#คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล
(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ทำไมคนสมัยโบราณจึงกล่าวถึงพระเยซูเจ้าว่า
พระองค์ท่านทรงเป็น #คนดูแลฝูงแกะของพระเจ้า
ต่อไปนี้เราจะกล่าวโดยแยกออกเป็น 3
ส่วนคือ
#พระเจ้าหมายถึงใคร?
#ฝูงแกะหมายถึงอะไร?
#คนดูแลหมายถึงเป็นผู้ทำหน้าที่อะไร?
คำว่า “พระเจ้า” หมายถึงใคร?
1.#องค์จิตจักรวาล
ผู้ทรงเป็นจุดศูนย์กลางของสนามพลังงานจักรวาล
เป็นผู้ที่อุบัติขึ้นมาด้วยพระองค์เองไม่มีผู้ใดสร้าง
ทรงอุบัติขึ้นมาจากแก่นแท้ของอนุภาคของความว่าง
ที่หมุนวนรอบจุดศูนย์กลางอย่างต่อเนื่องมายาวนาน
ซึ่งเดิมเป็นสนามพลังงานที่มีคุณสมบัติเป็น #อนัตตา
จนเกิดความสมดุลเป็นรูปธรรมที่มีอัตตาตัวตนขึ้นมา
เพราะการ “บีบอัด” ของสรรพสิ่งที่เป็นอนัตตานั้น
#แก่นแท้ของอนุภาคของความว่าง
หมายถึงสิ่งนั้นแม้จะเป็นความว่างคือมีแต่เหมือนไม่มี
แต่ความว่างนั้นก็จะมีแก่นแท้ของความว่างเป็นอัตตาอยู่
เมื่อแก่นแท้ของความว่างหรือความไม่มีตัวตนดังกล่าว
เกิดการบีบอัดรัดแน่นอันเกิดจากการเหวี่ยงหมุนต่อเนื่อง
โดยหมุนไปรอบจุดศูนย์กลางของการหมุนจุดเดียวกัน
จึงยังผลให้แก่นแท้ของความว่างที่มีอัตตาอยู่รวมตัวกัน
เกิดเป็นสนามพลังงานขนาดใหญ่ที่หมุนวนตลอดเวลา
ซึ่งสนามพลังงานที่อุบัติขึ้นนี้ #มีคุณสมบัติเป็นอนัตตา
แต่ก็มีอัตตาตัวตนเป็นรูปทรงเรขาคณิต
12 เหลี่ยมมุม
จำนวน 12
เหลี่ยมมุมของสนามพลังงานขนาดใหญ่นี้
เกิดจากการที่อนุภาคของแก่นแท้ของความว่าง
ถูกเหวี่ยงไปกระแทกกับเส้นรอบวงของการหมุนวนนั้น
ทำให้เกิดการกระดอนกลับไปกลับมาจนนับครั้งได้
เป็นจำนวนสูงที่สุดคือนับได้ถึง 12 ครั้ง ต่อรอบ
จำนวนครั้งที่กระดอนกลับไปกลับมานี้จะมากหรือน้อย
ก็ขึ้นกับอัตราความเร็วของการเหวี่ยงหมุนเป็นสำคัญ
ซึ่งเป็นทิศทางในลักษณะของดาว 12 แฉก นั่นเอง
ตัวอย่างเช่น
จิตวิญญาณของมนุษย์ก็เป็นรูปธรรมทางพลังงาน
ซึ่งเป็นตัวตนแก่นแท้อยู่ในเครื่องยนต์แห่งกรรมมนุษย์
จะมีรูปทรงเรขาคณิตเพียงแค่ 6 เหลี่ยมมุมเท่านั้นเอง
เพราะเหวี่ยงหมุนรอบตัวเองช้ากว่า 12 เหลี่ยมมุม
โดยจิตวิญญาณจะเป็นดาวหกแฉกในวงกลมเดียวกัน
อันเป็นที่มาของโลกต้องหมุน 24 ชม.ต่อรอบนั่นแหละ
หากจะอธิบายให้เห็นเป็นภาพง่ายๆก็คือ
ดาวสิบสองแฉกที่ว่านี้จะอยู่ในวงกลมวงเดียวกัน
แต่ละมุมของดาวจะอยู่บนเส้นรอบวงของวงกลม
ที่เป็นวงเดียวกันนั้นครบถ้วนทั้ง 12 มุม
รูปธรรมแรกที่อุบัติขึ้นนี้จึงเป็นรูปธรรมที่สมดุลสูงสุด
ในประดารูปธรรมทางพลังงานทั้งหมดเพียงสิ่งเดียว
มนุษย์พึงถวายพระนามแก่รูปธรรมนี้ว่า #จิตจักรวาล
เพราะทรงเป็นรูปธรรมแรกและเป็นรูปธรรมเดียว
ที่เป็นจุดศูนย์กลางของการเหวี่ยงหมุนของจักรวาล
2.#พระผู้ให้กำเนิดทุกสรรพสิ่งหรือพระผู้สร้าง
หลังจากที่ทรงอุบัติขึ้นมาด้วยพระองค์เองแล้ว
พระองค์ก็ได้ทรงกำหนดสร้าง #จิตจักรวาลดวงเล็ก
ซึ่งเป็นรูปธรรมทางพลังงาน
11 เหลี่ยมมุมขึ้นมา
ให้มีคุณสมบัติทุกสิ่งอย่างเช่นเดียวกันกับพระองค์
เพียงแต่มีจำนวนเหลี่ยมมุมน้อยกว่าหนึ่งมุมเท่านั้น
รูปธรรมที่ทรงสร้างขึ้นมานี้จึงหมุนรอบตัวเองช้ากว่า
เป็นแค่ดาว 11 แฉกภายในวงกลมวงเดียวกันเท่านั้น
โดยจิตจักรวาลดวงเล็กนี้พระเยซูเรียกว่า #พระบุตร
แสดงว่า “พระเจ้า” หรือองค์จิตจักรวาลดวงใหญ่
เป็นพระผู้สร้างประดา “พระบุตร” ทั้งหลายขึ้นไว้
โดยสร้างไว้บนสนามพลังงานของพระองค์นั่นเอง
ถ้าจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดๆแล้วอาจกล่าวว่า
พระบุตรทุกรูปธรรมนับจำนวนไม่ถ้วนที่ทรงสร้างขึ้น
ล้วนดำรงอยู่บนพระอุระของพระองค์ทั้งสิ้น
ซึ่งตัวตนของพระองค์ก็คือจุดศูนย์กลางของจักรวาล
อันเป็นที่มาของพระนามที่เรากล่าวว่า “จิตจักรวาล”
ต่อมาพระองค์ก็ทรงสร้างห้องทดลองขึ้นมา
โดยจัดวางไว้บนพระอุระของพระองค์อีกเช่นกัน
มนุษย์เรียกห้องทดลองของพระองค์นี้ว่า #เอกภพ
เพื่อใช้ทำการทดลองว่าพระองค์จะทรงทำอะไรได้บ้าง
จนมีอนันตจักรวาลคือ 12,500
ล้านกาแล็กซี่อยู่ในนี้
มีจักรวาลมากจนต้องรวมเรียกว่า “อนันตจักรวาล”
มีสิ่งมีชีวิตแบบต่างๆที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ
รวมทั้งรูปธรรมมนุษย์ชายหญิงและสัตว์ประจำโลก
ที่ทรงสร้างไว้ในเอกภพอันไพศาลแต่เป็นหนึ่งเดียวกัน
โดยมีจิตวิญญาณหรือ #พระจิต แบ่งภาคจากพระบุตร
แล้วข้ามมิติเข้ามาเกิดเป็นตัวตนแก่นแท้ของสิ่งมีชีวิต
ทั้งที่เป็นสัตว์ประจำโลกและที่มาเกิดเป็นมนุษย์ด้วย
เพื่ออาสาเข้ามาทำหน้าที่ตามที่ทรงกำหนดไว้แล้ว
พระองค์จึงทรงเป็น #พระบิดาแห่งจิตวิญญาณ ด้วย
คำว่า #ฝูงแกะหมายถึงอะไร?
คำว่า “ฝูงแกะ” หมายถึง #จิตวิญญาณ หรือพระจิต
ซึ่งแบ่งภาคมาจากพระบุตรหรือจิตจักรวาลดวงเล็กนั้น
เพื่อรับโอกาสจาก “พระเจ้า” ให้เข้ามาเกิดในระบบโลก
ให้นำความรักบริสุทธิ์จากพระองค์มาช่วยกันค้ำจุนโลก
โดยทำหน้าที่เป็นตัวแทนผลิตสร้างพลังงานความรัก
เพื่อช่วยให้โลกหมุนในพระนามของพระองค์ให้จงได้
โดยที่พระองค์มิต้องลงพระหัตถ์เอง
เพราะพระองค์ทรงออกแบบกำหนดสร้างเอกภพขึ้น
โดยกำหนดให้โลกเป็นเสมือนจุดศูนย์กลางของเอกภพ
โลกจึงมีหน้าที่ค้ำจุนความสมดุลของเอกภพเอาไว้ด้วย
ถ้าจุดศูนย์กลางของวงกลมวงนั้นอยู่กับที่ไม่โยกย้าย
เส้นรอบวงของวงกลมวงนั้นก็จะไม่บิดเบี้ยวโย้ไปโย้มา
วงกลมวงนั้นก็จะรักษาความสมดุลเอาไว้ได้ตลอดไป
หมายถึงวงกลมวงนั้นจะไม่เกิดการเสียสมดุลไปนั่นเอง
โลกที่พวกคุณและสิ่งมีชีวิตทั้งหลายดำรงอยู่ก็เช่นกัน
ถ้าพวกคุณช่วยกันใช้ความรักของพระเจ้าที่คุณสร้างได้
ทำให้โลกนี้เหวี่ยงหมุนรอบตัวเองด้วยอัตราเร็วคงที่ได้
จะยังผลให้ทุกสิ่งในระบบโลกเกิดความสมดุลได้ตลอด
เหมือนกับลูกข่างเด็กเล่นจะหมุนตั้งอยู่บนแกนได้เสมอ
ตราบใดที่มันยังมีแรงเหวี่ยงหมุนรอบตัวเองอยู่ต่อเนื่อง
โดยมันจะแกว่งส่ายจนล้มลงเมื่อหมดแรงเหวี่ยงหมุน
ซึ่งเป็นอาการ #เสียสมดุล ของลูกข่างนั้นนั่นเอง
เนื่องจากความจริงนี้เป็น #อนุตรธรรม
ที่จิตวิญญาณของพวกคุณกับพระบิดาหรือพระเจ้าทรงรู้
แต่ “จิตหยาบ” หรือ จิตมนุษย์ซึ่งเป็นจิตปัจจุบันไม่รู้
ทำให้การมาเกิดเป็น “คนสองมิติ” ของประดาจิตวิญญาณ
ไม่มีผู้ใดเข้าถึงความจริงอันเป็นความรู้นี้ด้วยตนเองได้
พระองค์จึงทรงอนุญาตให้พระศาสดามาประกาศให้รู้ว่า
พวกคุณมีหน้าที่ต้องคนตนเองให้เป็นมนุษย์ให้สำเร็จ
นั่นคือ #หมุนธรรมจักรในตนเอง และต้องหมุนร่วมกัน
จิตหยาบก็จะสั่นสะเทือนขันธ์ห้าด้วยความรักขึ้นมาได้
จึงจะมอบความรักสร้างสมดุลโลกได้ตามพระประสงค์
แต่มนุษย์ก็ถูกมารร้ายพวกผีโสโครกหลอกลวงบิดเบือน
ทำให้คนชอบธรรมหลงทางไปเป็นคนชอบ “ทำ” แทน
เราจึงต้องกลับมาก่อนกำหนดเพื่อทำตามที่สัญญาไว้
เพราะได้เวลาที่จิตวิญญาณพวกคุณต้องกลับบ้านแล้ว
ดังนั้น
เมื่อจิตหยาบของพวกคุณที่เป็นชาวโลกทั้งหลาย
ผู้ขันอาสาเข้ามาทำหน้าที่ในพระนามของพระเจ้า
แต่ไม่สามารถทำหน้าที่ของตนเองตามที่อาสามาได้
เพราะไม่รู้อนุตรธรรมและไม่เข้าถึงโลกุตรธรรม
อันเกิดจากการไม่เข้าใจในโลกียะธรรมขั้นพื้นฐาน
เพราะจิตหยาบถูกกิเลสมารครอบงำจิตตปัญญาไว้
จึงยังผลให้วิธีการดำเนินชีวิตในแบบของคนสองมิติ
เกิดอาการเหมือนแกะที่ดูคล้ายว่าพวกมันตาบอด
มองเห็นทางเดินไม่ชัดเจนจนต้องมีจ่าฝูงให้เดินตาม
หรือต้องมีคนเลี้ยงแกะเดินนำไปอย่างไรอย่างนั้น
มนุษย์ในยุคนั้นจึงถูกเรียกว่า “ฝูงแกะ” ของพระเจ้า
เพราะจิตวิญญาณพวกคุณอาสาพระเจ้าเข้ามาทำงาน
จึงเรียกขานตามพฤตินิสัยในการดำเนินชีวิตกันนั่นเอง
มนุษย์จึงต้องมีจ่าฝูงหรือต้องมีผู้นำทางเป็นผู้นำพา
ไม่ต่างจากฝูงแกะทั้งหลายที่ต้องมีตัวจ่าฝูงเป็นผู้นำทำ
และฝูงแกะยังต้องมี “ผู้เลี้ยงดู” คือ พระเยซูเจ้า
ที่จะทรงคอยเยียวยาถ้าพบว่าแกะตัวใดเกิดการบาดเจ็บ
ต้องทรงคอยสรรหานำขนมปังของพระเจ้ามาเลี้ยงดูแกะ
เพราะทรงรู้ว่าอาหารดีที่กินแล้วไม่ต้องตายหรือหญ้านั้น
เป็นหญ้าชนิดใดและมันขึ้นอยู่ตรงแหล่งไหนบนโลกนี้
พระองค์ก็จะทรงนำพาฝูงแกะคือมนุษย์ทั้งหลายไปที่นั่น
นี่จึงเป็นที่มาของคำว่า #นายชุมพาบาล
แปลว่า “ผู้เลี้ยงดูฝูงแกะของพระเจ้า”
อันหมายถึง “พระเยซู” บุตรเอกของพระเจ้าในยุคนั้น
(ยังมีตอนต่อไป)
เอเมน สาธุ
ถ่ายทอดคลื่นความคิดจากองค์จิตจักรวาล
โดย #ปัญญาวิสุทธิ์
12/11/2566