(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ในแผนปฏิบัติการชำระโลกครั้งที่สี่นี้
มันจะมีภัยร้ายสองอย่างเกิดขึ้นทับซ้อนกัน
ที่มนุษย์โลกทุกคนจักต้องได้เผชิญแน่นอน
ภัยร้ายอย่างแรกจะเป็น #ภัยจากธรรมชาติ
อันเกิดจากการที่มนุษย์ไม่รักโลก
ทำลายโลกให้เสียสมดุลอย่างไร้จิตสามนึก
ซึ่งเป็นการทำลายโลกในมิติทางกายภาพ
เช่น การตัดต้นไม้ทำลายป่าการถมทะเล
การระเบิดภูเขาทำลายต้นกำเนิดของแม่น้ำ
การทำลายป่าที่อยู่อาศัยของสัตว์ประจำโลก
การทำลายป่าเขาเครื่องกำบังลมพายุที่รุนแรง
การทำลายป่าเขาที่จะเก็บความชุ่มชื้นไว้ให้
อันเป็นที่มาของการเกิดพายุที่รุนแรง
เป็นที่มาของการเกิดความแห้งแล้งของโลก
เป็นที่มาของการเกิดอุทกภัยที่รุนแรง
การระเบิดภูเขาเพื่อย้ายเอามาสร้างป่าคอนกรีต
จนทำให้โลกเสียสมดุลหมุนไปแกว่งไปส่ายไป
เพราะภูเขาที่เป็นเหมือนตัวถ่วงสมดุลของโลก
ถูกยกย้ายออกไปจากพิกัดเดิมที่ทรงติดตั้งไว้
จนเกิดฝุ่นหินที่เป็นพิษต่อระบบทางเดินหายใจ
จนทำให้อัตราเร็วการเหวี่ยงหมุนของโลกไม่คงที่
ทำให้ความเข้มสนามแม่เหล็กโลกไม่สมดุล
ซึ่งมีผลร้ายต่อระบบไฟฟ้าในอวัยวะร่างกายมนุษย์
จนเกิดอาการชำรุดและทรุดเสื่อมลงเรื่อยๆ
ทำให้ดินฟ้าอากาศวิปริตแปรปรวน
การหมุนธรรมจักรไม่เป็นหรือหมุนไม่ได้
นอกจากโลกจะเสียสมดุลจนเหวี่ยงหมุนช้าลงแล้ว
ก๊าซออกซิเจนที่สิ่งมีชีวิตทุกชนิดต้องใช้ดำรงชีพ
ก็จะลดน้อยถอยลงทั้งบนบกในอากาศและในน้ำ
โลกก็จะเกิดก๊าซเรือนกระจกปกคลุมหุ้มห่อโลกไว้
เนื่องจากในระบบโลกมีก๊าซออกซิเจนที่เบากว่า
มีปริมาณเหลือน้อยมากจนผลักดันก๊าซมวลหนัก
จำพวกก๊าซเรือนกระจกให้หลุดพ้นแรงดึงดูดโลก
ออกไปจากระบบโลกไม่ได้ดั่งเมฆที่ลอยอยู่บนฟ้า
ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
เพราะรังสีอัลตร้าไวโอเล็ตสะท้อนออกไปไม่ได้
เนื่องจากก๊าซเรือนกระจกคอยปิดกั้นเอาไว้นั่นเอง
ดังนั้น
ภัยธรรมชาติที่เกิดจากดินน้ำลมไฟทุกรูปแบบ
แม้กระทั่งพายุแม่เหล็กบนก้อนเมฆในอากาศ
มนุษย์จะต้องเผชิญชะตากรรมร่วมกันแน่นอน
เพราะโลกจะทำการปรับสมดุลให้ระบบตนเอง
ด้วยวิถีแห่งธรรมชาติให้มนุษย์ได้ประจักษ์แจ้งว่า
การทำลายธรรมชาติไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อม
มันคือการทำลายระบบของตนเองให้เสียสมดุล
แล้วระบบที่เสียสมดุลนั้นก็จะกลับมาทำลายคืน
เราเคยกล่าวความจริงให้ได้รู้กันมานานแล้วว่า
ยุคใดที่มนุษย์โลกมีจิตสามนึกตกต่ำกันมากๆ
รักกันไม่ได้อภัยกันไม่เป็นเห็นแก่ประโยชน์ตัว
ยุคนั้นมนุษย์จะต้องทำสงครามกับภัยธรรมชาติ
อย่างเงยหัวไม่ขึ้นกันเสมอปักหมุดเอาไว้ได้เลย
ส่วนภัยอย่างที่สองก็คือ #ภัยพิบัติ
เป็นมหันตภัยร้ายแรงที่จะเกิดขึ้น
ตามแผนการที่พระเจ้าทรงกำหนดเอาไว้แล้ว
ซึ่งเป็นปฏิบัติการชำระโลกเพื่อการเปลี่ยนยุค
มิใช่ปฏิบัติการเหมือนสามครั้งที่ผ่านมา
ที่เน้นการชำระขยะออกไปจากระบบโลกให้สิ้น
การชำระโลกครั้งที่สี่นี้เป็นการปรับสมดุลโลก
ให้มีพลังอำนาจสูงขึ้นจากเดิมเป็นสองเท่า
ยุคพลังงานเก่าสมดุลโลกยังเป็นสมการ 3-3-3
ยุคพลังงานใหม่สมดุลโลกจะเป็นสมการ
6-6-6
ตัวเลขสามหลักทั้งสองชุดเป็นสมการสามมิติ
มิใช่สมการมิติเดียวที่พวกศัตรูมนุษย์บิดเบือน
เราจะขยายความหมายให้ในวันหน้าถ้าโอกาสมี
หลังการชำระโลกครั้งที่สี่นี้
จะยังผลให้โลกเข้าสู่ยุคพลังงานใหม่เต็มตัว
สมการสามมิติแทนค่าความสมดุลของโลกเสรีนี้
จะอ่านว่า “หก-หก-หก” ไม่ใช่หกร้อยหกสิบหก!
โดยโลกจะหมุนรอบตัวเองเร็วขึ้นกว่าเดิม
แกนหมุนของโลกจะเอียงจากเดิม 8.5 องศา
ขั้วเหนือใต้ของเข็มทิศแม่เหล็กโลกเสรีนี้
จะเบี่ยงเบนมาทางทิศที่ตะวันขึ้นอีก 3 องศา
ประชากรโลกจะหายไป
30% ของที่มีอยู่
คนดีที่เลือกข้างพระเจ้าเท่านั้นที่จะถูกคัดไว้
ขยะทุกชิ้นทั้งในมิติทางกายภาพและพลังงาน
ช่างเท็คนิกจะกำจัดคัดทิ้งเสียทั้งหมด
ไม่มีเหลือไว้ให้เป็นขยะรกโลกอีกตลอดไป
ภูเขาจำนวนมากมายจะหายไปจากแผ่นดินโลก
เกาะแก่งน้อยใหญ่จะจมหายไปในท้องทะเล
ทวีปใหญ่จะถูกทำให้แตกเป็นสามเสี่ยง
แผ่นดินที่จมอยู่ใต้แผ่นโลกในยุคแอ็ตแลนติส
จะพลิกหงายกลับขึ้นมาปรากฏให้เห็นอีกครั้ง
ทวีปใหญ่ที่เป็นเกาะจะถูกยกออกไปจากโลก
เชื้อโรคร้ายที่ศัตรูมนุษย์เพาะไว้จะตายเกลี้ยง
แผ่นดินโลกจะสั่นไหวอย่างรุนแรง
ทะเลจะสั่นสะเทือนจากภูเขาไฟใต้ทะเล
ซึ่งจะเกิดการระเบิดพร้อมกันอย่างต่อเนื่อง
จนคลื่นยักษ์ซัดกระหน่ำแผ่นดินยิ่งกว่าในหนัง
ฝนจะตกหนักทั้งวันคืนสลับกับพายุที่รุนแรง
อุกกาบาตไฟสลับกับก้อนน้ำแข็งยักษ์
จะพากันตกกระหน่ำลงมาใส่โลกอย่างน่าตกใจ
ท้องฟ้าจะสั่นสะเทือนหนักด้วยเสียงกัมปนาท
จากการแตกระเบิดของจิตวิญญาณชั่วร้าย
ที่ซ่อนอยู่ในระบบโลกมานานเพราะถูกกำจัดทิ้ง
ดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์ต้องใช้พลังถึง 7 ส่วน
เพื่อใช้ดำเนินการในการชำระโลกครั้งที่สี่นี้
โลกจะมืดติดต่อกันรอบด้านนาน 56 วัน
หมายสำคัญคือโลกจะร้อนสุดๆกว่าที่เคยร้อน
เพราะเหนือก๊าซเรือนกระจกขึ้นไปนั้น
ดาวโลกทั้งดวงจะเกิดการลุกเป็นไฟดวงใหญ่
สื่อถ่ายทอดคลื่นความคิดในระบบจิตสู่จิต
จากองค์จิตจักรวาลดวงใหญ่
ปัญญาวิสุทธิ์
5/06/2566
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ในแผนปฏิบัติการชำระโลกครั้งที่สี่นี้
มันจะมีภัยร้ายสองอย่างเกิดขึ้นทับซ้อนกัน
ที่มนุษย์โลกทุกคนจักต้องได้เผชิญแน่นอน
ภัยร้ายอย่างแรกจะเป็น #ภัยจากธรรมชาติ
อันเกิดจากการที่มนุษย์ไม่รักโลก
ทำลายโลกให้เสียสมดุลอย่างไร้จิตสามนึก
ซึ่งเป็นการทำลายโลกในมิติทางกายภาพ
เช่น การตัดต้นไม้ทำลายป่าการถมทะเล
การระเบิดภูเขาทำลายต้นกำเนิดของแม่น้ำ
การทำลายป่าที่อยู่อาศัยของสัตว์ประจำโลก
การทำลายป่าเขาเครื่องกำบังลมพายุที่รุนแรง
การทำลายป่าเขาที่จะเก็บความชุ่มชื้นไว้ให้
อันเป็นที่มาของการเกิดพายุที่รุนแรง
เป็นที่มาของการเกิดความแห้งแล้งของโลก
เป็นที่มาของการเกิดอุทกภัยที่รุนแรง
การระเบิดภูเขาเพื่อย้ายเอามาสร้างป่าคอนกรีต
จนทำให้โลกเสียสมดุลหมุนไปแกว่งไปส่ายไป
เพราะภูเขาที่เป็นเหมือนตัวถ่วงสมดุลของโลก
ถูกยกย้ายออกไปจากพิกัดเดิมที่ทรงติดตั้งไว้
จนเกิดฝุ่นหินที่เป็นพิษต่อระบบทางเดินหายใจ
จนทำให้อัตราเร็วการเหวี่ยงหมุนของโลกไม่คงที่
ทำให้ความเข้มสนามแม่เหล็กโลกไม่สมดุล
ซึ่งมีผลร้ายต่อระบบไฟฟ้าในอวัยวะร่างกายมนุษย์
จนเกิดอาการชำรุดและทรุดเสื่อมลงเรื่อยๆ
ทำให้ดินฟ้าอากาศวิปริตแปรปรวน
การหมุนธรรมจักรไม่เป็นหรือหมุนไม่ได้
นอกจากโลกจะเสียสมดุลจนเหวี่ยงหมุนช้าลงแล้ว
ก๊าซออกซิเจนที่สิ่งมีชีวิตทุกชนิดต้องใช้ดำรงชีพ
ก็จะลดน้อยถอยลงทั้งบนบกในอากาศและในน้ำ
โลกก็จะเกิดก๊าซเรือนกระจกปกคลุมหุ้มห่อโลกไว้
เนื่องจากในระบบโลกมีก๊าซออกซิเจนที่เบากว่า
มีปริมาณเหลือน้อยมากจนผลักดันก๊าซมวลหนัก
จำพวกก๊าซเรือนกระจกให้หลุดพ้นแรงดึงดูดโลก
ออกไปจากระบบโลกไม่ได้ดั่งเมฆที่ลอยอยู่บนฟ้า
ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
เพราะรังสีอัลตร้าไวโอเล็ตสะท้อนออกไปไม่ได้
เนื่องจากก๊าซเรือนกระจกคอยปิดกั้นเอาไว้นั่นเอง
ดังนั้น
ภัยธรรมชาติที่เกิดจากดินน้ำลมไฟทุกรูปแบบ
แม้กระทั่งพายุแม่เหล็กบนก้อนเมฆในอากาศ
มนุษย์จะต้องเผชิญชะตากรรมร่วมกันแน่นอน
เพราะโลกจะทำการปรับสมดุลให้ระบบตนเอง
ด้วยวิถีแห่งธรรมชาติให้มนุษย์ได้ประจักษ์แจ้งว่า
การทำลายธรรมชาติไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อม
มันคือการทำลายระบบของตนเองให้เสียสมดุล
แล้วระบบที่เสียสมดุลนั้นก็จะกลับมาทำลายคืน
เราเคยกล่าวความจริงให้ได้รู้กันมานานแล้วว่า
ยุคใดที่มนุษย์โลกมีจิตสามนึกตกต่ำกันมากๆ
รักกันไม่ได้อภัยกันไม่เป็นเห็นแก่ประโยชน์ตัว
ยุคนั้นมนุษย์จะต้องทำสงครามกับภัยธรรมชาติ
อย่างเงยหัวไม่ขึ้นกันเสมอปักหมุดเอาไว้ได้เลย
ส่วนภัยอย่างที่สองก็คือ #ภัยพิบัติ
เป็นมหันตภัยร้ายแรงที่จะเกิดขึ้น
ตามแผนการที่พระเจ้าทรงกำหนดเอาไว้แล้ว
ซึ่งเป็นปฏิบัติการชำระโลกเพื่อการเปลี่ยนยุค
มิใช่ปฏิบัติการเหมือนสามครั้งที่ผ่านมา
ที่เน้นการชำระขยะออกไปจากระบบโลกให้สิ้น
การชำระโลกครั้งที่สี่นี้เป็นการปรับสมดุลโลก
ให้มีพลังอำนาจสูงขึ้นจากเดิมเป็นสองเท่า
ยุคพลังงานเก่าสมดุลโลกยังเป็นสมการ 3-3-3
มิใช่สมการมิติเดียวที่พวกศัตรูมนุษย์บิดเบือน
เราจะขยายความหมายให้ในวันหน้าถ้าโอกาสมี
หลังการชำระโลกครั้งที่สี่นี้
จะยังผลให้โลกเข้าสู่ยุคพลังงานใหม่เต็มตัว
สมการสามมิติแทนค่าความสมดุลของโลกเสรีนี้
จะอ่านว่า “หก-หก-หก” ไม่ใช่หกร้อยหกสิบหก!
โดยโลกจะหมุนรอบตัวเองเร็วขึ้นกว่าเดิม
แกนหมุนของโลกจะเอียงจากเดิม 8.5 องศา
จะเบี่ยงเบนมาทางทิศที่ตะวันขึ้นอีก 3 องศา
ขยะทุกชิ้นทั้งในมิติทางกายภาพและพลังงาน
ช่างเท็คนิกจะกำจัดคัดทิ้งเสียทั้งหมด
ไม่มีเหลือไว้ให้เป็นขยะรกโลกอีกตลอดไป
ภูเขาจำนวนมากมายจะหายไปจากแผ่นดินโลก
เกาะแก่งน้อยใหญ่จะจมหายไปในท้องทะเล
ทวีปใหญ่จะถูกทำให้แตกเป็นสามเสี่ยง
แผ่นดินที่จมอยู่ใต้แผ่นโลกในยุคแอ็ตแลนติส
จะพลิกหงายกลับขึ้นมาปรากฏให้เห็นอีกครั้ง
ทวีปใหญ่ที่เป็นเกาะจะถูกยกออกไปจากโลก
เชื้อโรคร้ายที่ศัตรูมนุษย์เพาะไว้จะตายเกลี้ยง
แผ่นดินโลกจะสั่นไหวอย่างรุนแรง
ทะเลจะสั่นสะเทือนจากภูเขาไฟใต้ทะเล
ซึ่งจะเกิดการระเบิดพร้อมกันอย่างต่อเนื่อง
จนคลื่นยักษ์ซัดกระหน่ำแผ่นดินยิ่งกว่าในหนัง
ฝนจะตกหนักทั้งวันคืนสลับกับพายุที่รุนแรง
อุกกาบาตไฟสลับกับก้อนน้ำแข็งยักษ์
จะพากันตกกระหน่ำลงมาใส่โลกอย่างน่าตกใจ
ท้องฟ้าจะสั่นสะเทือนหนักด้วยเสียงกัมปนาท
จากการแตกระเบิดของจิตวิญญาณชั่วร้าย
ที่ซ่อนอยู่ในระบบโลกมานานเพราะถูกกำจัดทิ้ง
ดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์ต้องใช้พลังถึง 7 ส่วน
โลกจะมืดติดต่อกันรอบด้านนาน 56 วัน
เพราะเหนือก๊าซเรือนกระจกขึ้นไปนั้น
ดาวโลกทั้งดวงจะเกิดการลุกเป็นไฟดวงใหญ่
สื่อถ่ายทอดคลื่นความคิดในระบบจิตสู่จิต
จากองค์จิตจักรวาลดวงใหญ่
ปัญญาวิสุทธิ์
5/06/2566