#คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล
พี่ๆน้อง
ๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ความจริงแล้วพวกคุณใช้พลังจิตใต้สำนึกตลอดวัน
แต่เป็นการใช้ผ่านจิตสามนึกในระบบอัตโนมัติ
โดยขณะที่จิตใต้สำนึกกำลังสั่นสะเทือนเกิดอยู่นั้น
จักระทั้งเจ็ดที่ตั้งเรียงกันอยู่ในแนวดิ่งในตัวคุณ
มันก็จะเกิดการเหวี่ยงหมุนและสั่นสะเทือนต่อเนื่อง
เริ่มต้นจากจักระที่หนึ่งซึ่งมีพิกัดที่ตั้งอยู่ตรงก้นกบ
เป็นผู้เริ่มต้นสั่นสะเทือนเคลื่อนไหวก่อนเสมอ
เมื่อจักระที่หนึ่งสั่นสะเทือนเคลื่อนหมุนต่อเนื่อง
ยังผลให้จักระที่สองซึ่งมีพิกัดที่ตั้งถัดขึ้นมาข้างบน
เกิดการสั่นสะเทือนเคลื่อนหมุนต่อเนื่องตามไปด้วย
การสั่นสะเทือนเคลื่อนหมุนของจักระที่สามถึงเจ็ด
ก็จะเป็นเงื่อนไขให้แก่กันและกันตามแบบที่ว่านี้
ในลักษณะเดียวกันกับการ
“กำธร” ของส้อมเสียง
เมื่อจักระที่เจ็ดซึ่งมีพิกัดที่ตั้งอยู่บนสุดบริเวณศีรษะ
มีการสั่นสะเทือนเคลื่อนหมุนด้วยความถี่สูงสุดแล้ว
จะยังผลให้จักระที่หนึ่งตรงก้นกบสั่นสะเทือนต่ออีก
จักระทั้งเจ็ดที่เหวี่ยงหมุนสัมพันธ์กันดั่งไซโคลนนี้
มีกระบวนการที่เกิดขึ้นเป็นแบบที่เรากล่าวมา
กลไกที่ทำให้เกิดจักระทั้งเจ็ดก็คือ
สิ่งที่เรียกว่า
#ต่อมไร้ท่อ ที่จัดวางอยู่ในแนวดิ่ง
จากก้นกบไล่ขึ้นไปจนถึงศีรษะของคุณนั่นแหละ
โดยต่อมไร้ท่อนี้จะสั่นสะเทือนไปตามสภาวะจิตคุณ
เช่น
ถ้าจิตหยาบคุณสั่นสะเทือนด้วยกิเลสตัณหา
ซึ่งเป็นคลื่นของจิตที่สั่นสะเทือนในย่านความถี่ต่ำ
จักระที่หนึ่งตรงพิกัดก้นกบก็จะก่อตัวขึ้นมาเสมอ
เพราะจิตหยาบจะสั่นสะเทือนย่านความถี่ต่ำก่อน
ต่อเมื่อจิตนั้นสั่นสะเทือนเป็นย่านความถี่สูงขึ้น
จักระที่อยู่สูงกว่าถัดขึ้นมาด้านบนก็จะเกิดขึ้นตามมา
ปกติในคนส่วนใหญ่โดยทั่วไป
ที่สภาวะจิตยังไม่เคยได้รับการชำระกิเลสตัณหา
แม้ว่าจักระทั้งเจ็ดจะปรากฏเกิดขึ้นหรือว่ามีอยู่ได้
โดยจักระจะสามารถวิ่งขึ้นวิ่งลงไปตามนั้นได้ตลอด
แต่จักระที่เจ็ดบนชั้นยอดสุดนั้นจะเกิดอาการสดุด
ไม่สามารถสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่องกับจักระที่หนึ่ง
ในลักษณะการ
“วนลูป” เพื่อวกกลับเชื่อมต่อกันได้
เมื่อใดที่จิตหยาบของคุณตรง
#ต่อมไพเนียล
สามารถยกระดับแรงสั่นสะเทือนด้านบวกได้สูงขึ้น
จนทำให้
#ต่อมพิทูอิทารี สั่นสะเทือนตามได้แล้ว
จักระทั้งเจ็ดก็จะสั่นสะเทือนและหมุนเวียนขึ้นๆลงๆ
ตามทิศทางในแนวดิ่งได้อย่างต่อเนื่องและลงตัว
เมื่อนั้นจิตหยาบกับจิตวิญญาณผู้เป็นตัวตนแก่นแท้
ก็เข้าถึงซึ่งการเป็นหนึ่งเดียวกันได้เรียบร้อยแล้ว
จึงจะเป็นคนที่สมบูรณ์และเป็นมนุษย์ที่สมดุลได้
แน่นอนว่าการจะสร้างปรากฏการณ์ดังกล่าวนี้ได้นั้น
คุณจะต้องกระทำผ่านการสั่นสะเทือนจิตสามนึก
ด้วยจิตที่รู้สำนึกจากจิตปัญญาที่มิใช่กิเลสตัณหา
ซึ่งสั่นสะเทือนอยู่ในย่านความถี่ต่ำหรือ
“กรรมจักร”
โดยคุณต้องหมุน
“ธรรมจักร” ตลอดทั้งวันให้จงได้
ถ้าคุณเข้าถึงการเป็นหนึ่งเดียวกัน
ของจิตหยาบกับจิตวิญญาณแก่นแท้ของตนได้
หรือหมุนธรรมจักรในตนเองจนเป็นธรรมชาติได้แล้ว
คุณจะมีพลังทางจิตวิญญาณสูงมากกว่าคนทั่วไป
พลังอำนาจทางจิตของจิตหยาบจะสูงเป็นเท่าตัว
เซลล์อวัยวะร่างกายในระดับยีนส์หรือดีเอ็นเอ
จะสั่นสะเทือนด้วยคลื่นความถี่สูงมากกว่าคนปกติ
กระบวนการเม็ตตาบอลิซั่มในระดับเซลล์จะตื่นตัว
คุณจะมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ไม่เจ็บป่วย
คุณจะเป็นหนุ่มยาวเป็นสาวนานคืออายุขัยยืนยาว
จนมีชีวิตอมตะเพราะจิตวิญญาณไม่ต้องตายก็ได้
ซึ่งเป็นไปตามที่พระเจ้าทรงออกแบบไว้ให้นั่นเอง
ที่เป็นอมตะโดยไม่ต้องตายก็เป็นเพราะเหตุว่า
คุณหมุนธรรมจักรด้วยความรักเป็นผลสำเร็จได้
จนสามารถอยู่เหนือกฎแห่งกรรมได้อย่างสิ้นเชิง
เมื่อคุณเอาชนะกฎแห่งกรรมโดยไม่ทำผิดบาปได้
คุณจึงไม่มีหน้าที่จะต้องเซ็ทซีโร่
(Set
Zero)
ด้วยการตายแล้วจิตวิญญาณต้องไปลงนรกอีก
เพื่อชำระจิตวิญญาณที่ป่วยด้วยหลงมิติให้หาย
เพราะคุณมิได้ป่วยไม่ต้องการรับบำบัดอีกแล้ว
การ
“เซ็ทซีโร่” ของจิตวิญญาณก็คือ
การตายเพื่อขอโอกาสกลับมาเกิดบนโลกนี้ใหม่
จะได้แบ่งภาคตนเองออกมาเป็นจิตหยาบกลุ่มใหม่
แทนจิตหยาบกลุ่มเดิมที่ทำให้จิตวิญญาณป่วยหนัก
จนต้องถูกส่งไปลงนรกในอดีตชาติที่ผ่านมานั้น
เพื่อใช้จิตหยาบกลุ่มใหม่ในภพชาติใหม่แทนได้
โดยกลับมาตั้งต้นที่มิติที่ศูนย์ถึงมิติที่สี่กันใหม่
ถ้าเซลล์อวัยวะร่างกายคุณหยุดความชราเอาไว้ได้
เพราะหมุนธรรมจักรจนเป็นผลสำเร็จได้จริงแท้แล้ว
จิตวิญญาณของคุณก็จะไม่มีหน้าที่ต้องตายอีก
เนื่องจากไม่มีกฎแห่งกรรมให้ต้องรับผิดชอบแก้ไข
จะได้ทำหน้าที่เป็นเพื่อนร่วมงานกับโลกอยู่ตลอด
โดยไม่ละทิ้งโลกไปเกิดใหม่ที่ไหนกันอีกแล้ว
เมื่อคุณมีเมตตาธรรมค้ำจุนสมดุลโลกร่วมกันได้
เรื่องค้ำจุนอายุขัยของสังขารร่างกายให้สมดุลอยู่
โดยไม่ต้องตายตราบนานนับหมื่นๆปีที่กำหนดไว้
จึงเป็นเรื่องง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปากกินเสียอีก
เพราะคุณมีพลังทางจิตวิญญาณเต็มเปี่ยมอยู่
จนสามารถค้ำจุนตนเองค้ำจุนโลกและเอกภพได้
หมดหน้าที่เมื่อไหร่จิตวิญญาณคุณต้องกลับบ้าน
ก็จะสามารถหลุดพ้นออกไปจากเอกภพได้ไม่ยาก
เพราะมีพลังมากพอที่จะดีดตนเองหนีแรงดึงดูด
ผ่านออกไปทางประตูมิติคือ
“ด่านนภาลัย” ได้เลย
จงอย่าหาทำด้วยการอุตริสั่งใช้จิตใต้สำนึก
แทนที่จะเรียนรู้ในการใช้จิตสามนึกโดยเด็ดขาด
เพราะมันจะทำให้จิตวิญญาณคุณเองต้องเดือดร้อน!
กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา
เอเมน
สาธุ
28/03/2567