#คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล
พี่ๆน้อง
ๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
จิตวิญญาณพวกคุณอาสามาเกิดเป็นมนุษย์
แต่เพราะจิตวิญญาณคุณมอบอำนาจให้จิตหยาบ
ทำหน้าที่แทนตั้งแต่แรกปฏิสนธิในครรภ์มารดา
โดยจิตหยาบมีมิติที่ศูนย์คือไม่มีอัตตารูปลักษณ์
ซึ่งพ่อแม่และจิตวิญญาณแก่นแท้ของคุณเอง
ต้องร่วมด้วยช่วยกันฟูมฟักจิตหยาบจากมิติที่ศูนย์
ให้มีความเจริญก้าวหน้าหรือเติบโตขึ้นมาเรื่อยๆ
ด้วยความรักเพื่อให้อันเป็นรักที่สะอาดบริสุทธิ์
การเติบโตของจิตหยาบของคุณที่ในครรภ์
จะมีความสัมพันธ์กันในมิติคู่ขนานอย่างชัดเจน
โดยในมิติแห่งเนื้อหนังหรือมิติโลกทางกายภาพนั้น
อัตตาตัวตนจะพัฒนาเติบโตขึ้นจากเลือดหยดเดียว
จนค่อยๆกลายเป็นตัวอ่อนหรือเป็นทารกน้อย
ซึ่งเป็นมายาของจิตหยาบของทารกน้อยคือตัวคุณ
ที่ถูกฟูมฟักเหมือนแม่ไก่ฟักไข่ให้คุณได้เห็นกัน
โดยที่จิตหยาบของคุณจะค่อยๆพัฒนาจากศูนย์
คือเริ่มจากกลุ่มพลังงานที่เป็นคลื่นความถี่
189
กลุ่ม
ยังมิได้เป็น
“กล่องพลังงาน” ที่สมดุลในตนเองแล้ว
ซึ่งจิตหยาบของคุณจะได้รับพลังกระตุ้นด้านบวก
ทั้งจากจิตวิญญาณผู้เป็นแก่นแท้คือตัวของคุณเอง
กับความรักบริสุทธิ์จากพ่อและแม่รวมสามรูปธรรม
จนเกิดเป็นพลังงานร่วมด้านบวกตามสมการ
Σβₓ
ที่เป็นสมการพลังงานทางช้างเผือกโดย
X เท่ากับ 3
สมการศักดิ์สิทธิ์นี้เกิดขึ้นได้เพราะพวกคุณรักกัน
ด้วยพลังอำนาจแห่งรักจากสมการทางช้างเผือก
ยังผลให้จิตหยาบของทารกน้อยผู้มาใหม่ในครรภ์แม่
ใช้เวลาฟูมฟักภายในไม่เกิน
9 เดือนตามเวลาโลก
ได้รับแรงสั่นสะเทือนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเรื่อยๆ
ยังผลให้คลื่นความถี่ทั้ง
189
กลุ่มที่เป็นตัวตั้งต้น
มีการจัดเรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบมากขึ้นเรื่อยๆ
จากการสั่นสะเทือนกลับไปกลับมาอยู่ภายในรกนั้น
ซึ่งมีลักษณะคล้ายสั่นสะเทือนกันอยู่ภายในวงกลม
โดยพลังงานที่ถูกกระตุ้นให้เกิดการสั่นสะเทือนนั้น
จะสะท้อนกลับไปกลับมาอยู่ภายในรกนั้นทั้งวันคืน
โดยทั้งสามรูปธรรมจะร่วมกันถักทอสายใยพลังงาน
ด้วยความรักเพื่อให้ที่เป็นรักบริสุทธิ์คือหมุนธรรมจักร
เหมือนกับการทอผ้าด้วยเส้นด้ายจนกลายเป็นผืนผ้า
ที่ช่างทอผ้าเขาถักทอกันนั่นแหละคุณ
ผลของการถักทอนานราวเก้าเดือนนี้
จิตหยาบของผู้มาใหม่คือทารกน้อยที่ในครรภ์นั้น
จะค่อยๆมีความสมดุลด้วยการมีเหลี่ยมมุมมากขึ้นได้
จากพลังงานในมิติที่ศูนย์ซึ่งยังไม่มีเหลี่ยมมุมอะไร
ก็จะค่อยๆยกระดับตนเองเมื่อแรงสั่นสะเทือนเพิ่มขึ้น
ไปจนถึงมี
3 เหลี่ยมมุมซึ่งเป็นความสมดุลเบื้องต้น
ในขณะนั้นมิติแห่งเนื้อหนังจะปรากฏให้เห็นเป็นว่า
ทารกน้อยของจิตวิญญาณผู้มาเกิดใหม่ในครรภ์นั้น
จะมีอัตตารูปลักษณ์ที่มีความกว้างหนาและยาวให้เห็น
นี่คือที่มาของคำว่ามิติที่สามหรือมีสามมิติแล้ว
เมื่อทารกน้อยคลอดออกมาลืมตาดูโลก
การหมุนธรรมจักรของทั้งสามรูปธรรมยังคงอยู่
แต่สมการ
Σβx นั้นจะมีญาติพี่น้องที่เป็นคนในบ้าน
รวมทั้งคนข้างบ้านที่รู้ข่าวการเกิดของทารกบ้านนั้น
จะเข้ามาช่วยกันเพิ่มจำนวน
X คนให้มากกว่า 3 ได้
ทำให้มีคนมาร่วมหมุนธรรมจักรกับบ้านนั้นมากขึ้น
จากการเสริมพลังร่วมของคนข้างบ้าน
จากการเสริมพลังร่วมของคนแปลกหน้าและคุ้นหน้า
ที่ช่วยกันสั่นสะเทือนเป็นความรักความเมตตา
เมื่อได้เห็นความน่ารักน่าเอ็นดูของทารกน้อยคนนั้น
แรงสั่นสะเทือนของสมการพลังงานทางช้างเผือก
จะยังผลให้จิตหยาบของทารกน้อยพัฒนาเร็วขึ้น
จากการมีแค่สามมิติจะยกระดับเป็นสี่มิติอย่างรวดเร็ว
มายาที่เห็นคือทารกแบเบาะจะเปลี่ยนเป็นกุมารน้อย
ด้วยการพลิกคว่ำพลิกหงายตะแคงซ้ายตะแคงขวา
คลานได้ทำท่ายืนนั่งตั้งไข่เกาะเดินก้าวเดินจนวิ่งได้
อาการที่ปรากฏในมิติแห่งเนื้อหนังทางด้านกายภาพ
เป็นตัวชี้วัดว่าจิตหยาบของทารกนั้นเข้าสู่มิติที่สี่แล้ว
โดยมีความกว้างยาวหนาและสูงเพิ่มมาอีกหนึ่งมิติ
เพราะมีครบสี่มิติแล้วจากทารกจึงเป็นกุมารน้อยได้
นี่คือที่มาของคำว่ามิติที่สี่คือมีสี่มิติ
(4D)
แล้ว
น่าเสียดายยิ่งนักที่พวกคุณชาวโลก
ถูกศัตรูผู้ไม่หวังดีกระทำผ่านคนนำทางตาบอดชรา
บิดเบือนพระวจนะและปิดบังสัจธรรมของพระศาสดา
ไม่ให้เข้าถึงความรักและความฉลาดทางปัญญา
ด้วยการสอนให้เชื่อตามทำตามโดยไม่สอนให้คิด
สอนให้จิตหยาบเสพติดกิเลสจนเข้าไปในสายเลือด
อันเกิดจากหลงเงามายาเพราะเข้าใจว่าเป็นแก่นแท้
สอนให้กลัวทุกข์เกลียดทุกข์หนีทุกข์
สอนให้รังเกียจการได้รับโอกาสให้มาเกิดเป็นมนุษย์
สอนให้ปฏิเสธการหมุนธรรมจักรที่เป็นเรื่องใหญ่
เนื่องจากเป็นภารกิจจิตวิญญาณที่คุณขันอาสามาทำ
โดยบิดเบือนความจริงว่า
#ธรรมจักรคืออริยะสัจสี่
ทั้งๆที่อริยะสัจสี่สมองของปัญญาชนธรรมดาก็คิดได้
แต่เรื่องธรรมจักรนั้นคนธรรมดาไม่มีวันตรัสรู้เองได้
นอกจากพระพุทธเจ้าพระองค์เดียวที่เป็นเอกเท่านั้น
พวกคนนำทางตาบอดจึงพยายามที่จะนำพา
ผู้คนที่ไม่รู้สัจธรรมเพราะขาดปัญญาหรือไร้น้ำมัน
ให้หลับตาก้าวตามกันมาตลอดหลายพันปีแล้ว
ตามแผนของศัตรูผู้ไม่หวังดีที่หลอกใช้เป็นเครื่องมือ
เพื่อให้
“คนชอบธรรม” เป็นได้เพียง “คนชอบทำ”
โดยทำตามทุกเรื่องอย่างว่าง่ายคืองมงายนั่นเอง
เพราะใช้ความเชื่อความศรัทธานำปัญญาโดยแท้
จนคนส่วนใหญ่หลงทางนิพพานกันมากระทั่งบัดนี้
ซึ่งในครั้งพุทธกาลพระพุทธองค์ก็ได้ทรงเตือนไว้
เพื่อให้ชาวบ้านที่งมงายจนหลงผิดได้
“ฉุกคิด”
ด้วยประโยคที่ว่า
#อย่านิพพานแบบตาลยอดด้วน
จากการที่ชาวบ้านชาวเมืองหลงผิดเพราะคิดว่า
การตายแล้วจิตวิญญาณไปเกิดบนสวรรค์มายา
โดยขึ้นไปเสพสุขกันอยู่บนนั้นไม่กลับลงมาเกิดอีก
จึงเข้าใจว่าจิตวิญญาณนั้นเข้าถึงนิพพานได้แล้ว
ซึ่งนัยความหมายของคำว่านิพพานถูกบิดเบือนไป
กลายเป็นว่าแดนสวรรค์มายาที่พระเจ้ามิได้สร้าง
กลายเป็นแดนนิพพานของชาวบ้านกันไป
เราจะกล่าวความจริงให้รู้ว่า
พระเจ้าทรงอนุญาตให้จิตวิญญาณพวกคุณมาเกิด
เพื่อร่วมกันทำหน้าที่ใช้เมตตาธรรมค้ำจุนสมดุลโลก
ถ้าพวกคุณทำให้โลกสมดุลเอกภพที่เป็นระบบใหญ่
ซึ่งเป็นห้องทดลองของพระองค์ก็จะสมดุลตามด้วย
ลองตรองดูเถิดว่าพระบิดาจะสร้างสวรรค์มายาทำไม
ถ้าพวกคุณตายแล้วลอยขึ้นไปติดค้างกันอยู่บนนั้น
แล้วจะมีใครอยู่เป็นเพื่อนร่วมงานกับโลกได้อีกเล่า
ถ้าโลกเสียสมดุลจนก่อให้เกิดความเสียหายทั้งระบบ
จนยังผลให้เอกภพที่เป็นระบบใหญ่ถึงกาลวิบัติแล้ว
พวกคุณที่ขันอาสามาเกิดจะรับผิดชอบกันไหวหรือ
แต่พระบิดาแห่งจิตวิญญาณทรงยอมให้เกิดขึ้นมิได้
พระองค์จึงทรงมีพระบัญชาให้เรากลับมาอีกครั้ง
ก่อนที่โลกและเอกภพจะเสียสมดุลจนถึงขั้นวิบัติ
และเพื่อกลับมายับยั้งการนิพพานแบบตาลยอดด้วน
คือหลงทางนิพพานไปติดค้างกันอยู่บนสวรรค์มายา
แล้วละทิ้งหน้าที่ค้ำจุนสมดุลโลกไปเพราะกลัวทุกข์
เนื่องจากถูกศัตรูผู้ไม่หวังดีหลอกปั่นหัวจนสับสน
เพราะมีสมองแต่ใช้ไม่เป็นดั่งมีตะเกียงแต่ไร้น้ำมัน
กราบพระบาทพระบิดาที่ทรงเมตตา
เอเมน
สาธุ
27/03/2567