04 มีนาคม 2567

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 4/03/2567

 #คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล

พี่ๆน้อง ๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

 

#ธรรมชาติเป็นโลกุตรธรรมความจริงของ #พระบิดา

#ธรรมดาเป็นโลกียะธรรมความจริงของ #คนสองมิติ

 

ในที่นี้คำว่า “พระบิดา” เราหมายถึง

พระบิดาแห่งจิตวิญญาณของ “สัตว์ทั้งหลาย”

พระบิดาก็คือพระผู้ทรงสร้างจิตวิญญาณของสัตว์

 

โดยคำว่า “สัตว์ทั้งหลาย” นั้นจะประกอบด้วย

สิ่งมีชีวิตที่เป็น #สัตว์ประจำโลก ซึ่งอยู่ในระบบโลก

กับสิ่งมีชีวิตที่เป็น #สัตว์ประจำดาว อยู่บนดาวดวงอื่น

รวมทั้งสิ่งมีชีวิตที่มีเครื่องยนต์แห่งกรรมลักษณะมนุษย์

กับสิ่งมีชีวิตที่มีเครื่องยนต์แห่งกรรมคล้ายมนุษย์

รวมทั้งสิ่งมีชีวิตที่มีเครื่องยนต์แห่งกรรมต่างจากมนุษย์

 

ประดาสรรพสัตว์ทั้งหลายทั่วทั้งเอกภพอันไพศาล

ที่พระองค์ทรงกำหนดสร้างเอาไว้ในระบบดาวต่างๆนั้น

จะมีมายาภายนอกเป็นเครื่องยนต์แห่งกรรมจำเพาะเผ่า

และมีรูปธรรมทางพลังงานที่เป็น #จิตวิญญาณ

ทำหน้าที่ขับเคลื่อนเครื่องยนต์แห่งกรรมนั้นอยู่ข้างใน

 

ยกเว้นสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า “คน” บนดาวโลกเสรีนี้เท่านั้น

ซึ่งเป็นเมล็ดพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตที่มาจาก “ดาวลูกไก่”

ที่ต้องแสดงบทบาท #คนสองมิติ เพื่อทำหน้าที่พิเศษ

จึงเป็นสิ่งมีชีวิตลักษณะมนุษย์แค่เพียงชนิดเดียว

ที่ทรงกำหนดให้มี #จิตวิญญาณ ทำหน้าที่เป็นแก่นแท้

และทรงกำหนดให้ #จิตหยาบ เป็นผู้รับมอบอำนาจให้

มีหน้าที่ขับเคลื่อนเครื่องยนต์แห่งกรรมของคนผู้นั้นแทน

ขณะได้รับโอกาสให้มาเกิดอยู่บนโลกเสรีนี้

 

เพราะเหตุนี้เอง

พวกคุณจึงมีเครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมเป็นมนุษย์

ซึ่งเป็นรูปธรรมที่ทรงออกแบบให้เป็น “คนสองมิติ”

ที่มีมิติของแก่นแท้คือมิติทางพลังงานด้านจิตวิญญาณ

เป็น “กล่องพลังงาน” รูปทรงเรขาคณิต 6 เหลี่ยมมุม

ผู้ที่พระบุตรเอกทุกพระองค์ต่างเรียกว่า “พระจิต”

โดยพระจิตของพวกคุณนั้นแบ่งภาคมาจาก “พระบุตร”

ซึ่งเป็นจิตจักรวาลดวงเล็กที่มีรูปทรง 11 เหลี่ยมมุม

เพื่อความเหมาะสมต่อการข้ามมิติเข้ามาจุติในระบบโลก

เพื่อเข้ามาใช้เมตตาธรรมค้ำจุนสมดุลของระบบโลก

โดยทรงกำหนดให้จิตหยาบทำหน้าที่แทนจิตวิญญาณ

ภายในกำหนดเวลาของการมาเกิดเพื่อทำหน้าที่ดังกล่าว

มีกำหนดการยาวนาน 6 หมื่นปีคือ 1 ยุคโดยไม่ต้องตาย

 

พวกคุณอาจจะถามว่า

ทำไมสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นบนดาวอื่นและสัตว์ประจำโลก

จึงมีแต่จิตวิญญาณทำหน้าที่เป็นแก่นแท้อยู่ข้างในเท่านั้น

โดยไม่มีจิตหยาบเป็นผู้มีอำนาจให้ทำหน้าที่แทน

เป็นเพราะทรงมีเหตุผลสำคัญอยู่ประการหนึ่งก็คือ

ประดาสิ่งมีชีวิตทั้งหลายในสากลจักรวาลเหล่านั้น

เป็น “สัตว์ทดลองของพระองค์” ในการค้นหาต้นแบบ

ซึ่งถูกสร้างขึ้นและทดลองจนได้ต้นพันธุ์คนสองมิติ

คือสิ่งมีชีวิตที่มีเครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์

เผ่าดาวลูกไก่ที่มีนามว่า #พลียะเดี้ยนส์ นั่นเอง

 

เนื่องจากสิ่งมีชีวิตที่ทรง “กำหนด” สร้างขึ้นมานั้น

จะต้องขับเคลื่อนเครื่องยนต์แห่งกรรมด้วยจิตวิญญาณ

ถ้ามีแต่รถขุดรถตักดินที่มีกลไกในการทำงานอยู่พร้อม

แต่ไม่มี “คนขับ” ทำหน้าที่บังคับขับเคลื่อนมัน

รถขุดรถตักดินคันนั้นก็ทำงานด้วยตัวมันเองไม่ได้

จึงต้องทรงยอมให้จิตจักรวาลดวงเล็กคือ “พระบุตร”

เป็นผู้ขันอาสาแบ่งภาคตนเองออกมาเป็น “พระจิต”

เดินทางเข้ามาทำหน้าที่ตามน้ำพระทัยของพระองค์

เพื่อค้นหารูปแบบและบทบาทของรูปธรรม

ที่เหมาะสมต่อการเข้ามาใช้เมตตาธรรมค้ำจุนโลก

เพื่อให้โลกทำหน้าที่ช่วยค้ำจุนสมดุลของระบบเอกภพ

ซึ่งทรงออกแบบให้ “เอกภพ” เป็นห้องทดลองใหญ่

เพื่อใช้ทดลองเรียนรู้ว่าพระองค์จะทรงทำสิ่งใดได้บ้าง

 

เมื่อทรงค้นพบเครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์

ที่เหมาะสมต่อการส่งเข้ามาทำหน้าที่อยู่ในระบบโลก

แต่กว่าจะทรงค้นพบความจริงและทรงทำสำเร็จได้นั้น

พระองค์ต้องทรงอนุญาตให้พระบุตรเป็นจำนวนมาก

อาสาแบ่งภาคตนเองออกมาเป็นพระจิตในสัดส่วน 1:1

ถ้ามองในมิติทางกายภาพคือการลดหรือการสิ้นเปลือง

นี่จึงเป็นที่มาของการกำหนดสร้างเผ่าดาวโลก

ให้มีคุณสมบัติพิเศษต่างจากที่ทรงสร้างไว้บนเผ่าดาวอื่น

ความแตกต่างที่ชัดเจนมีดังต่อไปนี้ คือ

 

1.ให้มีจิตหยาบเป็นผู้ทำหน้าที่แทนจิตวิญญาณ

สิ่งใดที่จิตหยาบกระทำจิตวิญญาณต้องรับผิดชอบ

 

2.ต้องมีนรกเอาไว้บำบัดรักษาจิตวิญญาณที่หลงมิติ

ซึ่งอาการหลงมิติของจิตวิญญาณจะเกิดขึ้นได้เสมอ

ถ้าจิตหยาบของคนผู้นั้นสั่นสะเทือนเป็นแต่ #กิเลส

 

3.เพราะชาวเผ่าดาวโลกใช้จิตหยาบแทนจิตวิญญาณ

พวกคุณจึงต้องมี #จิตสามนึก เป็นเครื่องมือสั่นสะเทือน

เมื่อได้รับสิ่งเร้าจากภายนอกโดยกลไกอายตนะทั้งห้า

เป็นผู้สัมผัสรูปรสกลิ่นเสียงเย็นร้อนอ่อนแข็งส่งเข้าไปให้

เพื่อกระตุ้นให้เกิด “ขันธ์ห้า” ทำการขับเคลื่อนทั้งสองมิติ

แทนที่จะเป็นหน้าที่ของจิตวิญญาณโดยตรง

แบบเดียวกับสิ่งมีชีวิตที่ทรงกำหนดสร้างไว้บนดาวอื่น

 

4.เพราะจิตวิญญาณพวกคุณ

มีหน้าที่มาเกิดเพื่อเป็น “เพื่อนร่วมงานกับโลก”

จิตวิญญาณพวกคุณจึงตายไม่ได้หรือไม่มีหน้าที่ต้องตาย

สิ่งมีชีวิตทั้งหลายยกเว้นสัตว์ประจำโลกประจำดาวเท่านั้น

ที่จิตวิญญาณพวกเขาสามารถจะล้มหายตายจากได้

เพื่อควบคุมจำนวนประชากรที่มีผลต่อน้ำหนักมวลบนโลก

ป้องกันมิให้ดาวโลกเสียสมดุลขณะเหวี่ยงหมุนรอบตัวเอง

เนื่องจากน้ำหนักมวลบนพื้นโลกเกินกว่าที่ทรงกำหนดไว้

 

แต่กำหนดการเป็นเพื่อนร่วมงานกับโลกนั้น

จิตวิญญาณที่ขันอาสามาได้ให้สัจจะต่อพระองค์ไว้ว่า

จะมีชีวิตอมตะอยู่บนโลกเสรีนี้เพื่อทำหน้าที่ของตน

อย่างต่อเนื่องยาวนานร่วม #หกหมื่นปีโลก เลยทีเดียว

โดยจะไม่มีภพชาติคือเกิดแล้วไม่ต้องแก่ชราและไม่ตาย

เพราะถ้าตายแล้วจะไม่อาจใช้เมตตาธรรมค้ำจุนโลก

โดยการใช้ขันธ์ห้าของจิตหยาบร่วมกันหมุนธรรมจักร

ด้วยรักเพื่อให้หรือด้วยความเมตตาแก่กันและกันได้

เพราะการสั่นสะเทือนขันธ์ห้าเพื่อค้ำจุนดาวโลกนั้น

ถ้ามีแต่จิตหยาบหรือมีแต่จิตวิญญาณอย่างเดียวแล้ว

คุณจะไม่อาจผลิตพลังงานในแบบที่โลกต้องการได้

 

พลังงานจากจิตมนุษย์ในแบบที่โลกต้องการ

ที่ได้จากการหมุนธรรมจักรก็คือ #พลังงานสะอาด

 

ในที่นี้ “พลังงานสะอาด” เราหมายถึง

 

4.1 เป็นพลังงานที่ #ไม่มีผู้สร้างเป็นเจ้าของ

แปลว่าทำบุญหรือทำดีแล้วไม่ร้องขอสิ่งตอบแทน

 

4.2 เป็นพลังงานที่ #ผู้สร้างไม่อุทิศให้ใครอื่น

แปลว่าทำบุญหรือทำดีแล้วไม่เจาะจงว่าทำให้ใคร

แต่เป็นการทำเพื่อ “โลก” อันหมายถึงเพื่อใครก็ได้

พลังงานบุญกุศลที่เกิดขึ้นต้องเหมือนก๊าซออกซิเจน

ที่ใครๆก็สามารถนำไปใช้หายใจได้เพราะไร้เจ้าของ

 

4.3 เป็นพลังงานด้านบวกหรือที่เป็นด้านดีเท่านั้น

เช่น ลักขโมยของคนรวยเพื่อเอามาช่วยคนยากจน

พลังงานจิตที่เกิดขึ้นจากขันธ์ห้านี้มิใช่พลังงานบวก

หรือซื้อหวยใต้ดินแล้วถูกหวยรวยเงินทอง

จึงเอาเงินที่ได้จากการเสี่ยงโชคนั้นมาทำบุญ

พลังบุญที่เกิดขึ้นจากขันธ์ห้านี้ก็มิใช่พลังงานบวก

 

พวกคุณไม่จำเป็นต้องอุทิศส่วนบุญกุศลที่ทำ

ให้แก่จิตวิญญาณพ่อแม่พี่น้องบุตรหลานของคุณก็ได้

เพราะว่าจิตวิญญาณพวกคุณทุกคนที่เกี่ยวกรรมกันมา

มีความคล้ายคลึงกันทางด้านบุคลิกกันอยู่แล้ว

แปลว่าเมิร์คขะบาห์ของพวกคุณมีความถี่ใกล้เคียงกัน

เมื่อใครคนใดคนหนึ่งสั่นสะเทือนทางจิตวิญญาณขึ้นมา

ไม่ว่าจะเป็นด้านบวกหรือด้านลบก็ตามแต่

จิตวิญญาณของคนเหล่านั้นจะสั่นสะเทือนตามเสมอ

 

แปลว่าพ่อแม่ลูกพี่ๆน้องๆในครอบครัวเดียวกัน

จิตวิญญาณพวกคุณจะสามารถรับรู้ถึงกันตลอด

ใครทำดีหรือทำบุญคนอื่นๆก็จะได้รับผลกรรมดีนั้นด้วย

ใครทำชั่วหรือทำบาปคนอื่นๆก็จะรับผลกรรมชั่วนั้นด้วย

พวกคุณไม่ต้องทำตามคนนำทางตาบอดที่ถูกมารหลอก

ให้ร้องขอส่วนบุญหรือให้อุทิศส่วนบุญให้กันและกันก็ได้

เพราะการทำบุญหรือทำดีแล้วมีการอุทิศหรือร้องขอ

มันจะทำให้พลังงานนั้นกลายเป็นพลังงานที่ไม่สะอาด

โลกและสรรพสัตว์ทั้งหลายที่คุณมิได้ระบุหรือเจาะจงไว้

ก็จะนำเอาพลังงานที่คุณผลิตออกมาไปใช้ประโยชน์ได้

น่าเสียดายไหมที่มันจะกลายเป็นพลังงานขยะที่รกโลก

อันเกิดจากความไม่รู้และความงมง่ายของพวกคุณเอง

 

5.เพราะจิตวิญญาณพวกคุณเมื่อครบกำหนด

ในการทำหน้าที่ประจำโลกนาน 6 หมื่นปีจนสิ้นยุคแล้ว

พวกคุณทุกคนก็จะต้อง “กลับบ้าน” หรือกลับสู่มาตุภูมิ

เนื่องจากดาวโลกเสรีนี้มิใช่บ้านเกิดเมืองนอนของคุณ

โอกาสที่จิตวิญญาณจะหลงมิตินั้นยังเป็นไปได้สูงอยู่

 

เมื่อใดที่จิตหยาบสั่นสะเทือน “จิตสามนึก”

จะยังผลให้จิตวิญญาณสั่นสะเทือน “จิตใต้สำนึก” ตาม

ถ้าจิตหยาบสั่นสะเทือน “จิตไร้สำนึก” ด้วยกิเลสบ่อยๆ

การเสียสมดุลเพราะหลงมิตินั้นจะส่งผลถึงแก่นแท้ด้วย

พระองค์จึงต้องกำหนดสร้าง “นรก” และกฎแห่งกรรมขึ้น

โดยสิ่งมีชีวิตลักษณะคล้ายมนุษย์บนดาวอื่นเขาไม่มี

เนื่องจากจิตวิญญาณของพวกเขาทั้งหลายบนดาวอื่น

มิได้ถือพันธะสัญญา 6 ว่าหมดหน้าที่แล้วต้องกลับบ้าน

ถ้าจิตวิญญาณเสียสมดุลไปจากเดิมก็กลับบ้านไม่ได้

 

ทั้งหมดนี้เป็นความจริงที่พวกคุณไม่รู้ว่าต้องรู้

ถ้าไม่รู้ก็เป็นมนุษย์แห่งดาวโลกเสรีไม่ได้

 

กราบพระบาทพระบิดาที่ทรงเมตตา

 

เอเมน สาธุ

#ปัญญาวิสุทธิ์

4/03/2567