09 พฤศจิกายน 2566

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 9/11/2023

#คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล
(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)
 
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
 
พระบิดาแห่งจิตวิญญาณทรงเมตตาต่อพวกคุณ
โดยมีพระบัญชาให้เรากล่าวพระโอวาทเรื่องธรรมจักร
ให้คุณรู้เพื่อเรียนรู้กันมาตลอดเพราะว่าเป็นเรื่องสำคัญ
ที่ถูกมนุษย์เพิกเฉยละเลยไม่เคยใส่ใจกันมาตลอด
ซึ่งนับวันจะยิ่งละเลยกันมากขึ้นเป็นจำนวนเท่าทวีคูณ
 
เนื่องจากคนนำทางตาบอดถูกพวกมารหรือผีโสโครก
ปิดบังอำพรางบิดเบือนความจริงของพระพุทธองค์ว่า
เรื่องของ #ธรรมจักรกัปปวัตนสูตร ที่ทรงตรัสรู้ได้นั้น
เป็นเรื่องของ #อริยสัจสี่ ที่เป็นวิธีแก้ปัญหาใดๆในชีวิต
ทั้งๆที่แท้จริงแล้วพระองค์ตรัสรู้เรื่องการหมุนธรรมจักร
โดยทรงเตือนศาสนิกชนว่าต้องหมุนธรรมจักรในตนเอง
ด้วยการรักให้ได้อภัยให้เป็นไม่เห็นแก่ตัวไม่มัวเมากิเลส
ขณะที่คุณก็ต้องชวนคนรอบข้างมาหมุนธรรมจักรด้วย
 
การชวนคนรอบข้างให้มาหมุนธรรมจักรร่วมกันก็คือ
ถ้าคุณหมุนธรรมจักรในตนเองด้วยความรักสำเร็จแล้ว
ก็ให้นำเอาความรักที่คุณสั่นสะเทือนขันธ์ห้าอยู่ข้างใน
ออกมาแสดงหรือกระทำต่อคนรอบข้างทุกคนให้ได้
ด้วยการแสดงออกทางกายและวาจาให้เป็นรูปธรรม
เพื่อเป็นเงื่อนไขปลุกเร้าผ่านอายตนะภายนอกของเขา
ให้จิตหยาบที่อยู่ข้างในเกิดการสั่นสะเทือนตามด้วย
นี่คือการหมุนธรรมจักรร่วมกันโดยคุณเป็น #ผู้เริ่มต้น
จนเขาถูกคุณกระตุ้นด้วยเงื่อนไขด้านบวกออกมาได้
เขาก็จะแสดงออกหรือกระทำด้านบวกต่อคุณกลับมา
เพื่อให้คุณเป็น #ผู้สิ้นสุด กระบวนการของธรรมจักรนี้
ตามแบบแผนที่พระบิดาแห่งจิตวิญญาณกำหนดไว้ให้
 
แต่ปรากฏว่าพวกคุณส่วนใหญ่หรือเกือบหมดโลก
เมื่อจิตวิญญาณมาเกิดเป็น “คนสองมิติ” กลับไม่รู้ว่า
1.ตนเป็น “คนสองมิติ” คือมีจิตหยาบกับกายหยาบ
กับมีจิตวิญญาณที่เป็นรูปธรรมทางพลังงาน 6 มิติ
เป็นผู้อาสามาเกิดเป็นตัวตนแก่นแท้ของพวกคุณ
โดยที่จิตหยาบจะเป็นกลุ่มพลังงานจำนวน 189 กลุ่ม
ซึ่งเป็นกลุ่มพลังงานที่ยังไม่มีความสมดุลในตนเอง
ทำหน้าที่แทนจิตวิญญาณขณะมีภพชาติเป็นมนุษย์
 
คนนำทางตาบอดไม่เคยบอกพวกคุณว่า
จิตปัจจุบันหรือจิตมนุษย์ก็คือจิตหยาบ
จิตหยาบที่คุณใช้อยู่ในขณะมีชีวิตมีลมหายใจนี้นั้น
มิใช่จิตวิญญาณตัวตนที่แท้จริงของผู้อาสามาเกิด
แต่จิตหยาบทำหน้าที่เป็นตัวแทนของจิตวิญญาณ
สิ่งใดเรื่องใดก็ตามที่จิตหยาบทำผิดหรือทำถูก
ผลลัพธ์ของการกระทำหรือผลกรรมนั้นๆที่เกิดขึ้น
จิตวิญญาณผู้มอบอำนาจจะต้องรับผิดชอบทั้งหมด
ต้องรับผิดชอบเหมือนกับที่ตนเป็นผู้ก่อกรรมนั้นเอง
 
2.ตนจะต้องหมุนธรรมจักรด้วยความรักเพื่อให้
เพื่อยกระดับแรงสั่นสะเทือนของจิตหยาบของตน
ให้สูงขึ้นทางด้านบวกไว้ตลอดและต่อเนื่องด้วย
ในอันที่จะฟูมฟักจิตหยาบตนเองตั้งแต่สามขวบ
จากมิติที่ 4D ให้สมดุลเพิ่มเป็น 5D ถึง 6D ให้ได้
 
ขณะเดียวกัน
เพื่อช่วยให้ตนเองยกระดับจิตหยาบได้ผลเร็วขึ้น
ก็ต้องชวนคนรอบข้างหมุนธรรมจักรไปกับคุณด้วย
เพื่อสร้างสมการทางช้างเผือก คือ βₓ ที่มหัศจรรย์
โดยตัวเอ็กซ์ต้องแทนค่าด้วย 3 ขึ้นไปให้จงได้
พลังงานที่เกิดขึ้นในการหมุนธรรมจักรร่วมกันนี้
จะเป็นพลังงานที่เข้มข้นสูงกว่าการหมุนคนเดียว
ซึ่งคนตั้งแต่สามคนขึ้นไปที่ร่วมกันหมุนธรรมจักร
รวมทั้งคนอื่นๆที่อยู่ในรัศมี 33.33 ตารางกิโลเมตร
ที่เป็นพวกไม่เอาถ่านไม่เอาไหนไม่ใส่ใจธรรมจักร
จะได้รับอิทธิพลในการสั่นสะเทือนจิตหยาบไปด้วย
 
พระวจนะของพระพุทธองค์ที่ตรัสเอาไว้ว่า
#เราคือโลก #โลกคือเรา
ก็มีที่มาจากความจริงที่เรากล่าวนี้ส่วนหนึ่งด้วย
 
เพราะเมื่อใดก็ตาม
ที่คุณสามารถหมุนธรรมจักรในตนเองขึ้นมาได้
ไม่เพียงจะช่วยยกระดับจิตหยาบของตนจาก 4D
ให้สูงขึ้นทีละน้อยๆเพื่อเข้าถึงมิติที่ห้าให้ได้แล้ว
พวกคุณยังช่วยยกระดับจิตของผู้อื่นให้สูงขึ้น
จากเดิมที่พวกเขาแต่ละคนเป็นอยู่มีอยู่ได้ด้วย
ถ้าพวกเขาเหล่านั้นอยู่ในชุมชนเดียวกันกับคุณ
 
แต่น่าเศร้าใจที่พวกคุณทั้งหลายไม่รู้ว่า
ถ้าจิตหยาบพวกคุณยังนิพพานกิเลสมารได้ไม่สิ้น
ทั้งตัณหาอารมณ์ขยะราคะจริตบริวารของกิเลส
ยังเกาะติดเป็นคุณสมบัติอันไม่พึงประสงค์อยู่มาก
นอกจากพวกคุณจะหมุนธรรมจักรไม่เป็นผลสำเร็จ
ยังยกระดับจิตจาก 4D สู่ 5D และ 6D ไม่ได้แล้ว
จิตหยาบโดยขันธ์ห้าที่สั่นสะเทือนด้วยกิเลสมารนั้น
จะปล่อยพลังงานจิตด้านลบหรือ #พลังงานกรรม
ออกมาทิ้งเป็นขยะไว้ในบรรยากาศให้รกโลกด้วย
 
พลังงานกรรมที่พวกคุณปลดปล่อยมันออกมา
เป็นพลังงานที่ได้จากการหมุนกรรมจักรด้วยกิเลส
ซึ่งมันจะเป็นพลังงานขยะที่รกโลกก็เพราะเหตุว่า
ใครเป็นผู้ผลิตสร้างมันไว้คนนั้นต้องรับผิดชอบมัน
ในแบบที่เราเคยบอกว่า #กรรมใครใครกำ นั่นเอง
แปลว่าใครเป็นผู้ปล่อยมันออกมาคนนั้นรับผิดชอบ
คำว่ารับผิดชอบก็คือ #ชดใช้ ไม่ก็ #ชำระทิ้ง
 
การ “ชดใช้กรรม” ก็คือใครทำกรรมแบบใดไว้
ใครคนนั้นก็จะต้องได้รับผลกรรมแบบเดียวกัน
ไม่ว่าจะเป็นกรรมด้านดีหรือกรรมด้านชั่วที่ตัวก่อไว้
ซึ่งผลกรรมเหล่านี้จะอยู่ในรูปของอิเล็คตรอนอิสระ
ที่มีคุณสมบัติทางไฟฟ้าเป็นประจุ “ลบ” นั่นแหละ
โดยมันจะเกาะอยู่กับโครงข่ายสนามแม่เหล็กโลก
ไม่ต่างจากหยดน้ำค้างที่ติดอยู่บนใยแมงมุมนั่นเอง
 
อนุภาคกรรมที่เป็นอิเล็คตรอนอิสระเหล่านี้
จะรวมตัวกันอยู่กับความชื้นในอากาศเป็นเมฆสีคล้ำ
ถ้ามีจำนวนมากจะรวมตัวกันเป็นเมฆฝนสีดำลอยต่ำ
จะเกิดพายุแม่เหล็กฟ้าแลบฟ้าร้องฟ้าคะนอง
ฝนจะตกหนักลมพายุจะพัดรุนแรงและมีฟ้าผ่าด้วย
ซึ่งลักษณะดินฟ้าอากาศที่วิปริตแบบที่ว่านี้
มักจะเกิดขึ้นบนท้องฟ้าเหนือชุมชนเมืองทั้งสิ้น
ฝนตกทีไรน้ำท่วมฉับพลันบ้านพังต้นไม้หักทุกที
จนวัวควายและคนโดนฟ้าผ่าตายไหม้เกรียมไปก็มี
 
เพราะบรรยากาศของโลกจะสกปรกไม่ได้
ขยะประจุลบจากกรรมจักรของมนุษย์แต่ละคน
มันจะลอยเป็นขยะเพื่อรอเจ้าของตายแล้วเกิดใหม่
ให้กลับมารับผิดชอบขยะเหล่านั้นตามที่ตนก่อไว้
มีทั้งพลังงานกรรมด้านบวกแบบทำบุญด้วยกิเลส
มีทั้งพลังงานกรรมด้านลบจากการทำผิดบาป
ด้วยการก้าวก่ายล่วงเกินผู้อื่นทำให้เขาเสียสมดุล
พลังงานกรรมเหล่านี้เป็น “ขยะ” ที่รกโลกทั้งสิ้น
 
เอเมน สาธุ
ถ่ายทอดคลื่นความคิดจากองค์จิตจักรวาล
โดย #ปัญญาวิสุทธิ์
9/11/2566