#คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล
พี่ๆน้อง
ๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
การใช้พลังทางจิตวิญญาณของพวกคุณนั้น
ถ้าใช้ด้วยการกระทำผ่านจิตสามนึกตามปกติ
ในชีวิตประจำวันทั้งเพื่อตนเองและคนที่คุณรัก
เช่น
พ่อแม่ลูกหลานสามีภรรยาแล้ว
พลังจิตใต้สำนึกของคุณจะไม่เสื่อมคลาย
เพราะพระบิดาแห่งจิตวิญญาณจะไม่ทรงเก็บคืน
เนื่องจากเป็นการแสดงออกซึ่งความสัมพันธ์
ที่ตามปกติในธรรมชาติของพวกคุณนั้น
มิติของแก่นแท้มันเป็นของมันแบบนั้นอยู่แล้ว
ตัวอย่างเช่น
เมื่อลูกหลานคุณหกล้มแขนขาถลอกเป็นแผล
คุณก็จะเอามือจับสัมผัสบริเวณแขนขาที่บาดเจ็บ
แล้วกลั้นหายใจนิดหนึ่งก่อนที่จะเป่าลมไปที่แผล
พร้อมกับกล่าวคำว่า
“โอม เพี้ยง!หายไม่เจ็บๆ”
ด้วยจิตสำนึกที่เชื่อว่าจะช่วยให้หายเจ็บได้จริงๆ
หรือเมื่อคุณถูกมีดบาดนิ้วเป็นแผลจนเลือดไหลซิบ
คุณก็จะใช้นิ้วมือกดที่แผลนั้นไว้ด้วยความกลัวว่า
เลือดจะไหลออกมาไม่หยุดหรือกลัวเลือดที่มีสีแดง
แล้วคุณก็กลั้นลมหายใจกำหนดจิตนึกคำว่า
#หาย
ก่อนจะเป่าลมที่กลั้นไว้นั้นลงไปบริเวณจุดบาดเจ็บ
ด้วยคำว่า
“โอม...เพี้ยงหาย” สามครั้งต่อเนื่องกัน
จากนั้นคุณก็จะปล่อยนิ้วที่กดแผลไว้ออกโดยเชื่อว่า
แผลนั้นจะติดโลหิตก็จะหยุดคุณจะลืมมันไปเลย
วิธีการที่คุณปฏิบัติเหล่านี้
หลายคนอาจทำได้เองเหมือนเป็นอัตโนมัติ
เพราะจิตวิญญาณถือรหัสนี้ติดตัวมาจากอดีตชาติ
หรืออาจเป็นเพราะพ่อแม่ปู่ย่าตายายเคยทำกับตนมา
ซึ่งเป็นประสบการณ์ตรงในอดีตของชาติภพนี้ก็ได้
หากคุณสังเกตให้ดีมันจะมีอยู่
3 กรณีก็คือ
1.การกำหนดจิตกลั้นลมหายใจไว้
2.การเป่าลมที่กลั้นไว้นั้นลงไปบริเวณจุดเจ็บ
3.การกล่าวสัจจะว่า “โอม...เพี้ยง! หาย!”
พฤติกรรมที่คุณทำทั้ง
3 กรณีดังกล่าวนี้
ไม่ว่าจะทำกับตนเองหรือคนในครอบครัวที่คุณรัก
ผลปรากฏว่าอาการบาดเจ็บนั้นจะพลันหายได้จริง
หรือไม่ก็จะบรรเทาลงได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก
จนหลายคนอาจมองว่ามันเป็นอวิชาแบบมูเตลูก็ได้
แท้จริงแล้วการกำหนดจิตกลั้นลมหายใจไว้ชั่วครู่
ก่อนที่จะเป่าลมที่กลั้นไว้นั้นออกมาพร้อมคำกล่าว
ที่เป็นสัจจะว่าโอมเพี้ยงหายหรือทำนองนี้ก็คือ
การใช้จิตรู้สำนึกของคุณว่า
#คุณกำลังจะทำเพื่อเป้าหมายอะไร
#คุณกำลังจะทำเพื่อวัตถุประสงค์อะไร
คำตอบที่เป็นสัจจะหรือความจริงแท้ก็คือ
1.คุณกำลังทำเพื่อให้มิใช่ทำเพื่อเอา
2.คุณกำลังทำเพื่อคนที่คุณรัก
3.เป้าหมายที่คุณทำคือบาดแผลที่บาดเจ็บนั้น
4.วัตถุประสงค์ที่ทำก็คือให้แผลติดแผลหาย
ให้บรรเทาความเจ็บปวดได้หรือหายปวดทันที
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมซึ่งยังผลให้
การกระทำของคุณศักดิ์สิทธิ์สัมฤทธิผลได้จริงคือ
1.เพราะคุณและผู้ที่คุณช่วยเหลือมี #ความเชื่อ
โดยเชื่อว่าจะหายหรือได้ผลตามต้องการแน่นอน
2.การกำหนดจิตกลั้นลมหายใจเอาไว้ในคอหรือปาก
มันคือการผสานพลังจิตกับพลังลมหายใจของคุณ
เพื่อให้เป็นหนึ่งเดียวกันแล้วกำกับด้วยรหัสของสัจจะ
ที่ได้จากการกำหนดจิตของคุณอยู่ในขณะนั้นไว้ด้วย
3.การกล่าวคำว่า “โอม” ทำให้พลังงานทั้งหมดนั้น
เป็นพลังที่สามารถทำให้สั่นสะเทือนไปทั้งจักรวาล
เพราะคำว่า
“โอม” หรือ “อูม” มาจากคำว่า อะ-อุ-มะ
ซึ่งเป็นภาษาจิตที่เป็นภาษาสากลของจักรวาล
มิใช่มนตรามนต์ดำที่เป็นภาษาไสยเวทย์แต่อย่างใด
ที่จิตวิญญาณทุกรูปธรรมรับรู้และตอบสนองได้ดีมาก
เมื่อคุณเป่าลมบริเวณจุดเจ็บปวดที่
“เพี่ยง” ลงไป
ด้วยคุณสมบัติสามประการดังกล่าวนี้จึงทำให้ได้ผล
จึงบังเกิดความศักดิ์สิทธิ์ตามต้องการได้ในไม่ช้า
คุณจักต้องรู้ว่า
พลังอำนาจศักดิ์สิทธิ์นี้เกิดได้จากพลังงานความรัก
ในแบบของความรักเพื่อให้มิใช่การรักเพื่อเอา
ซึ่งเป็นความรักที่สะอาดบริสุทธิ์โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ
และเกิดได้จากพลังของความเชื่อมั่นกับความศรัทธา
จนยังผลให้จิตสำนึกแห่งรักนั้นมีแรงสั่นสะเทือนสูงยิ่ง
ทำให้จิตใต้สำนึกของจิตวิญญาณทั้งสองฝ่าย
ทั้งของผู้ให้การช่วยเหลือและผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือ
สั่นสะเทือนกันเป็นพลังร่วมแห่งรักอันบริสุทธิ์
ในมิติของแก่นแท้ที่สองตาเปล่าพวกคุณมองไม่เห็น
ถ้าทั้งสองฝ่ายมีคุณสมบัติในการปฏิบัติครบถ้วน
ผลลัพธ์ที่ต้องการจะศักดิ์สิทธิ์สัมฤทธิ์ผลเร็วยิ่งขึ้น
บาดเจ็บและบาดแผลจะหายสนิทอย่างไร้ร่องรอย
เพราะจิตวิญญาณโดยจิตใต้สำนึกของพวกคุณนั้น
เขามีสัญชาตญาณที่พร้อมจะสื่อสารสนับสนุนกันอยู่
โดยไม่ต้องวิชามูไม่ต้องพึ่งพามนตราแต่อย่างใด
พลังทางจิตวิญญาณคุณที่ไม่ข้องแวะมนตราวิชามู
นอกจากจะไม่เสื่อมพลังแล้วยังจะเพิ่มค่ามากขึ้นด้วย
เนื่องจากต่อมไทมัสจะรีชาร์จพลังให้ไว้ตลอดเวลา
กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา
เอเมน
สาธุ
28/03/2567