#คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล
พี่ๆน้อง
ๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ความฉลาดทางปัญญาของสมองซีกขวานั้น
จะอยู่ในลักษณะของ
#การคิดสร้างสรรค์
ซึ่งคุณจะเข้าถึงได้ก็ด้วยวิธีการ
“กดปุ่ม” เช่นกัน
แต่เพื่อให้พวกคุณสามารถเรียนรู้ด้วยตนเองได้ว่า
คุณมีความฉลาดของสมองซีกขวาที่รอการใช้อยู่
พระองค์จึงทรงออกแบบให้คุณใช้ได้ด้วยวิธีฟลุ้ค
คำว่า
“ฟลุ้ค” ในที่นี้ เราหมายถึง
คุณสามารถเข้าถึงความคิดสร้างสรรค์กันเองได้
โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการกดปุ่มให้มากความเลย
คุณเพียงแค่
“นึก” ด้วยจิตเพื่อคิดด้วยสมองไปเรื่อยๆ
เดี๋ยวก็ได้ความคิดแปลกใหม่ที่น่าอัศจรรย์นั้นแล้ว
คำว่า
“ความคิดสร้างสรรค์” ในที่นี้เราหมายถึง
สิ่งใหม่
ความรู้ใหม่ ที่ยังไม่เคยมีใครคิดรู้ได้มาก่อน
มีคุณคนเดียวเท่านั้นที่นึกคิดขึ้นมาได้เป็นรายแรก
คำว่า
#เป็นรายแรก ก็คือคิดออกคิดได้ก่อนใครอื่น
#ก่อนใครอื่น ก็คือก่อนทุกคนบนโลกนี้เขาจะคิดได้
ดังนั้น
ความคิดสร้างสรรค์ในความหมายแรกจึงหมายถึง
ผลผลิตทางจิตปัญญาในการคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์
ซึ่งเป็นผลึกจากการสังเคราะห์องค์ธรรมจากธรรมชาติ
เพื่อนำมาใช้เป็นสัจธรรมในการดำเนินชีวิตประจำวัน
ที่พวกคุณรู้จักกันว่ามันคือ
#โลกุตรธรรม นั่นเอง
โดยที่โลกุตรธรรมนั้นจะแฝงเร้นอยู่กับ
“โลกียะธรรม”
คุณจะต้องฝึกการ
“นึกเอง” ซึ่งเป็นหนึ่งในจิตสามนึก
ด้วยการฉลาดแปลความหมายของธรรมชาติที่รู้เห็น
แปลให้ได้แปลความหมายให้เป็นแปลได้อย่างถูกตรง
เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการดำเนินชีวิตร่วมกันต่อไป
สัจธรรมความจริงในระดับ
“โลกุตรธรรม” ดังกล่าวนี้
จึงต้องได้จากพลังปัญญาของสมองซีกขวาของคุณ
โดยต้องใช้
“วัตถุดิบ” ที่สติปัญญาของสมองซีกซ้าย
คิดวิเคราะห์เพื่อเรียนรู้ได้จากที่อายตนะส่งข้อมูลให้
ซึ่งคุณจะต้องมี
#คุณสมบัติทองคำเฉพาะตน ดังนี้
1.คุณต้องเป็นผู้ “นึกเอง” ซึ่งเป็น 1 ในจิต 3 นึกเท่านั้น
โดยต้องระวัง
“การนึกเอง” เอาไว้ด้วยว่าอย่าใช้มั่วซั่ว
หากคุณนึกเองด้วยการนึกคิดแทนผู้อื่นขึ้นมาเมื่อไหร่
ไม่ว่าจะนึกบวกหรือนึกลบก็จะผิดบาปฐานก้าวล่วงได้
2.คุณจะต้อง “นึกเอง” บนพื้นฐานความจริงและความรัก
ในการสัมผัสรู้ดูเห็นได้จากธรรมชาติของสิ่งต่างๆเท่านั้น
โดยมีเป้าหมายหลักที่สำคัญเพื่อ
#การเรียนรู้ สัจธรรม
เป็นการเรียนรู้ด้วยการมองโลกเพื่อให้เห็นความจริงนั้น
มิใช่มองโลกไปตามอำนาจของ
#กิเลสตัณหา พาไป
ซึ่งจุดจบจะกลายเป็นผิดบาปเพราะเกิดการก้าวล่วงผู้อื่น
ทางออกที่ฉลาดและรอบครอบในเรื่องนี้ก็คือ
คุณควรมองโลกเพื่อนึกเองตามแนวการคิดสร้างสรรค์
โดยให้คุณเลือกมองเฉพาะแต่เหตุการณ์ปรากฏการณ์
รวมทั้งสรรพสิ่งใดๆที่อายตนะภายนอกของคุณสัมผัสได้
จากธรรมชาติแวดล้อมที่พระบิดาทรงสร้างเอาไว้ให้ก็พอ
ซึ่งพระองค์ทรงฝากแฝงสัจธรรมเอาไว้ให้อย่างดาษดื่น
โดยสัจธรรมในธรรมชาตินั้นมีมากมายกว่าในพระคัมภีร์
ที่พวกคุณค้นคว้ามาบันทึกรวมกันไว้เป็นตำราเสียอีก
3.คุณจะต้องไม่เผลอไปใช้วิธี “นึกออก”
ด้วยการนำความคิดหรือความรู้ของผู้อื่นที่เขาคิดไว้ก่อน
มานึกคิดในลักษณะของการ
“นึกซ้ำ คิดซ้ำ” และทำซ้ำ
เพราะสิ่งที่คุณนึกคิดเพื่อทำอยู่นั้นมิใช่สิ่งใหม่เรื่องใหม่
มันจะกลายเป็น
#ลอกเลียนแบบ หรือ
“ก้อปปี้” แทน
ยกเว้นคุณนึกออกแล้วนำสิ่งที่คุณจำของคนอื่นได้นั้น
มาทำการ
#นึกคิดต่อยอด เพื่อดัดแปลงให้มันดีงามขึ้น
ดัดแปลงให้มันเหมาะสมดีมีประโยชน์มากขึ้นกว่าเดิม
จึงจะเรียกว่าเป็นการคิดสร้างสรรค์กันได้อย่างเต็มคำ
คนส่วนใหญ่บนโลกนี้ที่ใช้ชีวิตกันอยู่ในสังคมทั่วไป
จะไม่เก่งนึกไม่เก่งคิดแต่เก่งก้อปปี้คือลอกเลียนแบบ
จึงมีคดีความเรื่องลิขสิทธิ์สิทธิบัตรขึ้นศาลอยู่เนืองๆ
คงเห็นว่าลอกเขามาไม่ต้องคิดเองมันสบายและง่ายดี
เพราะเป็น
“สันดาน” ของคนพวกหน้าด้านที่มักง่าย
คืออยากสำเร็จโดยที่ตนเองไม่ต้องออกแรงนั่นแหละ
4.คุณต้องฝึกนิสัยไม่ชอบเลียนแบบใครเอาไว้เสมอ
เพราะการก้อปปี้ของคนอื่นมีแต่จะทำให้คุณเสียหน้า
แถมยังสอบตกอีกเรื่องเนื่องจากลักขโมยของเขามา
ทำเสมือนหนึ่งว่าความคิดสร้างสรรค์นั้นเป็นของตน
โดยไม่ยอมอ้างอิงว่าไปเอามาจากใครหรือจากที่ไหน
ใครที่ชอบทำตนแบบนี้มันบ่งชี้ว่า
“เป็นคนสิ้นคิด”
อีกไม่ช้านานคนพวกนี้จะมีแต่ความเสื่อมมากยิ่งขึ้น
เพราะจะล้มละลายในความน่าเชื่อถือและความศรัทธา
ในสายตาของคนรอบข้างทั่วทั้งโลกหรือสังคมของเขา
หากคุณมีความเป็นผู้นำในตนเองและรักเกียรติจริง
ก็จงอย่าหาทำหาสันดานไม่ดีแบบนี้มาเพาะบ่มไว้เลย
โบราณว่าไว้
#ซื่อกินได้ไม่หมด คดกินได้ไม่นาน!
กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา
เอเมน
สาธุ
#จิตจักรวาลสถานธรรม ภูกระต่าย
#สถาบันสร้างเสริมจิตปัญญา #HBMI
อ.หล่มเก่า
จ.เพชรบูรณ์
10/03/2567