20 มีนาคม 2567

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 20/03/2567

#คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล

 

พี่ๆน้อง ๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

 

ถ้าคุณปรารถนาจะเป็นคนชอบธรรมที่แท้จริง

คุณจะต้องรู้ความจริงในสิ่งต่างๆดังต่อไปนี้ คือ

 

1.#จะต้องรู้ว่าคุณเป็นใครมีหน้าที่ทำอะไร

คำตอบคือคุณเป็น “กล่องพลังงาน” ที่สมดุลในตนเอง

ซึ่งเดินทางข้ามมิติเข้ามาปฏิบัติภารกิจอยู่ในเอกภพ

เพื่อเข้ามาทำหน้าที่สำคัญประจำกันอยู่ในระบบโลก

โดยเอกภพเป็นสนามพลังงานที่กว้างใหญ่ไพศาลมาก

ซึ่งพระเจ้าทรงสร้างขึ้นให้เป็นห้องทดลองของท่าน

เพื่อเรียนรู้ว่าพระองค์จะสามารถทำอะไรได้บ้าง

 

แต่เนื่องจากภารกิจสำคัญที่ว่านี้จะทำคนเดียวไม่ได้

ทุกรูปธรรมจักต้องร่วมด้วยช่วยกันตั้งแต่สามคนขึ้นไป

พวกคุณจึงถูกออกแบบให้เข้ามาเกิดเป็น #สัตว์สังคม

ให้ร่วมพลังกันใช้เมตตาธรรมค้ำจุนสมดุลโลกเอาไว้

ด้วยอำนาจแห่ง #การรักเพื่อให้ ขณะใช้ชีวิตบนโลกนี้

พวกคุณจึงเป็นกล่องพลังงานที่ต้องจับมือกันมาเกิด

อย่างน้อย 3 รูปธรรมหรือสามกล่องในแบบพ่อแม่ลูก

แล้วถือบทละครที่ออกแบบกันมาใช้แสดงร่วมกันด้วย

 

กล่องพลังงานนี้ก็คือ “จิตวิญญาณ” หรือ #พระจิต

ที่เป็นรูปธรรมทางพลังงานเฉพาะตน 6 เหลี่ยมมุม

ซึ่งแบ่งภาคจากจิตจักรวาลดวงเล็กคือ #พระบุตร

ที่เป็นรูปธรรมทางพลังงานเฉพาะตน 11 เหลี่ยมมุม

พระบุตรกับพระจิตนั้นเดิมทีอยู่ที่เดียวกันกับพระบิดา

โดยสถานที่ดำรงอยู่คือนอกเอกภพที่ทรงสร้างไว้นี้

ตั้งแต่อดีตกาลนานมาตราบจนกระทั่งปัจจุบันนี้นั้น

ถูกเรียกขานว่า “พระนิเวศน์ของพระเจ้า” นั่นเอง

 

จิตจักรวาลดวงเล็กหรือพระบุตรรูปธรรมใดก็ตาม

ที่ได้รับพระอนุญาตให้เข้ามาทำหน้าที่ในเอกภพ

จะต้องแบ่งภาคตนเองออกมาเป็นจิตวิญญาณก่อน

เพื่อเป็นตัวแทนของ “พระบุตร” เรียกว่า “พระจิต”

เมื่อทำหน้าที่จนสิ้นภารกิจแล้วค่อยกลับพระนิเวศน์

โดยกลับไปรวมตัวกันกับพระบุตรที่รอคอยอยู่

เพื่อกลับคืนสู่การเป็นรูปธรรมที่สมดุลตามเดิมต่อไป

 

2.#ต้องรู้ว่าคุณจะต้องทำอะไรกันบ้าง

นัยความหมายในข้อนี้เป็นอนุตรธรรมที่สำคัญเช่นกัน

ถ้าคุณไม่รู้ความจริงคุณก็จะเสียชาติเกิดไปตลอด

เพราะคุณจะไม่อาจปฏิบัติภารกิจสนองพระบิดาได้

ตามสัจจะที่ให้กับพระองค์ไว้ก่อนมาเกิดในชาติแรก

 

เรื่องจริงที่เป็นสิ่งสำคัญอีกเรื่องหนึ่งที่พวกคุณต้องรู้

ซึ่งชาวโลกทั้งหลายไม่เคยมีใครได้รู้กันมาก่อนเลย

นั่นคือเมื่อจิตวิญญาณคุณได้รับโอกาสให้เข้ามาเกิด

พระบุตรหรือจิตจักรวาลดวงเล็กของพวกคุณนั้น

จะถูกกักบริเวณด้วยการถูกยึดรั้งไว้ใน “วิหารสีขาว”

โดยวิหารสีขาวดังกล่าวจะตั้งอยู่บริเวณ “ด่านนภาลัย”

ซึ่งเป็นประตูมิติที่ใช้เข้าออกเอกภพของประดาฝูงแกะ

ผู้อาสาพระบิดาเข้ามาเป็นผู้ทำการทดลองกันอยู่ในนี้

 

พระบุตรหรือจิตจักรวาลดวงเล็ก

จะต้องถูกยึดรั้งเอาไว้ตรงวิหารสีขาวที่ด่านนภาลัยนี้

รั้งรอจนกว่าพระจิตก็คือจิตวิญญาณของตนเสร็จภารกิจ

จนเดินทางกลับออกไปจากระบบโลกเพื่อกลับบ้าน

แล้วแวะไปที่นั่นอีกครั้งเพื่อรวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียว

พระบุตรกับพระจิตจึงจะเดินทางกลับไปกราบพระบิดา

เพื่อกราบทูลถวายรายงานทุกอย่างต่อพระองค์ได้

 

3.#ต้องรู้ว่าคุณจะต้องเผชิญกับสิ่งใดบ้าง

 

เรื่องจริงที่เป็นสิ่งสำคัญอีกเรื่องหนึ่งที่พวกคุณก็ต้องรู้

ซึ่งชาวโลกทั้งหลายไม่เคยมีใครรู้กันมาก่อนอีกเช่นกัน

นั่นคือเมื่อจิตวิญญาณคุณเข้าปฏิสนธิในครรภ์แม่

พระจิตจะต้องแบ่งภาคตนเองออกมาเป็น “จิตหยาบ”

เพื่อทำหน้าที่แทนจิตวิญญาณขณะเกิดเป็นมนุษย์

จิตหยาบจะเป็น “กลุ่มพลังงาน 189 กลุ่ม” มิใช่กล่อง

เพราะเป็นกลุ่มพลังงานที่ยังไม่สมดุลอยู่ในตนเอง

เป็นกลุ่มพลังงานชนิดเดียวกันกับที่มีอยู่ในต้นไม้

กลุ่มพลังงานนี้พระพุทธองค์ทรงเรียกว่า #วิญญาณ

จิตวิญญาณกับวิญญาณจึงเป็นคนละอย่างกัน

จงอย่าได้มีความเข้าใจสับสนกันอยู่อีกต่อไปเลย

 

ขณะจิตวิญญาณคือตัวคุณแบ่งภาคออกมาครั้งแรก

พลังงานที่ถูกแบ่งภาคออกมาจะยังคงเป็นอนัตตาอยู่

ซึ่งองค์จิตจักรวาลจะถือว่ายังอยู่ในมิติที่ “ศูนย์”

ต่างดาวเรียกว่าเป็นรูปธรรมที่มี 0D (ศูนย์ไดเม็นชั่น)

แปลว่าพลังงานแรกเริ่มเป็นแค่จุดๆหนึ่งเท่านั้นเอง

เมื่อมองในมุมมายาในมิติแห่งเนื้อหนังของพวกคุณ

จะตรงกับคำว่าเป็น “เลือดหยดเดียว” ที่เป็นหยดเล็กๆ

 

ผู้ที่เป็นพ่อกับแม่และจิตวิญญาณของผู้มาเกิด

จะต้องร่วมกันหมุนธรรมจักรด้วยรักเพื่อให้อันบริสุทธิ์

กระตุ้นให้หยดพลังงานในมิติที่ศูนย์ซึ่งเป็นอนัตตานี้

เกิดการสั่นสะเทือนขึ้นมาทางด้านบวกให้จงได้

เพราะแรงสั่นสะเทือนจะทำให้พลังงานที่เป็นอนัตตา

เปลี่ยนสภาวะเป็นมี “อัตตา” เกิดเป็นรูปธรรมขึ้นมาได้

รูปธรรมจิตหยาบที่จะเกิดขึ้นจากกระบวนการนี้ก็คือ

จากจิตหยาบที่เป็นพลังงานในมิติที่ศูนย์ในวันแรก

จะเกิดเป็นรูปธรรมทางพลังงานที่มีเหลี่ยมมุมขึ้นมา

โดยเริ่มจากศูนย์เป็น 1 เป็น 2 และเป็น 3 เหลี่ยมมุม

เมื่อจิตหยาบเริ่มมีสามเหลี่ยมมุมก็จะสมดุลได้

จากเลือดหยดเดียวจึงเกิดเป็นมายาของทารกขึ้นมา

จนได้เวลาคลอดเป็นตัวตนเมื่อครบเก้าเดือนแล้ว

 

ทารกที่คลอดได้จิตหยาบต้องมีอย่างน้อย 3 มิติ

เพื่อให้กายหยาบหรือเนื้อหนังสมบูรณ์และสมดุลพอ

คือมีความกว้างหนึ่งความหยาวหนึ่งความหนาอีกหนึ่ง

รวมเป็นสามมิติครบถ้วนสมบูรณ์แล้วนั่นแหละคุณ

 

ในขณะนั้นจิตหยาบของทารกน้อยที่อยู่ในครรภ์

จะทำหน้าที่แทนจิตวิญญาณแก่นแท้ของตน

ตั้งแต่ก่อนคลอดและหลังคลอดออกมาแล้ว

โดยจิตวิญญาณตัวตนที่แท้จริงของผู้อาสามาเกิด

จะถูกยึดรั้งเอาไว้ตรงต่อมไร้ท่อนามว่า #พิทูอิทารี่

จิตวิญญาณของคุณจะถูกยึดรั้งเอาไว้ที่นี่อยู่ตรงนี้

ตลอดเวลาที่คุณยังมีชีวิตเป็น “คนสองมิติ” อยู่

ยังยกระดับมิติของจิตหยาบให้เข้าถึงมิติที่ 6

ซึ่งเป็นมิติเดียวกันกับจิตวิญญาณของตนเองได้

 

ลักษณะของการที่จิตวิญญาณคือตัวตนแก่นแท้

ถูกยึดรั้งไว้ตรงต่อมใต้สมองขณะเกิดเป็นมนุษย์นี้

ก็ไม่ต่างจากการที่พระบุตรคือจิตจักรวาลดวงเล็ก

เมื่อแบ่งภาคเป็นจิตวิญญาณเพื่อเข้ามาเกิดบนโลก

ก็จะถูกยึดรั้งไว้ที่วิหารสีขาวตรงด่านนภาลัยนั่นเอง

 

ดังนั้น

จิตวิญญาณคุณจะเป็นอิสระได้มีแค่สองสถานคือ

 

1.เมื่อจิตหยาบเป็นหนึ่งเดียวกับจิตวิญญาณได้

ขณะที่คุณยังมีชีวิตหรือมีภพชาติเป็นมนุษย์อยู่

แปลว่าจิตหยาบนั้นนิพพานกิเลสได้หมดสิ้นแล้ว

จิตวิญญาณของคุณไม่มีหน้าที่จะต้องตายอีกแล้ว

เพราะบรรลุเป้าหมายสูงสุดของจิตวิญญาณได้

ด้วยการหมั่นหมุนธรรมจักรในชีวิตประจำวันนั่นเอง

 

2.จิตวิญญาณของคุณต้องตายไปจากภพชาตินั้น

เพราะจบสิ้นอายุขัยหรือสิ้นบุญสิ้นกรรมกันไปแล้ว

จิตวิญญาณจึงจะดีดตนเองออกมาจากที่ยึดรั้งได้

เนื่องจากล้มเหลวในภารกิจของจิตวิญญาณ

เพราะไม่สามารถหมุนธรรมจักรกับคนรอบข้างได้

จิตหยาบจึงเข้าถึงมิติที่ 6 ไม่ได้ตามที่คุณต้องทำ

เพราะนิพพานกิเลสไม่สำเร็จนั่นแหละ

 

กราบพระบาทพระบิดาที่ทรงเมตตา

 

เอเมน สาธุ

#ปัญญาวิสุทธิ์

20/03/2567