10 พฤศจิกายน 2566

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 10/11/2023

#คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล
(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)
 
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายต่อไปว่า
เมื่อจิตวิญญาณมาเกิดเป็น #คนสองมิติ แล้ว
ยังไม่รู้สิ่งใดเรื่องอะไรอยู่อีกบ้างในประการที่สาม
 
3.ไม่รู้ว่าตนต้องฟักจิตหยาบจากมิติที่ศูนย์ให้เติบโต
ซึ่งกระบวนการนี้จะเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่วันแรกที่ปฏิสนธิ
โดยจะต้องมี 3 ฝ่ายร่วมด้วยช่วยกัน “ฟัก” ครบองค์
อันประกอบด้วย
 
#ฝ่ายแรกคือจิตวิญญาณของผู้อาสามาเกิดใหม่
#ฝ่ายที่สองคือจิตวิญญาณโดยจิตหยาบของมารดา
#ฝ่ายที่สามคือจิตวิญญาณโดยจิตหยาบของบิดา
 
ซึ่งทั้งสามรูปธรรมนี้
ได้วางแผนเขียนบทละครขึ้นที่เรียกว่า “ชะตาชีวิต”
เพื่อถือติดตัวมาแสดงบทบาทนั้นร่วมกันเป็นครอบครัว
ตั้งแต่ก่อนภพชาติแรกเมื่อได้รับโอกาสให้มาเกิดแล้ว
 
โดยวิธีการฟูมฟัก “จิตหยาบ” ของผู้มาเกิดใหม่
ทั้งสามรูปธรรมต้องใช้ #ความรักบริสุทธิ์ มอบให้กัน
เพื่อสั่นสะเทือนทางจิตวิญญาณร่วมกันทางด้านบวก
ในอันที่จะยกระดับจิตหยาบจากมิติที่ “ศูนย์” คือ 0D
ให้แรงสั่นสะเทือนนั้นค่อยๆเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆทั้งวันคืน
ซึ่งจิตหยาบของผู้มาใหม่เมื่อรับรู้แรงสั่นสะเทือนแล้ว
ก็จะค่อยๆเติบโตขึ้นเรื่อยๆจากไข่จนเป็นตัวละอ่อน
ก่อนที่จะฟักออกมาเป็นตัวลูกเจี้ยบที่มีชีวิต
 
หมายความว่า
พ่อแม่ลูกสามรูปธรรมจะต้องใช้ความรักเพื่อให้
ช่วยกันฟูมฟักจิตหยาบที่เป็นกลุ่มพลังงานหยดเดียว
ซึ่งยังไม่มีความกว้างความยาวความหนาแต่อย่างใด
โดยใช้เวลาภายใน 9 เดือนขณะที่อยู่ในครรภ์มารดา
ร่วมกันสร้างพลังงานร่วมแห่งรัก βₓ อันศักดิ์สิทธิ์
โดยตัว “เอ็กซ์” แทนค่าด้วยจำนวนเท่ากับ 3 คน
จนจิตหยาบที่ช่วยกันฟูมฟักมีมิติเพิ่มขึ้นจาก 0-4D
จากเลือดในท้องแม่แค่หยดเดียวก็กลายเป็นทารก
แล้วคลอดออกมาสู่ระบบโลกได้ในที่สุด
 
เมื่อคลอดออกมาเป็นทารกจนโตเป็นกุมารน้อยแล้ว
ปฏิบัติการเพื่อการฟูมฟักดังกล่าวนั้นยังต้องมีต่อไป
เพื่อยกระดับแรงสั่นสะเทือนของจิตหยาบให้สูงขึ้น
จนเข้าถึงมิติที่ 6D เท่ากับมิติของจิตวิญญาณให้ได้
จากที่ต้องนอนแบเบาะอยู่ก็จะพลิกคว่ำพลิกหงาย
จะลุกนั่งหยัดยืนตั้งไข่เดินเกาะเตาะแตะก้าวเองได้
ใช้อายตนะและอวัยวะต่างๆเพื่อช่วยเหลือตนเองได้
จนมีอายุขัยได้ครบสามขวบปีบริบูรณ์เรียบร้อยแล้ว
 
เมื่อกุมารน้อยคนนั้นมีอายุครบสามขวบ
สมองสองซีกซ้ายขวามีสะพานเชื่อมถึงกันไว้แล้ว
จะยังผลให้ #กฎแห่งกรรมของเขา เริ่มทำงานทันที
ขณะที่จิตหยาบจะมีรูปธรรมเป็น 4 มิติที่สมบูรณ์แล้ว
 
การเติบโตของจิตหยาบตั้งแต่แรกปฏิสนธิในครรภ์
จนกระทั่งถูกฟูมฟักนาน 9 เดือนจนถึงกำหนดคลอด
เมื่อคลอดแล้วจนครบสามขวบก็ยังต้องฟูมฟักต่ออีก
ขั้นตอนนี้ตัวเอ็กซ์จะแทนค่าด้วยจำนวนมากกว่าสาม
ซึ่งจำนวนคนที่จะมาร่วมกันรักรุมกันเอ็นดูกุมารน้อย
คือญาติพี่น้องรวมทั้งคนข้างบ้านและคนอื่นๆที่พบเห็น
ในลักษณะของใครเห็นใครเอ็นดูใครเห็นก็อยากอุ้ม
โดยกุมารน้อยทุกคนจะใช้ความน่ารักแลกกับความรัก
 
พวกคุณจะต้องรู้ว่า
จิตหยาบของจิตวิญญาณของกุมารน้อยทุกคนบนโลก
มีเวลาฟูมฟักด้วยความรักทั้งของตนและคนรอบข้าง
ซึ่งเป็นกระบวนการอัตโนมัติที่เราเผยมาให้รู้ทั้งหมดนี้
พวกคุณมีเวลาค่อนข้างยาวนานนับได้ 6 หมื่นปีโลก
นับตั้งแต่วันแรกปฏิสนธิที่ยังอยู่ในครรภ์ของมารดาแล้ว
เป้าหมายสูงสุดคือจิตหยาบต้องเข้าถึงมิติที่ 6D ให้ได้
 
คำว่า 6D หรือจะมีกี่ D นำหน้าอยู่ก็ตาม
พระบิดาแห่งจิตวิญญาณทรงหมายถึง
จิตหยาบนั้นจะต้องยกระดับแรงสั่นสะเทือนให้สูงขึ้น
จากที่ยังไม่มีรูปธรรมเป็นรูปทรงเรขาคณิตเลย
โดยต้องยกระดับแรงสั่นสะเทือนจากศูนย์มิติ
เพื่อเปลี่ยนเป็น 1D-2D-3D-4D-5D-6D ให้ได้
ตัวเลขที่อยู่ข้างหน้าตัว D (Dimension) หมายถึง
จำนวนเหลี่ยมมุมของรูปทรงเรขาคณิตของจิตหยาบ
ที่ถูกยกระดับให้สูงขึ้นจากการฟูมฟักด้วยรักบริสุทธิ์
 
ถ้าเป็น 3D แสดงว่าจิตหยาบของจิตวิญญาณนั้น
จะมีรูปธรรมเป็นรูปทรงเรขาคณิตที่มี 3 เหลี่ยมมุม
คือจิตหยาบนั้นจะสั่นสะเทือนเป็นรูปสามเหลี่ยม
ซึ่งเป็นสามเหลี่ยมด้านเท่าอยู่ในวงกลมที่หมุนวน
ปรากฏการณ์นี้จะเกิดขึ้นตั้งแต่เด็กยังอยู่ในครรภ์
มายาที่บ่งชี้ก็คือทารกนั้นจะเริ่มเป็นวุ้นขึ้นมาแล้ว
 
ถ้าเป็น 4D แสดงว่าจิตหยาบของจิตวิญญาณนั้น
จะมีรูปธรรมเป็นรูปทรงเรขาคณิตที่มี 4 เหลี่ยมมุม
คือจิตหยาบนั้นจะสั่นสะเทือนเป็นรูป 4 เหลี่ยม
ซึ่งมีความกว้างความยาวความสูงและความหนา
ที่สั่นสะเทือนเป็นสี่มุมอยู่ในวงกลมที่หมุนวนนั่นเอง
มายาที่บ่งชี้ก็คือทารกที่เห็นเป็นตัวตนในท่านอน
เพราะยังเป็นรูปธรรม 4 มิติที่ยังไม่สมบูรณ์พร้อม
 
เมื่อคลอดออกมาแล้ว
มายาที่ปรากฏคือเด็กน้อยคนนั้นจะเริ่มคลานได้
ก็ต่อเมื่อจิตหยาบเริ่มพัฒนาสู่มิติที่ 4D มากขึ้นแล้ว
ถ้าวันใดที่เด็กน้อยเริ่มลุกยืนวิ่งกลิ้งนอนได้เมื่อไหร่
แสดงว่าเมื่อนั้นจิตหยาบของเขาเข้าถึง 4D บริบูรณ์
พัฒนาการในมิติเนื้อหนังจะคู่ขนานไปกับจิตหยาบ
ตามรูปแบบกระบวนการที่เราเปิดเผยมานี้เสมอ
 
ดังนั้น
เด็กน้อยทุกคนจึงต้องน่ารักเพื่อจูงใจให้คนอื่นๆรัก
คุณที่เป็นผู้ใหญ่ทุกคนจึงรักเมตตาและเอ็นดูเด็กๆ
โดยรักเหมือนที่ตนรักลูกหลานของตัวเองเสมอ
ซึ่งความน่ารักของเด็กมิใช่เป็นเพราะรูปหล่อรูปสวย
แต่เกิดจากสัญชาติญาณทางธรรมชาติของมนุษย์
ที่พระเจ้าประทานรหัสเอาไว้ให้ทุกคนได้เรียนรู้ว่า
ความรักที่บริสุทธิ์คือรักเพื่อให้นั้นต้องเป็นแบบไหน
คือเป็นรักและเมตตาแบบที่คุณมีต่อเด็กน้อยนั่นเอง
 
เมื่อเด็กน้อยคนนั้นโตขึ้นจนเป็นเด็กโตหรือวัยรุ่น
ความน่ารักทางธรรมชาติซึ่งเกิดจากข้างในตนเอง
ก็จะลดน้อยร่อยหรอลงไปคงเหลือแต่มายารูปลักษณ์
ที่เกิดจากยีนส์ของพ่อแม่เป็นผู้ถ่ายทอดเอาไว้ให้
บวกกับรหัสบุรพกรรมแม่เหล็กซึ่งจิตวิญญาณถือมา
เพื่อให้จิตหยาบในชาตินี้ปรุงแต่งเป็น #กายสังขาร
ได้ใช้ห่อหุ้มจิตวิญญาณซึ่งเป็นพลังงานไว้ข้างใน
 
คราวนี้ก็เป็นหน้าที่ของหนุ่มสาวแต่ละคน
จะต้องปฏิบัติธรรมเพื่อสร้างความน่ารักกันเองแล้ว
ต้องหาคำตอบให้ได้ว่าจะทำตนให้คนอื่นรักได้อย่างไร
เพื่อชักชวนคนอื่นมารุมรักให้ฟูมฟักจิตหยาบของตน
ให้พัฒนาสู่มิติที่ 5D ต่อไปจนถึงมิติที่ 6D ให้จงได้
โดยไม่ชิงตายหมดอายุขัยตามแรงกรรมไปเสียก่อน
 
ทุกขั้นตอนที่เรากล่าวมา
มันคือกระบวนการหมุนธรรมจักรของมนุษย์
ที่เริ่มต้นจากตนเองสู่คนรอบข้างแล้วกลับมาที่ตนเอง
ในลักษณะของการหมุนวนอย่างต่อเนื่องไม่รู้สิ้นสุด
แม้จะยกระดับจนถึงจิตวิญญาณคือ 6D ได้แล้ว
ทั้งจิตหยาบและจิตวิญญาณจะต้องผสานสัมพันธ์
ด้วยการสั่นสะเทือนร่วมกันเพื่อยกระดับสู่มิติที่สูงขึ้น
ให้พร้อมที่จะหลุดพ้นกลับบ้านแดนสุญตากันต่อไป
 
เอเมน สาธุ
ถ่ายทอดคลื่นความคิดจากองค์จิตจักรวาล
โดย #ปัญญาวิสุทธิ์
10/11/2566