05 พฤศจิกายน 2566

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 5/11/2023

#คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล
(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)
 
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
 
ความลับเบื้องหลังมิติโลก
ที่เป็นอลังการณ์งานสร้างเอกภพของพระบิดานั้น
ที่แยบยลยอดเยี่ยมเกินการคิดแบบจิตมนุษย์ก็คือ
นอกจากทรงออกแบบให้กาแล็กซี่ธารสายน้ำนม
มีการเหวี่ยงหมุนรอบแกนกลางอย่างต่อเนื่องได้
โดยทรงกำหนดให้ “ดาวพลูโต” ซึ่งอยู่วงนอกสุด
เป็น #เศษส่วนของเมอริเดี้ยน ของทั้งสองระบบสุริยะ
ด้วยการทรงกำหนดให้พลูโตโคจรกลับไปกลับมา
อยู่บนปีกสองข้างของเส้นผ่านศูนย์กลางเอกภพ
คือกาแล็กซี่ธารสายน้ำนม (Milky Way) ได้ผลแล้ว
 
นอกจากนั้นยังทรงกำหนดสร้างให้มีกาแล็กซี่อื่นๆ
ที่อยู่ใกล้กันกับจุดศูนย์กลางของเอกภพอีก 5 ระบบ
แต่ละระบบก็จะมีหนึ่งระบบสุริยะติดตั้งเอาไว้ด้วย
 
ดังนั้น
กาแล็กซี่ขนาดใหญ่ๆแต่เล็กกว่ากาแล็กซี่ธารสายน้ำนม
จึงมีอยู่ด้วยกันรวมทั้งสิ้น 6 ระบบกาแล็กซี่ 7 ระบบสุริยะ
โดยระบบสุริยะทั้ง 7 นี้จะมี 6 ระบบที่มีสิ่งมีชีวิตดำรงอยู่
พวกคุณทั้งหลายจึงไม่ต้องสงสัยกันต่อไปอีกแล้วว่า
พวกสิ่งมีชีวิตในต่างดาวนั้นพวกเขามีอยู่จริงหรือไม่
พวกที่เข้ามารุกรานดาวโลกนั้นเป็นเรื่องจริงหรือลวง
 
ระบบสุริยะทั้ง 6 บน 5 กาแล็กซี่ที่อยู่ตรงกลางเอกภพ
ซึ่งบนดาวบางดวงมีรูปธรรมของสิ่งมีชีวิตดำรงอยู่ได้นั้น
มีความเหมาะสมในการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตมากกว่า
เพราะเป็นกาแล็กซี่ที่หมุนวนรอบแกนกลางของตนเอง
โดยหมุนวนอยู่บริเวณใกล้กันกับแกนกลางของเอกภพ
 
เพราะกาแล็กซี่ทั้ง 6 ระบบที่หมุนวนกันอยู่นี้เอง
จึงยังผลให้กาแล็กซี่น้อยใหญ่ที่กระจายตัวอยู่ทั่วไป
ทั้งด้านบนและด้านล่างของห้องทดลองของพระองค์
ถูกชักพาให้เหวี่ยงหมุนรอบตัวเองตามๆกันไปด้วย
ลักษณะคล้ายกับการหมุนที่เนื่องกันของจักระทั้งเจ็ด
ที่ทรงติดตั้งเอาไว้ในแนวดิ่งของกายสังขารมนุษย์
ซึ่งเป็นการจำลองภาพมาจากอนันตจักรวาลนั่นเอง
 
นอกจากนั้นที่พิเศษสุดซึ่งผู้เป็นมนุษย์จะต้องรู้ก็คือ
พระองค์ยังทรงกำหนดให้ดาวเคราะห์โลกดวงนี้
ทำหน้าที่เป็นดาวพี่ใหญ่เพื่อช่วยนำพาเหนี่ยวรั้งให้
ดาวเคราะห์อีก 8 ดวงพร้อมดวงจันทร์ของแต่ละดวง
พากันโคจรไปรอบๆดวงอาทิตย์ร่วมกันอย่างต่อเนื่อง
แต่ละดวงก็จะมีวงโคจรในแนวระนาบเป็นของตนเอง
เพื่อป้องกันมิให้มีการ “เฉี่ยวชนกัน” หรือปะทะกันขึ้น
 
เพราะทรงออกแบบเอาไว้เช่นนี้เอง
จึงต้องอนุญาตให้จิตวิญญาณพวกคุณข้ามมิติเข้ามา
เกิดเป็นคนสองมิติก่อนแล้วคนตนเองให้เป็นมนุษย์
วิธี “คน” ก็คือ #การหมุนธรรมจักร ด้วยรักเพื่อให้
โดยใช้ขันธ์ห้าทำการผลิตพลังงานสะอาดให้โลก
นำไปใช้จุดระเบิดอะตอมธาตุออกซิเจนในแกนโลก
เพื่อให้โลกเหวี่ยงหมุนรอบตัวเองอย่างต่อเนื่องได้
 
ถ้าโลกหมุนรอบตัวเองต่อเนื่องได้ด้วยความเร็วคงที่
ดาวเคราะห์โลกดวงนี้ก็จะเกิดความสมดุลอยู่ได้
เมื่อโลกสมดุลกาแล็กซี่ธารสายน้ำนมก็จะสมดุลตาม
เอกภพทั้งระบบก็จะสมดุลอยู่อย่างมั่นคงตามไปด้วย
นี่คือการออกแบบของพระผู้สร้างที่เรียกว่ามหัศจรรย์
เหนือการคิดแบบจิตมนุษย์อย่างแท้จริง
 
ดังนั้น
งานทุกอย่างจึงต้องเริ่มจากพวกคุณที่เป็นคนสองมิติ
ต้องสร้างความสมดุลในตนเองด้วยการหมุนธรรมจักร
แล้วใช้ความรักเพื่อให้หมุนธรรมจักรร่วมกันให้สำเร็จ
เพื่อผลิตสร้างพลังงานสะอาดช่วยกันค้ำจุนสมดุลโลก
โดยต้องมุ่งมั่นปฏิบัติทำร่วมกันให้สำเร็จให้จงได้
แต่โชคร้ายที่ผีโสโครกมาหลอกผ่านคนนำทางตาบอด
ปิดบังความจริงเรื่อง “ธรรมจักร” ที่พระพุทธองค์ตรัสรู้
ซึ่งบิดเบือนว่าสัจธรรมที่ตรัสรู้กลายเป็น #อริยสัจสี่ ไป
จึงทำให้มนุษย์งมงายอยู่กับการเกลียดกลัวความทุกข์
จนทิ้งหน้าที่หมุนธรรมจักรเพื่อคนตนเองให้เป็นมนุษย์
ละทิ้งการสร้างพลังร่วมเพื่อทำให้โลกหมุนจนสมดุลได้
หลายคนก็อยากตายจากโลกไปเสวยสุขบนสวรรค์มายา
จึงต่างบ้าทำบุญสุนทานเพื่อการสนองกิเลสตัวเองแทน
เพราะถูกหลอกให้เสพติดกิเลสมารจนเมามายไม่ได้สติ
ขนาดริอ่านจะทำบุญสุนทานก็ยังดันทำด้วยกิเลสอยู่เลย
 
เพราะมนุษย์ไม่รู้ความจริงว่า
จิตวิญญาณของตนเป็นใคร มาจากไหน ใครให้มา
จิตวิญญาณมาเกิดเป็นมนุษย์มีหน้าที่ทำสิ่งใดบ้าง
จิตวิญญาณที่มาเกิดเป็นมนุษย์มีเงื่อนไขอะไรบ้าง
ถ้าไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขนั้นมันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
 
บางคนอาจรู้คำตอบในบางข้อแต่ก็บางเสี้ยวส่วน
โดยรู้ตามคำสอนของพระศาสดาแต่ละพระองค์ว่า
มนุษย์ทุกคนจะต้องรักกันจะต้องมีเมตตาปราณีต่อกัน
แต่ถูกหลอกให้รักกันโดยมีกิเลสแอบแฝงอยู่ทุกคน
 
ความรักที่แฝงด้วยกิเลสคือ #รักเพื่อเอา มิใช่รักแท้
ความรักที่แฝงด้วยกิเลสคือ #รักอย่างมีเงื่อนไข
ความรักอย่างมีเงื่อนไขคือ #รักที่ต้องการสิ่งตอบแทน
 
ความรักในลักษณะเหล่านี้
จะสั่นสะเทือนขันธ์ห้าให้ผลิตพลังงานจิตที่ไม่สะอาด
เป็นพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กที่อยู่ในรูป #พลังงานกรรม
มิใช่พลังงานแบบที่โลกต้องการใช้ค้ำจุนความสมดุล
เพราะพลังงานกรรมเป็นพลังงานส่วนตัวที่มีเจ้าของ
ใครก่อกรรมนั้นขึ้นมาใครคนนั้นต้อง “กำ” มันเอาไว้
หมายความว่าใครเป็นผู้ก่อกรรมนั้นก็ต้องรับผิดชอบมัน
จะให้ผู้อื่นคนอื่นมาช่วยกำหรือ #รับกรรม นั้นแทนมิได้
 
การทำดีหรือทำบุญแล้วอธิษฐานขอให้ตนเอง
หรืออุทิศให้คนอื่นทั้งหมดหรือแบ่งปันบางส่วนให้ใคร
พลังงานกรรมนั้นก็ไม่สะอาดเพราะไม่เป็นสาธารณะแล้ว
ยิ่งทำบุญเบื้องล่างเอาไปสร้างสวรรค์มายาเบื้องบน
ตามที่ผีโสโครกหลอกลวงผ่านคนนำทางตาบอดไว้
ก็ยิ่งพาให้ภพภูมิที่มีอยู่จริงตามที่พระเจ้าทรงสร้างไว้
คือมีแต่สวรรค์นิรันดรกับภพภูมิโลกเสรีนี้และแดนนรก
เกิดมีสวรรค์มายาที่พระองค์มิได้สร้างขึ้นมาแทรกด้วย
โดยมนุษย์ไม่รู้ว่าความเชื่อความอยากของจิตหยาบ
มันสามารถสั่นสะเทือนจิตใต้สามนึกของจิตวิญญาณ
ให้ปฏิบัติการ #เนรมิต สิ่งที่จิตหยาบฝันขึ้นมาเองได้
 
ถ้ายังไม่ตายการคิดฝันของจิตก็เรียกว่า #จินตนาการ
มันจะเกิดเป็นภาพขึ้นในมโนคติได้อย่างเป็นตุเป็นตะ
ถ้าจินตนาการสะเปะสะปะลมๆแล้งๆเรียกว่า #เพ้อฝัน
เมื่อตายแล้วเหลือแต่จิตวิญญาณก็เรียกว่า #เนรมิต
 
ทั้งจินตนาการแบบเพ้อฝันของจิตหยาบขณะยังไม่ตาย
กับการเนรมิตสิ่งที่ใฝ่ฝันด้วยจิตวิญญาณเมื่อตายแล้ว
โดยอาศัยความเชื่อบวกความอยากหรือความใฝ่ฝันนั้น
สรรสร้างมันขึ้นมาในความว่างเปล่าเพื่อหลอกตัวเอง
จนยังผลให้สิ่งที่ไม่มีจริงกลับกลายเป็นสิ่งที่มีขึ้นมาได้
สวรรค์มายาที่จิตวิญญาณผู้หลงมิติสร้างมันขึ้นมานั้น
เกิดขึ้นมาได้ด้วยการหลอกตัวเองเนรมิตเองกันแบบนี้
 
ดังนั้น
ถ้าพวกคุณที่เป็นมนุษย์โลก
สามารถหมุนธรรมจักรร่วมกันด้วยความรักเพื่อให้ได้
มันจะยังผลให้ระบบโลกเกิดความสมดุลอย่างมั่นคง
ซึ่งจะส่งผลถึงเส้นผ่านศูนย์กลางของเอกภพ
มีความสมดุลอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนตามไปด้วย
ในที่สุด “เอกภพ” ที่เป็นระบบใหญ่จะดำรงรูปธรรมได้
อย่างมั่นคงและยาวนานตราบกาลนิรันดร์เลยทีเดียว
นี่คือหน้าที่ของจิตหยาบที่ต้องทำแทนจิตวิญญาณ
ต้องทำเพื่อตนเองเพื่อนมนุษย์และทำเพื่อโลกของตน
ต้องทำเพื่อให้มิใช่ทำเพื่อเอาประโยชน์ส่วนตน
 
การให้ที่บริสุทธิ์นั้นไม่ต้องมีการ “อุทิศ” ไม่ต้องขอ
พ่อแม่ลูกที่สั่นสะเทือนจิตหยาบด้วยความรักบริสุทธิ์
โดยรักกันเมื่ออยู่ด้วยกันเมื่อทำบุญสุนทานก็ทำเพื่อให้
เป็นการให้อย่างมีจิตปีติสุขหรือยินดีที่ได้ให้เมื่อได้ทำ
พระบิดาแห่งจิตวิญญาณทรงออกแบบเอาไว้ให้แล้วว่า
จิตวิญญาณพวกคุณพ่อแม่ลูกจะสั่นสะเทือนถึงกันได้
เพราะมีความคล้ายคลึงกันด้านบุคลิกกันอยู่แล้ว
เพราะว่าเมอร์คขะบาห์หรือพลังจิตใต้สามนึกของคุณ
มีพลังอำนาจที่ใกล้เคียงกันคล้ายกันหรือเท่ากัน
จึงสามารถรับรู้แรงสั่นสะเทือนตามกันได้โดยง่าย
 
พ่อแม่ลูกทั้งสามรูปธรรม
ถ้าใครคนใดคนหนึ่งหมุนธรรมจักรหรือกรรมจักร
มันจะยังผลให้รูปธรรมอื่นๆในพ่อแม่ลูกนั้นสั่นตาม
พวกคุณจึงต้องระวังเวรที่ทำกรรมที่ก่อไว้ให้ดี
เพราะอาจบางที่พ่อแม่ก่อกรรมดีหรือชั่วนั้นขึ้นมา
อีกสองรูปธรรมที่เหลือที่ไม่ได้ก่อไม่ได้ทำกรรมนั้น
จะต้องพลอยรับผลกรรมที่พ่อแม่ก่อขึ้นมานั้นก็ได้
 
#ถ้าพ่อทำกรรมดีหรือกรรมชั่ว
ฝ่ายแม่และลูกๆจักต้องรับผลกรรมดีๆชั่วๆนั้นด้วย
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ก่อกรรมทำเองก็ตาม
 
#ถ้าแม่ทำกรรมดีหรือกรรมชั่ว
ฝ่ายพ่อและลูกๆจักต้องรับผลกรรมดีๆชั่วๆนั้นด้วย
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ก่อกรรมทำเองก็ตาม
 
#ถ้าลูกๆทำกรรมดีหรือกรรมชั่ว
ฝ่ายพ่อและแม่จักต้องรับผลกรรมดีๆชั่วๆนั้นด้วย
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ก่อกรรมทำเองก็ตาม
 
คุณเคยได้ยินคำว่า
#ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นกันมาบ้างไหมล่ะ?
 
เอเมน สาธุ
ถ่ายทอดคลื่นความคิดจากองค์จิตจักรวาล
โดย #ปัญญาวิสุทธิ์
5/11/2566