25 พฤศจิกายน 2566

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 25/11/2023

#คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล
(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)
 
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ถ้าเป็นจิตวิญญาณอิสระที่ยังมิได้มีภพชาติเป็นมนุษย์
พลังงานชั้นนอกสุดของจิตวิญญาณคือ “เมอร์คขะบาห์”
โดยเมอร์คขะบาห์จะทำหน้าที่หลายอย่างด้วยกัน
ซึ่งเราได้กล่าวให้รู้ผ่านไปแล้ว 5 ประการ
บทนี้เราจะกล่าวถึงหน้าที่ในประการที่ 6 ต่อไป
 
6.หน้าที่ของเมอร์คขะบาห์ขณะที่จิตวิญญาณรูปธรรมนั้น
ยังมิได้เข้ามาเกิดเป็นแก่นแท้อยู่ในเครื่องยนต์แห่งกรรม
โดยยังเป็นรูปธรรมทางพลังงานล่องลอยอยู่ในระบบโลก
จะใช้พื้นที่ว่างระหว่างอนุภาคพลังงานในชั้นนอกสุดนี้
เป็นที่เก็บสะสมบุรพกรรมแม่เหล็กทั้งบวกและลบเอาไว้
#บุรพกรรมแม่เหล็ก นี้เรียกได้อีกอย่างว่า #วิบากกรรม
 
“วิบากกรรม” ที่อยู่ในรูปของบุรพกรรมแม่เหล็กดังกล่าวนี้
ล้วนเป็น “ผลกรรม” จากการหมุนกรรมจักรและธรรมจักร
ที่จิตหยาบเป็นผู้ผลิตสร้างมันขึ้นมาด้วย “ขันธ์ห้า” นั่นเอง
 
เมื่อคุณตายไปจากการเป็นมนุษย์แล้ว
ถ้าจิตวิญญาณมีบุรพกรรมแม่เหล็กบวกลบสะสมอยู่มาก
แสดงว่าก่อนตายคุณเป็นคนที่ “จิตหยาบไม่ใสสว่าง”
เนื่องจากมีสนิมกิเลสครอบงำจิตหยาบเอาไว้จำนวนมาก
จิตหยาบจึงสั่นสะเทือนเป็นคลื่นในย่านความถี่ต่ำเท่านั้น
มิใช่คลื่นความรักเพื่อให้ที่เป็นความร้อนแรงและแสงสว่าง
ซึ่งเป็นคลื่นในย่านความถี่ที่สูงกว่าคลื่นของกิเลสตัณหา
 
ดังนั้น
คนที่มีบุรพกรรมแม่เหล็กสะสมอยู่ในเมอร์คขะบาห์มาก
จิตวิญญาณของคนๆนั้นจะเป็นรูปธรรมที่มีพลังอำนาจต่ำ
เหมือนกับเครื่องยนต์ที่ไม่มีแรงหรือไม่มีพลังขับเคลื่อน
จิตวิญญาณตายตรงไหนเมื่อออกจากร่างก็จะมืดแปดทิศ
ไม่ว่าจะมองทางไหนจะเห็นว่ามืดมิดไปหมดไม่เห็นอะไร
เพราะบุรพกรรมแม่เหล็กทั้งบวกและลบเป็นอุปสรรค
ทำให้จิตวิญญาณที่เป็นดั่งไข่แดงซึ่งเร้นอยู่ชั้นในสุดนั้น
มองลอดผ่านช่องว่างอนุภาคเมอร์คขะบาห์ออกมาไม่ได้
จิตวิญญาณรูปธรรมนั้นแม้จะเป็นอิสระจากกายหยาบแล้ว
แต่จะเคลื่อนที่เดินทางไปไหนๆตามใจตนปรารถนาไม่ได้
ตายตรงไหนก็จะต้องอยู่ตรงนั้นเพราะมองอะไรไม่เห็น
เนื่องจากตอนเป็นมนุษย์ “จิตไม่ใสสะอาด” เพราะมีกิเลส
จิตวิญญาณหรือ “ใจ” ที่เป็นแก่นแท้ของคุณจึง #ไม่สวย
 
ที่จิตวิญญาณหรือใจของคุณไม่สวยนั้นเป็นเพราะเหตุว่า
เมอร์คขะบาห์ในชั้นเปลือกนอกของจิตวิญญาณของคุณ
สั่นสะเทือนอยู่ในย่านความถี่ต่ำคือย่านของกิเลสตัณหา
จึงทำให้รูปธรรมจิตวิญญาณของคุณมีแสงสว่างแบบริบหรี่
ความสวยงามอันพึงจะมีเพราะมีแสงสว่างมากพอจึงด้อย
เพราะเหตุนี้เองที่ยังผลให้จิตหยาบไม่ใสและใจคุณไม่สวย
 
พวกคุณจะต้องรู้เอาไว้ด้วยว่าขณะเป็นมนุษย์
ถ้าคุณสะสมอนุภาคของบุรพกรรมแม่เหล็กเอาไว้มาก
ไม่ว่าจะเป็นวิบากกรรมด้านบวกหรือว่าด้านลบไว้ก็ตาม
มันคือ #สนิมของจิต ที่จะกัดกร่อนจิตวิญญาณให้ชำรุดได้
ถ้าคุณไม่รีบตายหรือละสังขารเพื่อให้จิตวิญญาณเป็นอิสระ
เพื่อทำการ “ชำระสนิมของจิต” ให้บริสุทธิ์ได้ทันกาล
ก่อนที่เมอร์คขะบาห์ของ “จิตวิญญาณ” มันจะรั่วเป็นรูพรุน
 
คุณคงจำที่เราเคยกล่าวความจริงให้รู้กันได้อยู่ว่า
ถ้าคุณทำบุญสุนทานด้วยการหมุนธรรมจักรเมื่อไหร่
แล้วทำการอธิษฐานขอผลตอบแทนการทำบุญของคุณนั้น
การอธิษฐานดังกล่าวจะทำให้ผลกรรมในมิติทางพลังงาน
เปลี่ยนแปลงไปเป็น #พลังงานไม่สะอาด ในฉับพลันทันที
เพราะพลังงานนั้นคุณตีตราจองเป็นเจ้าของมันไว้นั่นเอง
มันจะเป็นพลังงานกรรมในรูป “ผลกรรม” ส่วนตัวของคุณ
มันคือ #พลังงานขยะ ที่ทำให้จิตวิญญาณของคุณมีภาระ
จนต้องรีบตายแล้วมาเกิดใหม่เพื่อทำให้มันเป็นกลางให้สิ้น
ซึ่งเป็นต้นเหตุหนึ่งที่คุณทำตัวเองให้ต้องตายให้มีภพชาติ
ทั้งๆที่พระเจ้าทรงกำหนดเอาไว้ให้ว่ามนุษย์ไม่มีหน้าที่ตาย
 
ขณะเดียวกัน
ถ้ารูปธรรมจิตวิญญาณนั้นๆมีอนุภาคของวิบากกรรมมาก
จะทำให้ช่องว่างของอนุภาคพลังงานของเมอร์คขะบาห์
มีพื้นที่ว่างเหลือน้อยลงไปจากปกติอีกต่างหากด้วย
จึงยังผลให้อนุภาคพลังงานในชั้นเมอร์คขะบาห์ที่ว่านี้
มีพื้นที่ในการสั่นสะเทือนลดน้อยลงมากไปจากปกติด้วย
ซึ่งมันจะมีผลต่ออัตราความเร็วในการเคลื่อนที่เดินทาง
ทำให้จิตวิญญาณรูปธรรมนั้นเดินทางได้เฉื่อยช้าลงไป
เพราะเมอร์คขะบาห์มีพลังอำนาจในการเหวี่ยงตัวลดลง
คนโบราณเรียกว่า #จิตวิญญาณนั้นมีบารมีต่ำ พลังน้อย
จึงสอนให้เพียรทำบุญเพื่อสั่งสมบารมีกันเป็นการใหญ่
แต่ยิ่งขยันทำบุญสุนทานเพื่อตนเองกันมากเท่าไหร่
จิตวิญญาณโดยเมอร์คขะบาห์ก็จะยิ่งวิบัติมากขึ้นเท่านั้น
 
เพราะการทำความดีงามหรือการทำบุญสุนทาน
ด้วยการกำหนดเงื่อนไขที่จะได้รับอานิสงส์ตอบแทนนั้น
การก่อกรรมดีแล้วขอสิ่งตอบแทนมันคือการทำเพื่อตนเอง
ผลกรรมในมิติทางพลังงานมันจะเป็นของคุณผู้นั้นไปทันที
มันจะไม่เป็นสมบัติสากลเหมือนก๊าซออกซิเจนที่ลอยอยู่
ซึ่งเป็นของส่วนกลางที่ใครก็หายใจได้โดยไม่ต้องขอใคร
ผลกรรมทางพลังงานพวกนี้มันก็เป็น “ขยะ” รกโลกเช่นกัน
มนุษย์ถูกมารจำพวกผีโสโครกหลอกให้ทำผิดกันมาตลอด
แทนที่จะผลิตเป็นผลกรรมทางพลังงานด้านบวกให้แก่โลก
ตามภารกิจของจิตวิญญาณที่ขันอาสาเข้ามาช่วยกันทำ
แต่กลับเข้ามาทำเพื่อตนเองหรือพวกตัวและเพื่อมารแทน
พลังงานที่มนุษย์ผลิตออกมาด้วยขันธ์ห้าจึงไม่สะอาด
จนโลกนำไปใช้ประโยชน์เพื่อการค้ำจุนความสมดุลไม่ได้
ทำให้โลกเสียสมดุลรุนแรงมากขึ้นทุกวันจนถึงทุกวันนี้
 
เพราะพวกคุณไม่รู้ว่าตนมีหน้าที่จะต้องทำอะไร
เพื่อโลกและจิตวิญญาณของตนบ้างและต้องทำอย่างไร
ส่วนใหญ่จะถูกหลอกให้ทำบุญสุนทานเพื่อการสั่งสมบารมี
ถูกหลอกให้ทำบุญสร้างกุศลด้วยกิเลสที่วิปริตผิดธรรมชาติ
สอนให้ทำบุญชาตินี้เพื่อจะเอาให้ดีกว่าชาตินี้ในชาติหน้า
ทั้งๆที่กฎธรรมชาตินั้นใครปลูกอะไรก็จะได้สิ่งนั้นอยู่แล้ว
ว่าแต่ว่าคนปลูกนั้นปลูกเป็นดูแลต้นที่ปลูกเป็นกันหรือเปล่า
 
เมื่อปลูกบนที่ดินของตนหรือปลูกที่ในจิตใจของตนแท้ๆ
ใยยังจะต้องขอเหมือนขอทานร้องขอส่วนบุญกันด้วยเล่า
 
สิ่งที่ควรจะสอนจะแนะนำกันแต่ไม่สอนก็คือ
ไม่สอนให้ฉลาดนึกด้วยจิต 3 นึก คือนึกออกนึกเอานึกเอง
โดยสอนให้มองโลกตามความจริงเห็นทุกสิ่งตามความจริง
ด้วยจิตที่ว่างไปจากกิเลสตัณหาอารมณ์ขยะรายวันทั้งปวง
แต่สอนให้จิตเสพติดกิเลสแล้วใช้กิเลสมองโลกโดยไม่รู้ตัว
จนพวกคุณทำหน้าที่ของจิตวิญญาณกันไม่ได้เพราะไร้สติ
 
นอกจากนั้น
ยังไม่สอนให้พวกคุณฉลาดนึกด้วยจิตก่อนจะคิดด้วยสมอง
จนคนส่วนใหญ่กลายเป็นคนโง่ง่ายเพราะใช้สมองไม่เป็น
คงใช้แต่ #ความเชื่อ ที่เป็น “ความรู้สึก” แทน “ความฉลาด”
สมองสองซีกที่พระเจ้าติดตั้งไว้ให้ตั้งแต่สามขวบก็ไม่ได้ใช้
เพราะไม่รู้ว่าเซลล์สมองเป็นเซลล์ประสาทที่มีข้อกำกับไว้ว่า
ถ้าไม่ใช้งานมันติดต่อกันนาน 9 ปีมันจะเสื่อมลง 10% เสมอ
ยิ่งผ่านการเกิดตายมาหลายภพชาติแล้วก็จะยิ่งโง่มากยิ่งขึ้น
ซึ่งคนส่วนใหญ่บนโลกเสรีนี้มีแนวโน้มไปในทางต่ำเสียด้วย
 
เห็นหรือยังว่าถ้าคุณเป็นคนชอบธรรมตัวจริงแล้ว
สิ่งที่คุณถูกสอนปฏิบัติทำกันมายาวนานจนถึงทุกวันนี้นั้น
มันมีหลายอย่างที่เป็นการสอนให้คุณเชื่อผิดหลงผิดกันอยู่
ตัวอย่างเช่น
 
1.ให้ทำความดีหรือทำบุญเพื่อเกื้อหนุนตนเองเสมอ
2.ให้ทำความดีหรือทำบุญเพื่อชาตินี้และชาติหน้า
3.ให้ทำบุญเบื้องล่างเพื่อเอาไปสร้างสวรรค์มายาเบื้องบน
4.ให้ทำบุญด้วยการร้องขอผลตอบแทนจากบุญกุศลที่ทำ
5.ให้ทำบุญอย่างมีเงื่อนไข เช่น เลือกคนที่ตนจะทำบุญด้วย
6.ให้ทำบุญด้วยวัตถุทำมากได้บุญมากทำน้อยได้บุญน้อย
 
โดยบิดเบือนความจริงไปจากสิ่งเหล่านี้ คือ
1.จิตปัจจุบันคือ “จิตหยาบ” เป็นตัวแทนของจิตวิญญาณ
2.การทำบุญเป็นเพียง #กิริยาวัตถุ ที่มีหลายวิธีเท่านั้น
3.บุญกุศลสำเร็จที่ในจิตใจของผู้กระทำมิใช่การทำกับใคร
4.การทำบุญที่แท้จริงคือการหมุนธรรมจักรพิทักษ์โลก
5.จะหมุนธรรมจักรเพื่อโลกได้ต้องรักได้อภัยเป็นกับทุกคน
6.ต้องนิพพานกิเลสให้ได้โดยรับรู้แล้วไม่รับเอามาปรุงแต่ง
7.กิเลสในจิตคุณเป็นมารหรือเป็นอุปสรรคของธรรมจักร
8.กิเลสมารจะพาคุณหมุนกรรมจักรต้องนิพพานมันให้สิ้น
9.พระศาสดาไม่เคยสอนว่าการปลีกวิเวกหนีสังคม
เพื่อหลบไปทำสมาธิอยู่คนเดียวทั้งๆที่คุณเป็นสัตว์สังคม
เป็นวิธีการปฏิบัติธรรมที่ถูกต้องตรงจริง
 
10.พระศาสดาไม่เคยสอนว่า “ขันธ์ 5” เป็นอัตตา
ถ้าดับขันธ์ห้าเสียได้อัตตาของตนก็จะไม่มีอยู่อีกต่อไป
ซึ่งขันธ์ห้าที่คุณใช้กันอยู่มิใช่อัตตาตัวตนแต่อย่างใด
 
แต่ขันธ์ห้านั้นเป็นกระบวนการ 5 ขั้นตอนของจิตหยาบ
เมื่อรับข้อมูลจากสิ่งเร้าภายนอกที่ตาหูจมูกลิ้นกายสัมผัส
ส่งข้อมูลเหล่านั้นเข้าไปกระทบจิตหยาบให้ทำการรับรู้มัน
จิตหยาบก็จะสั่นสะเทือนขึ้นเป็น 5 ขั้นตอนเพื่อการเรียนรู้
 
เป้าประสงค์แรกของการเรียนรู้ก็คือ #รู้ว่าอะไรเป็นอะไร
เป้าประสงค์ต่อมาคือ #ตนจะสนองตอบด้วยรักได้อย่างไร
 
11.พระพุทธองค์ไม่เคยสอนว่า
นิพพานคือตายแล้วไปเกิดเป็นเทพเทวดาดีกว่าเป็นมนุษย์
เพราะโลกมนุษย์เต็มไปด้วยความทุกข์อันไม่พึงประสงค์
โดยพระองค์ทรงสอนวิธีจัดการกับปัญหาด้วย #อริยสัจสี่
ซึ่งปัญหาเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกคุณเป็นทุกข์อย่างยิ่ง
เนื่องจากไม่มีปัญญาจะจัดการกับปัญหาที่เผชิญกันได้
ยิ่งทิ้งปัญหาเอาไว้นานเท่าไหร่ก็ยิ่งทุกข์มากขึ้นเท่านั้น
 
ดังนั้น
อริยสัจ 3 ประการ คือ วิธีจัดการกับปัญหาที่ผู้อื่นยื่นมาให้
ส่วนมรรค 8 ประการ คือวิธีปฏิบัติดีปฏิบัติชอบต่อผู้อื่น
เพื่อที่จะไม่สร้างปัญหาให้ตัวเองต้องเกิดทุกข์จากผู้อื่น
ซึ่งเกิดจากการปฏิบัติตนที่ไม่ชอบธรรมของตนนั่นเอง
 
ถ้าคุณรู้วิธีจัดการกับปัญหาทั้งสองแบบที่ว่านี้ได้
คุณก็ไม่จำเป็นจะต้องหนีโลกแบบหัวซุกหัวซุน
เพื่อไปเกิดบนสวรรค์มายาด้วยเชื่อว่าอยู่บนนั้นจะไม่ทุกข์
โดยที่จิตติดสุขอันเป็นกิเลสมารตัวใหญ่อยู่เลย
แถมยังจะตกเป็นกรรมกรผลิตพลังงานแสงให้ผีโสโครก
จากปฏิบัติการทางเท็คนิกสมาธิที่หมั่นฝึกไปจากโลก
เพื่อให้พวกนั้น “ดักดูด” เอาไปซ่อมจิตวิญญาณที่เสื่อม
แทนที่คุณจะทำหน้าที่อย่างมีเกียรติตามพันธะสัญญา 6
ในบทบาทของ #เพื่อนร่วมงานกับโลก เพื่อพิทักษ์โลก
ตามที่จิตวิญญาณของคุณขันอาสาพระเจ้าเข้ามาทำกัน
แทนที่จะไม่ฉลาดจนตกเป็นจับกังของมารที่ไม่หวังดีไป
 
พวกคุณไม่รู้ว่า
เพราะสาเหตุที่เรากล่าวนี้แหละ
จึงทำให้พระเยซูเจ้าทรงสละพระชนมชีพบนไม้กางแขน
เพื่อเตือนสติทางจิตวิญญาณว่า #เสียชีพอย่าเสียสัตย์
โดยเฉพาะสัจจะที่จิตวิญญาณของคุณให้ไว้ต่อพระเจ้า
หนึ่งในหกข้อคือจะมาเป็น “เพื่อนร่วมงานกับโลก”
ด้วยการใช้ขันธ์ห้าทำการหมุนธรรมจักรด้วย #รักเพื่อให้
มิใช่มาเกิดเพื่อทำหน้าที่เป็นกรรมกรให้ศัตรูของตนเอง
เพราะถูกบิดเบือนสัจธรรมเพื่อจะหลอกใช้พวกคุณโดยแท้
 
จงอย่าให้การเสียสละของพระองค์ต้องสูญเปล่า
แล้วนำภาพอันแสนรันทดของพระองค์บนไม้กางแขน
มาสำแดงความระลึกถึงพระองค์อ้างว่าถวายพระเกียรติ
โดยไม่คำนึงถึงความเหมาะสมแม้เพียงจะฉุกคิดกันบ้าง
แทนที่จะหมุนธรรมจักรเพื่อตนเองกับโลกและทุกสิ่ง
มิใช่เป็นกรรมกรของศัตรูที่ตนก็ยังไม่เคยรู้จักอยู่อย่างนี้
ทำให้โลกเสียสมดุลแรงขึ้นเรื่อยๆจนภัยพิบัติโลกแรงขึ้น
มรรควิถีการปฏิบัติธรรมเห็นทีจะต้องเปลี่ยนกันได้แล้ว
 
เอเมน สาธุ
ถ่ายทอดคลื่นความคิดจากองค์จิตจักรวาล
โดย #ปัญญาวิสุทธิ์
25/11/2566