#คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล
(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
พวกมารที่เป็นจิตวิญญาณของผีโสโครกอดีตคนยักษ์
ได้ใช้วานคนนำทางทุกศาสนาให้ทำหน้าที่เป็นกรรมกร
เพื่อล่าสาวกโดยหลอกลวงชาวโลกให้หลงเชื่อตาม
หลอกลวงให้หลงผิดคิดตามทำตามในสิ่งที่ไม่ถูกตรง
ด้วยการนำความจริงมาบิดเบือน 5 วิธีด้วยกัน คือ
1.ทำให้กลัว
2.ยั่วให้อยาก
3.ฝากให้ทึ่ง
4.ดึงให้เขว
5.เฉไฉบิดเบือน
ทั้ง 5 วิธีดังกล่าวเหล่านี้
เราได้กล่าวลงลึกในรายละเอียดไว้ในบทเรียนที่ผ่านมา
จนครบถ้วนกระบวนความอย่างเรียบร้อยจนหมดสิ้นแล้ว
เพราะพวกผีโสโครกชอบหลอกลวงให้มนุษย์ใฝ่ต่ำ
เพื่อลดทอนอำนาจของมนุษย์โลกให้ต่ำกว่าพวกตน
ในอันที่จะยังผลให้พวกตนมีอำนาจเหนือนำมนุษย์ได้
#ตัวอย่างเช่น
หลอกให้หลงทางนิพพานโดยชักพาให้
จิตวิญญาณของคนชอบธรรมลอยไปค้างบนสวรรค์มายา
เพื่อให้ทำหน้าที่เป็นดั่งแผงโซลาร์เซลล์รับแสงอาทิตย์
ช่วยผลิตพลังงานแสงในรูปของคลื่นไฟฟ้าแม่เหล็ก
ให้จิตวิญญาณพวกตน “คอยดักลักดูด” เอาตามใจชอบ
เพื่อเติมเต็มพลังทางจิตวิญญาณที่ตกชั้นจาก 6D สู่ 5D
ที่นับวันจะตกต่ำลงเรื่อยๆจนแทบฉุดรั้งไม่อยู่แล้ว
วิธีผลิตพลังงานแสงที่คนชอบธรรมถูกสอนให้ทำก็คือ
การถูกลวงให้ปลีกวิเวกโดยละทิ้งครอบครัวหนีสังคม
เข้าป่าเข้าถ้ำเพื่อปฏิบัติทำกันอยู่ตามลำพังคนเดียว
แล้วให้ฝึกปฏิบัติเท็กนิคสมาธิหรือ “สมถะกรรมฐาน”
พร้อมกับการชวนให้แผ่เมตตาต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย
ซึ่งหมายรวมเอา “จิตวิญญาณผีโสโครก” เข้าไว้ด้วย
เพราะจิตที่เป็นสมถะจะเป็นจิตที่ทรงพลังอำนาจฤทธิ์
ที่ผลิตพลังงานแสงคือพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กได้มาก
ทำให้การคอยลักดักดูดของพวกตนคุ้มค่าคุ้มเวลา
เมื่อคนชอบทำพากันเข้าใจผิดโดยคิดเข้าใจว่า
สมถะกรรมฐานซึ่งเป็นเท็กนิคสมาธิดังกล่าวมานี้
เป็นรูปแบบหลักที่คนชอบธรรมทุกคนต้องถือปฏิบัติ
คนส่วนใหญ่จึงนิยมปฏิบัติตามกันมาอย่างมากมาย
คนนำทางตาบอดจึงขยายสำนักเผยแพร่กันยกใหญ่
มนุษย์จึงพากันปฏิบัติตามความต้องการของมาร
โดยละทิ้งความต้องการทางจิตวิญญาณของตนไป
จนไม่สนใจว่าพระศาสดาตรัสรู้เรื่องอะไรไว้
ไม่สนใจว่าทรงเทศนาสอนให้มนุษย์ทำอะไรบ้าง
ไม่สนใจว่าหน้าที่ของมนุษย์ต้องทำอะไรเพื่อใคร
ที่สนใจกันอยู่เพียงแค่ไม่กี่เรื่องเท่านั้นเองก็คือ
1.ตนจะนั่งกรรมฐานให้เก่งๆยิ่งขึ้นได้อย่างไร
2.ตนจะมีฤทธิ์อภิญญาด้วยคุณวิเศษแบบไหนบ้าง
3.ตายไปแล้วตนจะได้ขึ้นสวรรค์ชั้นไหนอย่างไร
4.สะสมบุญเบื้องล่างเพื่อไปสร้างวิมานไว้เบื้องบน
5.ทำยังไงก็ได้เพื่อจะไม่ต้องกลับมาเกิดบนโลกอีก
จึงถูกหลอกให้เป็นคน #บ้าบุญ จนขึ้นสมอง
ถูกหลอกให้ #ขอส่วนบุญ จากกรรมดีที่ตนทำเอง
โดยไม่รู้ว่าใครทำดีต้องได้ดีจากผลที่ทำนั้นอยู่แล้ว
จะร้องขอผลดีจากกรรมดีที่ตนทำเองนั้นไปทำไม
ไม่รู้ว่าตนมาเกิดนั้นมีหน้าที่ต้องทำเพื่อโลกและผู้อื่น
ไม่รู้ว่าการปฏิบัติธรรมคือการปฏิบัติตนตามธรรมชาติ
ซึ่งหาดูหาเรียนรู้ต้นแบบได้จากธรรมชาติแวดล้อม
ที่พระเจ้าทรงสร้างขึ้นโดยแฝงสัจธรรมเอาไว้ให้แล้ว
เรื่องพิธีกรรมเรื่องของการทำบุญเรื่องการสวดมนต์
ล้วนเป็นกิริยาวัตถุที่ถูกกำหนดขึ้นมาใช้ปฏิบัติเท่านั้น
คนชอบธรรมที่แท้จริงจะต้องปฏิบัติที่จิตต้องบวชที่จิต
โดยจิตเป็นนายกายเป็นบ่าวตามที่พระศาสดาตรัสไว้
จึงไม่ควรยึดติดในรูปแบบมายาทางกายภาพภายนอก
ต้องหมุนธรรมจักรในตนเองเพื่อคนสองมิติให้เข้ากัน
สู่การเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์และสมดุลด้วย #รักเพื่อให้
โดยทำให้อายตนะคือหูตาปากเปิดกว้างมิใช่ปิดมันไว้
แล้วอ้างเอาความพิการนั้นเป็นวิธีการปฏิบัติธรรมดื้อๆ
พวกคุณจึงต้องรู้ว่า
แท้จริงแล้วหน้าที่หลักพวกคุณก็คือ #หมุนธรรมจักร
ต้องหมุนด้วยรักเพื่อให้มิใช่รักเพื่อเอาที่เป็นความใคร่
โดยต้องสอบผ่านบททดสอบที่คนรอบข้างยื่นมาให้
ทั้งกายกรรมวจีกรรมที่ไม่ถูกต้องไม่เหมาะสมไม่ดีงาม
จะด้วยความประมาทขาดสติหรือสันดานที่ไม่ดีก็ตาม
คุณก็จะต้องสอบให้ผ่านด้วยการรักให้ได้อภัยให้เป็น
โดยต้องไม่ต่อสู้ไม่ตอบโต้ไม่ต่อต้านและไม่หลีกเลี่ยง
คุณต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับยอมรักและยอมร่วมมือให้ได้
ในความต่างทางความคิดความต้องการและการกระทำ
เมื่อคุณรักเขาได้ด้วยการหมุนธรรมจักรเป็นผลสำเร็จ
โดยแสดงพฤติกรรมออกมาทางกายและหรือทางวาจา
พฤติกรรมที่คุณแสดงออกมาก็จะเป็นเงื่อนไขด้านบวก
ช่วยกระตุ้นขันธ์ห้าในจิตหยาบของเขาผ่านทางอายตนะ
เพื่อให้เขาสั่นสะเทือนจิตสามนึกหรือจิตหยาบด้านบวก
ให้หมุนธรรมจักรตามคุณไปด้วยในเวลาเดียวกันนั่นเอง
กระบวนการที่คุณเป็นคนเริ่มต้นหมุนธรรมจักร
แล้วเป็นเงื่อนไขด้านบวกให้คนอื่นๆหมุนธรรมจักรตาม
จึงเป็นการหมุนธรรมจักรร่วมกันอย่างต่อเนื่องโดยแท้
หากตราบใดที่คุณยังหมุนธรรมจักรในตนเองได้อยู่
คนรอบข้างก็จะยังหมุนธรรมจักรร่วมกันกับคุณต่อเนื่อง
นี่เป็นความแยบยลปนมหัศจรรย์ในมิติของจิตวิญญาณ
ที่พระเจ้าทรงออกแบบเอาไว้ให้บุตรมนุษย์ร่วมกันทำ
ซึ่งพระพุทธองค์ตรัสรู้ไว้ในเรื่องธรรมจักรกัปปวัตนสูตร
ที่ถูกพวกมารหรือผีโสโครกบิดเบือนปิดบังไว้นั่นแหละ
ดังนั้น
หน้าที่หลักสำหรับมนุษย์ไม่ว่าชาติศาสนาไหนเผ่าใด
ในการประพฤติปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวันของทุกคน
จะมีหลักๆอยู่ 2 ประการเท่านั้นเอง คือ
ประการแรก
#จะปฏิบัติตนอย่างไรจึงจะรักคนที่ทำตนไม่น่ารักได้
จะให้อภัยแก่คนที่ทำตนไม่น่าให้อภัยได้อย่างไร
ประการที่สอง
#จะปฏิบัติตนอย่างไรจึงจะทำให้คนอื่นรักคุณ
จะทำตนอย่างไรที่จะทำให้คนอื่นเขาให้อภัยคุณ
การปฏิบัติทำในสองประการที่กล่าวนี้
เป็นเรื่องของการหมุนธรรมจักรร่วมกันของมนุษย์
ที่ตอบโจทย์เรื่อง #เมตตาธรรมค้ำจุนโลก ได้ชัดตรง
สวดมนต์ไม่เป็นไม่รู้เรื่องพิธีกรรมไม่รู้เรื่องไสยเวทย์
ก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติธรรมได้อย่างเต็มคำแล้ว
เอเมน สาธุ
ถ่ายทอดคลื่นความคิดจากองค์จิตจักรวาล
โดย #ปัญญาวิสุทธิ์
2/11/2566
(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
พวกมารที่เป็นจิตวิญญาณของผีโสโครกอดีตคนยักษ์
ได้ใช้วานคนนำทางทุกศาสนาให้ทำหน้าที่เป็นกรรมกร
เพื่อล่าสาวกโดยหลอกลวงชาวโลกให้หลงเชื่อตาม
หลอกลวงให้หลงผิดคิดตามทำตามในสิ่งที่ไม่ถูกตรง
ด้วยการนำความจริงมาบิดเบือน 5 วิธีด้วยกัน คือ
1.ทำให้กลัว
2.ยั่วให้อยาก
3.ฝากให้ทึ่ง
4.ดึงให้เขว
5.เฉไฉบิดเบือน
ทั้ง 5 วิธีดังกล่าวเหล่านี้
เราได้กล่าวลงลึกในรายละเอียดไว้ในบทเรียนที่ผ่านมา
จนครบถ้วนกระบวนความอย่างเรียบร้อยจนหมดสิ้นแล้ว
เพราะพวกผีโสโครกชอบหลอกลวงให้มนุษย์ใฝ่ต่ำ
เพื่อลดทอนอำนาจของมนุษย์โลกให้ต่ำกว่าพวกตน
ในอันที่จะยังผลให้พวกตนมีอำนาจเหนือนำมนุษย์ได้
#ตัวอย่างเช่น
หลอกให้หลงทางนิพพานโดยชักพาให้
จิตวิญญาณของคนชอบธรรมลอยไปค้างบนสวรรค์มายา
เพื่อให้ทำหน้าที่เป็นดั่งแผงโซลาร์เซลล์รับแสงอาทิตย์
ช่วยผลิตพลังงานแสงในรูปของคลื่นไฟฟ้าแม่เหล็ก
ให้จิตวิญญาณพวกตน “คอยดักลักดูด” เอาตามใจชอบ
เพื่อเติมเต็มพลังทางจิตวิญญาณที่ตกชั้นจาก 6D สู่ 5D
วิธีผลิตพลังงานแสงที่คนชอบธรรมถูกสอนให้ทำก็คือ
การถูกลวงให้ปลีกวิเวกโดยละทิ้งครอบครัวหนีสังคม
เข้าป่าเข้าถ้ำเพื่อปฏิบัติทำกันอยู่ตามลำพังคนเดียว
แล้วให้ฝึกปฏิบัติเท็กนิคสมาธิหรือ “สมถะกรรมฐาน”
พร้อมกับการชวนให้แผ่เมตตาต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย
ซึ่งหมายรวมเอา “จิตวิญญาณผีโสโครก” เข้าไว้ด้วย
เพราะจิตที่เป็นสมถะจะเป็นจิตที่ทรงพลังอำนาจฤทธิ์
ที่ผลิตพลังงานแสงคือพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กได้มาก
ทำให้การคอยลักดักดูดของพวกตนคุ้มค่าคุ้มเวลา
เมื่อคนชอบทำพากันเข้าใจผิดโดยคิดเข้าใจว่า
สมถะกรรมฐานซึ่งเป็นเท็กนิคสมาธิดังกล่าวมานี้
เป็นรูปแบบหลักที่คนชอบธรรมทุกคนต้องถือปฏิบัติ
คนส่วนใหญ่จึงนิยมปฏิบัติตามกันมาอย่างมากมาย
คนนำทางตาบอดจึงขยายสำนักเผยแพร่กันยกใหญ่
มนุษย์จึงพากันปฏิบัติตามความต้องการของมาร
โดยละทิ้งความต้องการทางจิตวิญญาณของตนไป
จนไม่สนใจว่าพระศาสดาตรัสรู้เรื่องอะไรไว้
ไม่สนใจว่าทรงเทศนาสอนให้มนุษย์ทำอะไรบ้าง
ไม่สนใจว่าหน้าที่ของมนุษย์ต้องทำอะไรเพื่อใคร
ที่สนใจกันอยู่เพียงแค่ไม่กี่เรื่องเท่านั้นเองก็คือ
1.ตนจะนั่งกรรมฐานให้เก่งๆยิ่งขึ้นได้อย่างไร
2.ตนจะมีฤทธิ์อภิญญาด้วยคุณวิเศษแบบไหนบ้าง
3.ตายไปแล้วตนจะได้ขึ้นสวรรค์ชั้นไหนอย่างไร
4.สะสมบุญเบื้องล่างเพื่อไปสร้างวิมานไว้เบื้องบน
5.ทำยังไงก็ได้เพื่อจะไม่ต้องกลับมาเกิดบนโลกอีก
จึงถูกหลอกให้เป็นคน #บ้าบุญ จนขึ้นสมอง
ถูกหลอกให้ #ขอส่วนบุญ จากกรรมดีที่ตนทำเอง
โดยไม่รู้ว่าใครทำดีต้องได้ดีจากผลที่ทำนั้นอยู่แล้ว
จะร้องขอผลดีจากกรรมดีที่ตนทำเองนั้นไปทำไม
ไม่รู้ว่าตนมาเกิดนั้นมีหน้าที่ต้องทำเพื่อโลกและผู้อื่น
ไม่รู้ว่าการปฏิบัติธรรมคือการปฏิบัติตนตามธรรมชาติ
ซึ่งหาดูหาเรียนรู้ต้นแบบได้จากธรรมชาติแวดล้อม
ที่พระเจ้าทรงสร้างขึ้นโดยแฝงสัจธรรมเอาไว้ให้แล้ว
เรื่องพิธีกรรมเรื่องของการทำบุญเรื่องการสวดมนต์
ล้วนเป็นกิริยาวัตถุที่ถูกกำหนดขึ้นมาใช้ปฏิบัติเท่านั้น
คนชอบธรรมที่แท้จริงจะต้องปฏิบัติที่จิตต้องบวชที่จิต
โดยจิตเป็นนายกายเป็นบ่าวตามที่พระศาสดาตรัสไว้
จึงไม่ควรยึดติดในรูปแบบมายาทางกายภาพภายนอก
ต้องหมุนธรรมจักรในตนเองเพื่อคนสองมิติให้เข้ากัน
สู่การเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์และสมดุลด้วย #รักเพื่อให้
โดยทำให้อายตนะคือหูตาปากเปิดกว้างมิใช่ปิดมันไว้
แล้วอ้างเอาความพิการนั้นเป็นวิธีการปฏิบัติธรรมดื้อๆ
พวกคุณจึงต้องรู้ว่า
แท้จริงแล้วหน้าที่หลักพวกคุณก็คือ #หมุนธรรมจักร
ต้องหมุนด้วยรักเพื่อให้มิใช่รักเพื่อเอาที่เป็นความใคร่
โดยต้องสอบผ่านบททดสอบที่คนรอบข้างยื่นมาให้
ทั้งกายกรรมวจีกรรมที่ไม่ถูกต้องไม่เหมาะสมไม่ดีงาม
จะด้วยความประมาทขาดสติหรือสันดานที่ไม่ดีก็ตาม
คุณก็จะต้องสอบให้ผ่านด้วยการรักให้ได้อภัยให้เป็น
โดยต้องไม่ต่อสู้ไม่ตอบโต้ไม่ต่อต้านและไม่หลีกเลี่ยง
คุณต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับยอมรักและยอมร่วมมือให้ได้
ในความต่างทางความคิดความต้องการและการกระทำ
เมื่อคุณรักเขาได้ด้วยการหมุนธรรมจักรเป็นผลสำเร็จ
โดยแสดงพฤติกรรมออกมาทางกายและหรือทางวาจา
พฤติกรรมที่คุณแสดงออกมาก็จะเป็นเงื่อนไขด้านบวก
ช่วยกระตุ้นขันธ์ห้าในจิตหยาบของเขาผ่านทางอายตนะ
เพื่อให้เขาสั่นสะเทือนจิตสามนึกหรือจิตหยาบด้านบวก
ให้หมุนธรรมจักรตามคุณไปด้วยในเวลาเดียวกันนั่นเอง
กระบวนการที่คุณเป็นคนเริ่มต้นหมุนธรรมจักร
แล้วเป็นเงื่อนไขด้านบวกให้คนอื่นๆหมุนธรรมจักรตาม
จึงเป็นการหมุนธรรมจักรร่วมกันอย่างต่อเนื่องโดยแท้
หากตราบใดที่คุณยังหมุนธรรมจักรในตนเองได้อยู่
คนรอบข้างก็จะยังหมุนธรรมจักรร่วมกันกับคุณต่อเนื่อง
นี่เป็นความแยบยลปนมหัศจรรย์ในมิติของจิตวิญญาณ
ที่พระเจ้าทรงออกแบบเอาไว้ให้บุตรมนุษย์ร่วมกันทำ
ซึ่งพระพุทธองค์ตรัสรู้ไว้ในเรื่องธรรมจักรกัปปวัตนสูตร
ที่ถูกพวกมารหรือผีโสโครกบิดเบือนปิดบังไว้นั่นแหละ
ดังนั้น
หน้าที่หลักสำหรับมนุษย์ไม่ว่าชาติศาสนาไหนเผ่าใด
ในการประพฤติปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวันของทุกคน
จะมีหลักๆอยู่ 2 ประการเท่านั้นเอง คือ
ประการแรก
#จะปฏิบัติตนอย่างไรจึงจะรักคนที่ทำตนไม่น่ารักได้
จะให้อภัยแก่คนที่ทำตนไม่น่าให้อภัยได้อย่างไร
ประการที่สอง
#จะปฏิบัติตนอย่างไรจึงจะทำให้คนอื่นรักคุณ
จะทำตนอย่างไรที่จะทำให้คนอื่นเขาให้อภัยคุณ
การปฏิบัติทำในสองประการที่กล่าวนี้
เป็นเรื่องของการหมุนธรรมจักรร่วมกันของมนุษย์
ที่ตอบโจทย์เรื่อง #เมตตาธรรมค้ำจุนโลก ได้ชัดตรง
สวดมนต์ไม่เป็นไม่รู้เรื่องพิธีกรรมไม่รู้เรื่องไสยเวทย์
ก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติธรรมได้อย่างเต็มคำแล้ว
เอเมน สาธุ
ถ่ายทอดคลื่นความคิดจากองค์จิตจักรวาล
โดย #ปัญญาวิสุทธิ์
2/11/2566