมดจดแล้ว
จากการปิดอายตนะเอาไว้ได้นานๆนั่นเอง
 
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
การที่จิตสงบด้วยการคอย “ข่มจิต” ของตนเอาไว้
ในสภาวะที่จิตหยาบไม่มีเงื่อนไขภายนอกยั่วยุ
ในขณะที่จิตหยาบไม่มีเงื่อนไขภายใน
ด้วยการนึกเองเออเองเพราะคอย “กดข่ม” มันอยู่
คุณจะสรุปเอาเองว่า “จิตหยาบ” นิพพานกิเลส
หรือนิพพานความทุกข์จนหมดสิ้นแล้วมิได้
 
คุณเคยเห็นน้ำใสๆที่มีอะไรตกตะกอนอยู่หรือไม่ล่ะ
ถ้าคุณเขย่าน้ำในแก้วหรือกวนมันเมื่อไหร่
ตะกอนตรงก้นแก้วนั้นมันก็จะฟุ้งกระจายลอยขึ้นมา
น้ำในแก้วที่เคยใสเพราะเป็นน้ำนิ่งสงบดีอยู่
มันจะกลายเป็นน้ำไม่ใสเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว
เพราะน้ำในแก้วนั้นมันเป็นน้ำที่ไม่ใสบริสุทธิ์แท้
 
จิตหยาบคุณที่นิ่งสงบเพราะถูกกดข่มไว้ก็เช่นกัน
ถ้าเป็นจิตหยาบที่ยังมีกิเลสเจือปนอยู่ในนั้น
ซึ่งดูแล้วเหมือนจิตใสใจสะอาดจริงๆขณะนิ่งสงบ
แต่ถ้าคุณออกจากเถื่อนถ้ำกลับเข้าสู่สังคมดังเดิม
โดยเลิกคิดที่จะไปสวรรค์คนเดียวได้เมื่อไหร่
พร้อมยอมที่จะเลิกเล่นบทคนตาบอดต่อไปแล้ว
พวกนี้ก็จะมีอาการ “สติแตก” เมื่อถูกยั่วยุให้เห็น
 
ถ้ายังพบว่าเกิดอาการน้อตหลุดสติแตก
แสดงว่าจิตหยาบของเขาคนนั้นยังมิได้ชำระเลย
แค่นั่งหลับตากดข่มจิตเอาไว้ให้มันนิ่งอยู่นานๆ
จิตหยาบนั้นยังมิได้ถูกชำระแต่อย่างใดทั้งสิ้น
สนิมของจิตคือกิเลสมารมันยังคงมีอยู่อย่างเดิม
เพียงแต่มันแขวนลอยอยู่ในจิตชั่วคราวเท่านั้นเอง
 
วิธีการชำระจิตหยาบที่ได้ผลแท้จริงนั้น
พระเจ้าทรงให้เรากระทำที่จิตสามนึกพวกคุณ
ด้วยกระบวนการ “ไซโคโชว์” ที่แยบยลได้ผลจริง
เพื่อให้เราชี้แนวทางสร้างแนวคิดปลุกจิตสำนึก
ด้วยบรรยากาศที่สนุกสนานแบบสัตว์สังคมจริงๆ
ทรงให้ท่านยมบาลและทีมงานใช้วิธีไซโคโชว์
สร้างสติทางจิตวิญญาณด้วยความทุกข์ทรมาน
ซึ่งมีแต่เสียงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเพราะเจ็บปวด
เพื่อให้สำนึกรู้เองว่าตนทำผิดพลาดอะไรมาบ้าง
ถ้ายังสำนึกรู้เองไม่ได้การทุกข์ทรมานก็จะไม่ยุติ
 
กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา
 
เอเมน สาธุ
ปัญญาวิสุทธิ์
10/05/2566