#คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล
พี่ๆน้อง
ๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ถ้าคุณปรารถนาจะเป็นคนชอบธรรมที่แท้จริง
คุณจะต้องรู้ความจริงในสิ่งต่างๆดังต่อไปนี้
คือ
1.#จะต้องรู้ว่าคุณเป็นใครมีหน้าที่ทำอะไร
คำตอบคือคุณเป็น
“กล่องพลังงาน” ที่สมดุลในตนเอง
ซึ่งเดินทางข้ามมิติเข้ามาปฏิบัติภารกิจอยู่ในเอกภพ
เพื่อเข้ามาทำหน้าที่สำคัญประจำกันอยู่ในระบบโลก
โดยเอกภพเป็นสนามพลังงานที่กว้างใหญ่ไพศาลมาก
ซึ่งพระเจ้าทรงสร้างขึ้นให้เป็นห้องทดลองของท่าน
เพื่อเรียนรู้ว่าพระองค์จะสามารถทำอะไรได้บ้าง
แต่เนื่องจากภารกิจสำคัญที่ว่านี้จะทำคนเดียวไม่ได้
ทุกรูปธรรมจักต้องร่วมด้วยช่วยกันตั้งแต่สามคนขึ้นไป
พวกคุณจึงถูกออกแบบให้เข้ามาเกิดเป็น
#สัตว์สังคม
ให้ร่วมพลังกันใช้เมตตาธรรมค้ำจุนสมดุลโลกเอาไว้
ด้วยอำนาจแห่ง
#การรักเพื่อให้ ขณะใช้ชีวิตบนโลกนี้
พวกคุณจึงเป็นกล่องพลังงานที่ต้องจับมือกันมาเกิด
อย่างน้อย
3 รูปธรรมหรือสามกล่องในแบบพ่อแม่ลูก
แล้วถือบทละครที่ออกแบบกันมาใช้แสดงร่วมกันด้วย
กล่องพลังงานนี้ก็คือ
“จิตวิญญาณ” หรือ #พระจิต
ที่เป็นรูปธรรมทางพลังงานเฉพาะตน
6 เหลี่ยมมุม
ซึ่งแบ่งภาคจากจิตจักรวาลดวงเล็กคือ
#พระบุตร
ที่เป็นรูปธรรมทางพลังงานเฉพาะตน
11
เหลี่ยมมุม
พระบุตรกับพระจิตนั้นเดิมทีอยู่ที่เดียวกันกับพระบิดา
โดยสถานที่ดำรงอยู่คือนอกเอกภพที่ทรงสร้างไว้นี้
ตั้งแต่อดีตกาลนานมาตราบจนกระทั่งปัจจุบันนี้นั้น
ถูกเรียกขานว่า
“พระนิเวศน์ของพระเจ้า” นั่นเอง
จิตจักรวาลดวงเล็กหรือพระบุตรรูปธรรมใดก็ตาม
ที่ได้รับพระอนุญาตให้เข้ามาทำหน้าที่ในเอกภพ
จะต้องแบ่งภาคตนเองออกมาเป็นจิตวิญญาณก่อน
เพื่อเป็นตัวแทนของ
“พระบุตร” เรียกว่า “พระจิต”
เมื่อทำหน้าที่จนสิ้นภารกิจแล้วค่อยกลับพระนิเวศน์
โดยกลับไปรวมตัวกันกับพระบุตรที่รอคอยอยู่
เพื่อกลับคืนสู่การเป็นรูปธรรมที่สมดุลตามเดิมต่อไป
2.#ต้องรู้ว่าคุณจะต้องทำอะไรกันบ้าง
นัยความหมายในข้อนี้เป็นอนุตรธรรมที่สำคัญเช่นกัน
ถ้าคุณไม่รู้ความจริงคุณก็จะเสียชาติเกิดไปตลอด
เพราะคุณจะไม่อาจปฏิบัติภารกิจสนองพระบิดาได้
ตามสัจจะที่ให้กับพระองค์ไว้ก่อนมาเกิดในชาติแรก
เรื่องจริงที่เป็นสิ่งสำคัญอีกเรื่องหนึ่งที่พวกคุณต้องรู้
ซึ่งชาวโลกทั้งหลายไม่เคยมีใครได้รู้กันมาก่อนเลย
นั่นคือเมื่อจิตวิญญาณคุณได้รับโอกาสให้เข้ามาเกิด
พระบุตรหรือจิตจักรวาลดวงเล็กของพวกคุณนั้น
จะถูกกักบริเวณด้วยการถูกยึดรั้งไว้ใน
“วิหารสีขาว”
โดยวิหารสีขาวดังกล่าวจะตั้งอยู่บริเวณ
“ด่านนภาลัย”
ซึ่งเป็นประตูมิติที่ใช้เข้าออกเอกภพของประดาฝูงแกะ
ผู้อาสาพระบิดาเข้ามาเป็นผู้ทำการทดลองกันอยู่ในนี้
พระบุตรหรือจิตจักรวาลดวงเล็ก
จะต้องถูกยึดรั้งเอาไว้ตรงวิหารสีขาวที่ด่านนภาลัยนี้
รั้งรอจนกว่าพระจิตก็คือจิตวิญญาณของตนเสร็จภารกิจ
จนเดินทางกลับออกไปจากระบบโลกเพื่อกลับบ้าน
แล้วแวะไปที่นั่นอีกครั้งเพื่อรวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียว
พระบุตรกับพระจิตจึงจะเดินทางกลับไปกราบพระบิดา
เพื่อกราบทูลถวายรายงานทุกอย่างต่อพระองค์ได้
3.#ต้องรู้ว่าคุณจะต้องเผชิญกับสิ่งใดบ้าง
เรื่องจริงที่เป็นสิ่งสำคัญอีกเรื่องหนึ่งที่พวกคุณก็ต้องรู้
ซึ่งชาวโลกทั้งหลายไม่เคยมีใครรู้กันมาก่อนอีกเช่นกัน
นั่นคือเมื่อจิตวิญญาณคุณเข้าปฏิสนธิในครรภ์แม่
พระจิตจะต้องแบ่งภาคตนเองออกมาเป็น
“จิตหยาบ”
เพื่อทำหน้าที่แทนจิตวิญญาณขณะเกิดเป็นมนุษย์
จิตหยาบจะเป็น
“กลุ่มพลังงาน 189
กลุ่ม” มิใช่กล่อง
เพราะเป็นกลุ่มพลังงานที่ยังไม่สมดุลอยู่ในตนเอง
เป็นกลุ่มพลังงานชนิดเดียวกันกับที่มีอยู่ในต้นไม้
กลุ่มพลังงานนี้พระพุทธองค์ทรงเรียกว่า
#วิญญาณ
จิตวิญญาณกับวิญญาณจึงเป็นคนละอย่างกัน
จงอย่าได้มีความเข้าใจสับสนกันอยู่อีกต่อไปเลย
ขณะจิตวิญญาณคือตัวคุณแบ่งภาคออกมาครั้งแรก
พลังงานที่ถูกแบ่งภาคออกมาจะยังคงเป็นอนัตตาอยู่
ซึ่งองค์จิตจักรวาลจะถือว่ายังอยู่ในมิติที่
“ศูนย์”
ต่างดาวเรียกว่าเป็นรูปธรรมที่มี
0D
(ศูนย์ไดเม็นชั่น)
แปลว่าพลังงานแรกเริ่มเป็นแค่จุดๆหนึ่งเท่านั้นเอง
เมื่อมองในมุมมายาในมิติแห่งเนื้อหนังของพวกคุณ
จะตรงกับคำว่าเป็น
“เลือดหยดเดียว” ที่เป็นหยดเล็กๆ
ผู้ที่เป็นพ่อกับแม่และจิตวิญญาณของผู้มาเกิด
จะต้องร่วมกันหมุนธรรมจักรด้วยรักเพื่อให้อันบริสุทธิ์
กระตุ้นให้หยดพลังงานในมิติที่ศูนย์ซึ่งเป็นอนัตตานี้
เกิดการสั่นสะเทือนขึ้นมาทางด้านบวกให้จงได้
เพราะแรงสั่นสะเทือนจะทำให้พลังงานที่เป็นอนัตตา
เปลี่ยนสภาวะเป็นมี
“อัตตา” เกิดเป็นรูปธรรมขึ้นมาได้
รูปธรรมจิตหยาบที่จะเกิดขึ้นจากกระบวนการนี้ก็คือ
จากจิตหยาบที่เป็นพลังงานในมิติที่ศูนย์ในวันแรก
จะเกิดเป็นรูปธรรมทางพลังงานที่มีเหลี่ยมมุมขึ้นมา
โดยเริ่มจากศูนย์เป็น
1 เป็น 2 และเป็น 3 เหลี่ยมมุม
เมื่อจิตหยาบเริ่มมีสามเหลี่ยมมุมก็จะสมดุลได้
จากเลือดหยดเดียวจึงเกิดเป็นมายาของทารกขึ้นมา
จนได้เวลาคลอดเป็นตัวตนเมื่อครบเก้าเดือนแล้ว
ทารกที่คลอดได้จิตหยาบต้องมีอย่างน้อย
3 มิติ
เพื่อให้กายหยาบหรือเนื้อหนังสมบูรณ์และสมดุลพอ
คือมีความกว้างหนึ่งความหยาวหนึ่งความหนาอีกหนึ่ง
รวมเป็นสามมิติครบถ้วนสมบูรณ์แล้วนั่นแหละคุณ
ในขณะนั้นจิตหยาบของทารกน้อยที่อยู่ในครรภ์
จะทำหน้าที่แทนจิตวิญญาณแก่นแท้ของตน
ตั้งแต่ก่อนคลอดและหลังคลอดออกมาแล้ว
โดยจิตวิญญาณตัวตนที่แท้จริงของผู้อาสามาเกิด
จะถูกยึดรั้งเอาไว้ตรงต่อมไร้ท่อนามว่า
#พิทูอิทารี่
จิตวิญญาณของคุณจะถูกยึดรั้งเอาไว้ที่นี่อยู่ตรงนี้
ตลอดเวลาที่คุณยังมีชีวิตเป็น
“คนสองมิติ” อยู่
ยังยกระดับมิติของจิตหยาบให้เข้าถึงมิติที่
6
ซึ่งเป็นมิติเดียวกันกับจิตวิญญาณของตนเองได้
ลักษณะของการที่จิตวิญญาณคือตัวตนแก่นแท้
ถูกยึดรั้งไว้ตรงต่อมใต้สมองขณะเกิดเป็นมนุษย์นี้
ก็ไม่ต่างจากการที่พระบุตรคือจิตจักรวาลดวงเล็ก
เมื่อแบ่งภาคเป็นจิตวิญญาณเพื่อเข้ามาเกิดบนโลก
ก็จะถูกยึดรั้งไว้ที่วิหารสีขาวตรงด่านนภาลัยนั่นเอง
ดังนั้น
จิตวิญญาณคุณจะเป็นอิสระได้มีแค่สองสถานคือ
1.เมื่อจิตหยาบเป็นหนึ่งเดียวกับจิตวิญญาณได้
ขณะที่คุณยังมีชีวิตหรือมีภพชาติเป็นมนุษย์อยู่
แปลว่าจิตหยาบนั้นนิพพานกิเลสได้หมดสิ้นแล้ว
จิตวิญญาณของคุณไม่มีหน้าที่จะต้องตายอีกแล้ว
เพราะบรรลุเป้าหมายสูงสุดของจิตวิญญาณได้
ด้วยการหมั่นหมุนธรรมจักรในชีวิตประจำวันนั่นเอง
2.จิตวิญญาณของคุณต้องตายไปจากภพชาตินั้น
เพราะจบสิ้นอายุขัยหรือสิ้นบุญสิ้นกรรมกันไปแล้ว
จิตวิญญาณจึงจะดีดตนเองออกมาจากที่ยึดรั้งได้
เนื่องจากล้มเหลวในภารกิจของจิตวิญญาณ
เพราะไม่สามารถหมุนธรรมจักรกับคนรอบข้างได้
จิตหยาบจึงเข้าถึงมิติที่
6 ไม่ได้ตามที่คุณต้องทำ
เพราะนิพพานกิเลสไม่สำเร็จนั่นแหละ
กราบพระบาทพระบิดาที่ทรงเมตตา
เอเมน
สาธุ
20/03/2567