14 พฤศจิกายน 2566

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 14/11/2023

#คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล
(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)
 
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ทำไมคนสมัยโบราณจึงกล่าวถึงพระเยซูเจ้าว่า
พระองค์ท่านทรงเป็น #คนดูแลฝูงแกะของพระเจ้า
 
คำถามที่ว่า “คนดูแล” หมายถึงเป็นผู้ทำหน้าที่อะไร
ในบทที่ผ่านมาเราได้กล่าวไปแล้ว 2 ประการก็คือ
 
1.เป็นผู้เข้ามากล่าวพระโอวาทในพระนามของพระเจ้า
โดยถือเอาช่องทางการสื่อสารช่องทางพิเศษมาด้วย
เพราะในเครื่องยนต์แห่งกรรมมนุษย์ทั่วไปไม่มีให้ใช้
ซึ่งเป็นช่องทางที่จิตวิญญาณบริสุทธิ์ของพระบุตรเอก
ใช้เพื่อติดต่อสื่อสารโดยตรงแบบจิตสู่จิตกับพระเจ้าได้
ด้วยการสื่อสารแนวดิ่งที่เรียกว่า Vertical Telepathy
โดยแตกต่างจากการสื่อสารในแนวระนาบแบบจิตสู่จิต
ที่มนุษย์สื่อสารทางจิตกับมนุษย์ด้วยกันกับสัตว์โลก
หรือกับสิ่งมีชีวิตอื่นใดในเอกภพอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้
 
การสื่อสารทางจิตของมนุษย์ตามปกติโดยทั่วไปนั้น
ต้องใช้จิตหยาบหรือจิตมนุษย์เป็นเครื่องมือการสื่อสาร
ทั้งกับจิตหยาบของคนอื่นและหรือกับจิตวิญญาณอื่นๆ
โดยสื่อสารกันในแนวระนาบคือ Horizontal Telepathy
ด้วยการใช้ตาที่สามคือ #ต่อมไพเนียล รับส่งคลื่นจิต
ร่วมกับการใช้สมองเป็นเครื่องมือในการแปลภาษาจิต
 
ส่วนวิธีการสื่อสารในระบบจิตสู่จิตใน #แนวดิ่ง
ที่พระบุตรเอกใช้เป็นช่องทางการสื่อสารกับพระเจ้านั้น
มิได้ใช้กลไกตาที่สามคือต่อมไพเนียลแบบมนุษย์ทั่วไป
แต่ใช้กลไกของจิตวิญญาณในการสื่อสารโดยเฉพาะ
เพื่อรับส่งคลื่นสัญญาณความคิดกับ #องค์จิตจักรวาล
พระผู้เป็นเจ้าเหนือสิ่งทั้งปวงที่พระองค์ทรงสร้างขึ้นไว้
กลไกที่ว่านั้นก็คือ #ต่อมไร้ท่อที่เรียกว่าพิทูอิทารี่
ซึ่งเป็นต่อมไร้ท่อที่จิตวิญญาณผู้มาเกิดสถิตประทับอยู่
หรือจะเรียกขานว่าเป็น #เซฟเฮ้าส์ ของแก่นแท้
ขณะที่มีภพชาติเป็น #คนสองมิติ อยู่หรือมีชีวิตอยู่
เพื่อทำการปกปักรักษาดูแลด้านความปลอดภัยให้
อีกทั้งเพื่อรักษาความลับของบทละคร #ชะตาชีวิต
ที่จิตวิญญาณของตนขีดเขียนมาแสดงร่วมกันเอาไว้
มิให้ “จิตหยาบ” ซึ่งเป็นตัวแทนของตนล่วงรู้ง่ายๆ
 
เพราะหากได้รู้ล่วงหน้าการมาเกิดนั้นก็จะเป็นโมฆะ
เหตุจากในบทละครมีทั้งบทเรียนและบททดสอบ
ถ้ารู้บทเรียนล่วงหน้าการตื่นรู้ของจิตหยาบก็จะน้อย
จนยังผลให้จิตหยาบสั่นสะเทือนขันธ์ห้าได้ไม่เต็มที่
ไม่ต่างจากดูหนังดูละครถ้ารู้ก่อนว่าฉากต่อไปเป็นไง
ความตื่นตัวตื่นเต้นจากความสมจริงก็จะลดน้อยลง
ยิ่งถ้าได้รู้บททดสอบจิตสามนึกหรือข้อสอบล่วงหน้า
มันจะยิ่งทำให้การสอบนั้นไม่ได้ผลหรือวัดผลไม่ได้
 
ดังนั้น
การมาเกิดเป็นมนุษย์ในทุกภพชาติ
จิตหยาบเป็นนักเรียนที่ต้องเรียนรู้และเข้าสนามสอบ
จึงถูกปิดบังทั้งบทเรียนและข้อสอบไว้เป็นความลับ
โดยต้องถูกปิดกั้นการติดต่อจากจิตวิญญาณเอาไว้
 
พระเจ้าจึงทรงกำหนดให้จิตหยาบหรือจิตมนุษย์
ต้องยกระดับแรงสั่นสะเทือนของ #ตาที่สาม ให้สูงขึ้น
เพื่อกระตุ้นให้ “ต่อมพิทูอิทารี” สั่นสะเทือนตามให้ได้
หากเป็นจริงได้มันคือการเป็นหนึ่งเดียวกันของสองจิต
นั่นคือจิตหยาบกับจิตวิญญาณจะเป็นหนึ่งเดียวกันได้
จิตหยาบจะต้องสั่นสะเทือนด้วยอำนาจแห่งรักเท่านั้น
 
ถ้าใครสามารถทำเช่นนี้ได้สำเร็จ
รางวัลที่คนๆนั้นจะได้ก็คือ #การเป็นมนุษย์ผู้ประเสริฐ
คำว่า “มนุษย์ผู้ประเสริฐ” หมายถึงเป็นมนุษย์ที่สมดุล
เพราะคนสองมิติของตนให้เป็นหนึ่งเดียวกันสำเร็จแล้ว
อันหมายถึงสามารถ “หมุนธรรมจักร” ในตนเองได้
ถ้ายังชวนคนรอบข้างมาหมุนธรรมจักรร่วมกันได้ด้วย
#รางวัลที่ผู้นั้นจะได้รับคือการเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แล้ว
 
2.เป็นผู้กล่าวสัจธรรมระดับ “อนุตรธรรม” ให้ได้รู้
เพราะว่ามนุษย์กับศาสดาที่เกิดจากโลกก็รู้เองไม่ได้
ในอนุตรธรรมความจริงที่เป็นเบื้องหลังของจิตวิญญาณ
ที่รู้เองไม่ได้เพราะเหตุผลสำคัญสามประการ คือ
 
1.รู้เองไม่ได้เพราะสมองสองซีกมีขีดจำกัด
2.รู้เองไม่ได้เพราะจิตวิญญาณแก่นแท้อยู่ในเขตกักกัน
จิตหยาบที่ยกระดับตนเองด้วยการหมั่นหมุนธรรมจักร
เพื่อการเป็นหนึ่งเดียวกันกับจิตวิญญาณของตนไม่ได้
จึงรับรู้ความจริงนั้นจากแก่นแท้ของตนเองยังไม่ได้
 
3.พระศาสดาที่เกิดจากโลกก็รู้อนุตรธรรมได้แค่บางสิ่ง
เช่น พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้ #ธรรมจักรกัปปวัตนสูตร
เพราะทรงติดต่อกับจิตวิญญาณของพระองค์เองได้
จึงรู้ความจริงที่เป็นอนุตรธรรมว่ามนุษย์เกิดมาทำไม
แต่คนนำทางตาบอดสาวกของพระองค์ถูกมารหลอก
ให้หลงผิดโดยบิดเบือนธรรมจักรไปเป็นเรื่องอริยสัจสี่
จนชาวโลกมากมายหลงทางนิพพานกันมาตราบบัดนี้
 
นอกจากนั้น
สัจธรรมระดับอนุตรธรรมอื่นๆพระองค์ก็ทรงทราบดี
แต่ในยุคนั้นทรงเห็นว่ามิใช่หน้าที่ของพระองค์ที่จะเผย
เพราะผู้จะเข้ามาเฉลยความจริงทั้งหมดได้ก็คือ
พระบุตรเอกซึ่งเป็นพระศาสดาที่มาจากพระเจ้าเท่านั้น
 
ตัวอย่างเช่น
คำว่านิพพานหลังตายทรงเปรียบเหมือนตาลยอดด้วน
เพื่อเตือนสติศาสนิกชนคนชอบธรรมไว้ให้ตระหนักว่า
#นิพพานหลังตายแล้วนั้นเป็นนิพพานเทียมเท็จ
เพราะจิตวิญญาณจะระเห็จลอยไปติดค้างอยู่ในอวกาศ
ที่จิตวิญญาณถูกหลอกให้เนรมิตเป็นสวรรค์มายาขึ้นมา
สวรรค์มายาที่เต็มไปด้วยทิพยวิมานเมืองแก้วแพรวพราย
ซึ่งคำว่า “ทิพย์” นี้ใครๆก็รู้ดีว่ามันไม่มีจริงกันอยู่แล้ว
 
มนุษย์ไม่รู้ความจริงว่า
จิตวิญญาณที่ตายแล้วไปติดอยู่บนสวรรค์มายานั้น
เกิดจากการหลอกตัวเองหรือเชื่อว่าสวรรค์มายามีอยู่จริง
แล้วจิตหยาบที่ซาบซึ้งศรัทธาในภาพมายาที่เขาวาดไว้
จนเกิดกิเลสเกิดความพึงพอใจอยากจะไปอยู่บนนั้น
เมื่อเป็นมนุษย์ก็ถือศีลกินเจหมั่นทำกรรมดีละเว้นทำชั่ว
ยังผลให้จิตวิญญาณมีผลกรรมติดตัวอยู่น้อยกว่าผู้อื่น
เมื่อตายไปน้ำหนักของจิตวิญญาณจึงน้อยกว่าคนปกติ
จิตวิญญาณพวกนี้จึงถูกโลกดึงดูดเหนี่ยวรั้งไว้ได้น้อย
ทำให้พวกเขาต้อง “หลุดลอย” ไปติดค้างกันอยู่บนนั้น
ไปเสพสุขเสพกิเลสในวิมานสวรรค์มายาที่เนรมิตกันขึ้น
จะลอยสูงขึ้นไปกว่านั้นอีกก็ไม่ได้จะกลับลงมาก็ไม่ได้
ต้องเป็นดั่งว่าวที่ขาดลอยไปติดค้างบนยอดไม้นั่นเอง
 
การที่จิตวิญญาณลอยไปติดค้างอยู่บนนั้นนี่แหละ
คือการที่จิตวิญญาณหายไปจากโลกไม่กลับมาเกิดอีก
เพราะถูกพวกผีโสโครกจูงจิตหยาบให้หลงเชื่อตาม
จึงทำให้จิตวิญญาณของคนชอบธรรมป่วยด้วยหลงมิติ
ยอมเชื่อสนิทใจกันว่าพวกตนนั้นเข้าถึงนิพพานแล้ว
จนพระพุทธองค์ต้องทรงตรัสความจริงให้ฉุกคิดกันว่า
การตายแล้วหายตัวไปแบบนี้มิใช่นิพพานที่แท้จริงเลย
แต่เป็นการนิพพานแบบตาลยอดด้วนเพราะหายไปดื้อๆ
 
จนภายหลังคนนำทางตาบอดพวกกรรมกรของมาร
ก็พากันมาแก้ต่างว่าจิตวิญญาณที่อ้างว่านิพพานแล้วนั้น
เป็นจิตวิญญาณของพระโพธิสัตว์ที่อยู่บนสวรรค์ชั้นต่างๆ
เพื่อรอโอกาสที่จะกลับมาเกิดเป็นพระพุทธเจ้าอีกด้วย
มิใช่นิพพานแบบตาลยอดด้วนคือหายตัวไปเฉยๆ
ตามที่พระพุทธองค์ทรงตรัสเปรียบเปรยเอาไว้นั้นนะคุณ
ผู้ไม่ฉลาดใช้ปัญญาที่จิตมีกิเลสแฝงก็ยังเชื่อตามกันอยู่
สมแล้วที่พระเยซูเรียกมารจอมหลอกพวกนี้ว่าผีโสโครก
 
(ยังมีตอนต่อไป)
 
เอเมน สาธุ
ถ่ายทอดคลื่นความคิดจากองค์จิตจักรวาล
โดย #ปัญญาวิสุทธิ์
14/11/2566