07 มิถุนายน 2566

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 7/06/2023

(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)
 
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
 
ขณะนี้โลกกับมนุษย์ได้ถึงกาลสิ้นสุดยุคแล้ว
คำว่า “ถึงกาล” ในที่นี้หมายถึง “ถึงเวลา”
คำว่า “เวลา” ในที่นี้หมายถึงเวลาที่กำหนดว่า
จิตวิญญาณพวกคุณที่อาสามาเกิดเป็นมนุษย์
เพื่อเข้ามาทำหน้าที่ใช้เมตตาธรรมค้ำจุนโลก
นาน 1 ยุคเท่ากับ 6 หมื่นปีโลกนั้นได้สิ้นสุดลง
ตั้งแต่เมื่อ 800 ปีเศษที่ผ่านมาแล้ว
 
เพราะว่าเรากลับมาล่าช้ากว่ากำหนด
จึงไม่มีใครรู้อนุตรธรรมความจริงที่จะบอกคุณได้
พระเจ้าจึงทรงมีพระเมตตาต่อพวกคุณทั้งโลก
ทรงยืดเวลาแห่งกาลสิ้นยุคออกมา 800 ปีเศษ
เพื่อให้พวกคุณเตรียมตนเองและจิตวิญญาณ
สำหรับผจญภัยในปฏิบัติการเปลี่ยนยุคกันให้ทัน
โดยเปลี่ยนจากยุคพลังงานเก่าสู่ยุคพลังงานใหม่
 
คำว่า “ยุคพลังงานเก่า” ในที่นี้เราหมายถึง
เป็นยุคที่พระเจ้าทรงให้พวกคุณจากแดนสุญตา
ที่เป็นจิตวิญญาณเดินทางผ่านเข้ามาในระบบโลก
มาเกิดเป็นคนสองมิติเพื่อคนตนเองให้เป็นมนุษย์
โดยให้จิตหยาบใช้ขันธ์ห้าหมุนธรรมจักรให้สำเร็จ
ซึ่งต้องหมุนมันด้วยความรักบริสุทธิ์หรือรักเพื่อให้
ในการผลิตพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กที่สะอาด
เป็นพลังงานที่จะช่วยให้แกนโลกบิดตัวได้ต่อเนื่อง
จนโลกสามารถเหวี่ยงหมุนรอบตัวเองอัตราเร็วคงที่
อันหมายถึงความรักจากจิตมนุษย์ที่หมุนธรรมจักร
ช่วยทำให้ดาวโลกดวงนี้เกิดความสมดุลขึ้นมาได้
 
หน้าที่ของมนุษย์ทุกคนและสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย
ที่จิตวิญญาณ “ขันอาสา” มาเกิดเป็นมนุษย์กันนี้
ต่างเป็นรูปธรรมทางจิตวิญญาณที่มาเกิดบนโลก
เพื่อทำหน้าที่ทางจิตวิญญาณในแบบที่ว่านี้ทั้งสิ้น
 
ดังนั้น
มนุษย์ทุกคนจึงต้องมี “จิตหยาบ”
ไว้คอยทำหน้าที่แทนจิตวิญญาณแก่นแท้ของตน
เพราะในความเป็นมนุษย์โลกนั้น
โอกาสที่จิตวิญญาณจะเสียสมดุลและผ่าเหล่า
มีโอกาสมีความเป็นเป็นไปได้ค่อนข้างสูงยิ่ง
พวกคุณชาวโลกจึงเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงเผ่าเดียว
ที่มีจิตหยาบทำหน้าที่แทนจิตวิญญาณของตน
แต่พวกคุณถูกปิดบังความจริงไว้ไม่ให้รู้ตลอดมา
ทั้งถูกปิดบังเพราะไม่มีผู้รู้ที่จะเป็นผู้บอกกล่าวได้
และปิดบังเพราะมีผู้รู้แต่ไม่ยอมบอกกล่าวให้รู้ก็มี
 
นอกจากนั้น
พวกที่ไม่หวังดียังนำพาพวกคุณหลงทางอีกด้วย
โดยบิดเบือนด้อยค่าสัจธรรมที่พระศาสดาตรัสรู้ว่า
ตรัสรู้เรื่องอริยะสัจสี่ทั้งๆที่ตรัสรู้เรื่อง #ธรรมจักร
ซึ่งเรื่องอริยะสัจสี่นั้นทรงใช้ความคิดแบบจิตมนุษย์
ก็วิเคราะห์และสังเคราะห์โลกียะธรรมบทนี้ได้แล้ว
 
แต่เรื่อง “ธรรมจักรกัปปวัตนสูตร”
ซึ่งทรงแสดงปฐมเทศนาแก่ปัญจวัคคีย์ทั้งห้ารูป
ที่เป็นเอหิภิกขุอุปสัมปทาคือทรงเป็นอุปัชฌาให้นั้น
ตรัสรู้มาได้ด้วยการใช้ #อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ
อันเป็นความฉลาดทางปัญญาที่สูงกว่ามนุษย์ทั่วไป
จนยังผลให้คนนำทางตาบอดสาวกมอดทั้งหลาย
นำพาคนชอบธรรมให้เปลี่ยนเป็น “คนชอบทำ”
คือมุ่งทำแต่สิ่งที่ตนชอบด้วยการทำตามกิเลส
แต่ปฏิเสธที่จะทำในสิ่งสมควรต้องทำกันมาตลอด
 
นั่นคือ
ปฏิบัติธรรมเพื่อมุ่งผลประโยชน์ส่วนตนกับพวก
ในลักษณะของการเห็นแก่ตัวกับพวกตัวเท่านั้น
ไม่เคยสำนึกได้เลยว่าจิตวิญญาณตนเป็นใคร
จิตวิญญาณตนมาจากไหนมาเกิดเป็นมนุษย์ทำไม
มาเกิดเป็นมนุษย์แล้วมีหน้าที่ต้องทำอะไรบ้าง
 
มนุษย์ถูกหลอกให้ทำบุญเบื้องล่าง
เพื่อเอาไปสร้างสวรรค์มายาเบื้องบน
หลอกลวงคนชอบทำที่จิตยังติดกิเลสกันอยู่
ให้ใช้จิตใต้สำนึกสร้างวิมานเมืองแก้วขึ้นมา
โดยใช้ความเชื่อว่าจริงและความศรัทธาของตน
ก่อร่างสร้างคุกขังจิตวิญญาณตนเองเอาไว้บนนั้น
จนกลับลงมาเกิดใหม่เพื่อแก้ไขตนเองไม่ได้
เพื่อกลับมาทำหน้าที่ทางจิตวิญญาณ
ตามที่ขันอาสามาเกิดอีกไม่ได้อย่างยาวนาน
แล้วหลอกว่าจิตวิญญาณรูปธรรมนั้น
เข้าถึงสภาวะนิพพานเรียบร้อยโรงเรียนมอดแล้ว
 
การหลอกให้คนชอบทำ
ทำบุญหลายหนจะได้สร้างกุศลหลายครั้งนั้น
ก็เพื่อจะได้ไปลอยค้างอยู่บนนั้น
ซึ่งดูเหมือนจะเป็นดินแดนแห่งความสุขสงบ
เพราะจิตวิญญาณกำลังหลงมิติอยู่
และจิตวิญญาณก็เมากิเลสที่ติดไปจากโลกด้วย
 
ผู้หลงมิติจึงเคลิบเคลิ้มอยู่กับสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง
ทั้งวิมานเมืองแก้วทั้งความสุขสบายที่เป็นกิเลส
จนอยู่บนนั้นได้อย่างยาวนานไม่รู้สิ้นสุดยุติ
เพราะอำนาจกิเลสที่เห็นว่าเป็นมนุษย์เป็นทุกข์
ลอยไปค้างจนหลงทางนิพพานอยู่บนนั้นสุขกว่า
พระพุทธองค์ทรงเรียกการหายตัวไปแบบนี้ว่า
เป็นการนิพพานแบบตาลยอดด้วนคือเทียมเท็จ
 
ส่วนการนิพพานที่แท้จริงนั้น
พระเจ้าทรงหมายถึงพวกคุณต้องนิพพานกิเลส
โดยแดนนิพพานนั้นอยู่ที่จิตหยาบของคุณเอง
มิใช่อยู่ที่แดนสวรรค์มายาชั้นนั้นชั้นนี้แต่อย่างใด
 
คำว่า “นิพพานกิเลส” หมายถึง
การหาทางดับการเกิดดับของกิเลสในชีวิตให้ได้
ด้วยการรับรู้แล้วไม่รับเอามันมาปรุงแต่ง
โดยไม่ต้องปิดอายตนะภายนอกทั้งห้า
โดยไม่ต้องปลีกวิเวกเข้าป่าเข้าถ้ำให้ยุ่งยาก
ปฏิบัติตนไปตามวิถีแห่งธรรมชาติของตนเท่านั้น
 
วิธีปฏิบัติก็คือเมื่อตาหูจมูกลิ้นกายสัมผัส
สัมผัสกับสิ่งใดก็ตามจิตหยาบของคุณจะรับรู้ทันที
มันจะเป็นเงื่อนไขให้ขันธ์ห้าตื่นขึ้นมาทำงานเสมอ
 
คำว่า “ตื่น” ก็คือ #ตื่นรู้
คำว่า “ตื่นรู้” หมายถึงตื่นมาเพื่อทำหน้าที่ #รับรู้
โดยคุณต้องใช้ความรักและปัญญาในการรับรู้
เพื่อคัดกรองเอาแต่ “สาระ” จากการรับรู้มาได้นั้น
ทำการเรียนรู้ด้วยปัญญาว่าอะไรเป็นอะไรอย่างไร
และคุณต้องรักมันให้ได้แม้ว่ามันจะไม่น่ารักก็ตาม
นี่คือหน้าที่ของจิตหยาบที่ต้องทำเพื่อโลก
อันเป็นภารกิจทางจิตวิญญาณโดยแท้
 
ถ้าใครทำนอกรีตไปจากที่ว่านี้
แสดงว่าคนๆนั้นเป็นมนุษย์ไม่เป็น
เพราะถูกหลอกให้ใช้กิเลสปฏิบัติธรรม
จากผู้ที่ไม่หวังดีมาตั้งแต่นับพันปีหมื่นปีแล้ว
จึงเสียทีที่ได้รับโอกาสให้มาเกิดเป็นมนุษย์
 
เมื่อคุณปฏิบัติธรรมตามแบบคนชอบธรรม
ที่เราพระบุตรเอกของพระเจ้าเข้ามากล่าวให้รู้
ถ้าใครเลือกข้างพระบิดาและศรัทธาเรา
ด้วยการยอมรับขนมปังพระบิดาพาไปกินกัน
คนผู้นั้นก็จะได้รับการคัดไว้ไม่ถูกคัดทิ้ง
พระเจ้าจะทรงรับกลับสู่การมีชีวิตนิรันดร์
ในแดนสุญตาซึ่งเป็นพระนิเวศน์ของพระเจ้า
ที่ชาวพุทธควรเรียกว่า #การหลุดพ้นนิพพาน
คือกลับคืนบ้านเกิดเมืองนอนของจิตวิญญาณ
ที่อยู่นอกด่านนภาลัยคือนอกเอกภพออกไป
เพราะนิพพานทุกสิ่งอย่างจนหมดสิ้นแล้ว
ซึ่งเป็นการนิพพานของจิตวิญญาณขั้นสุดท้าย
เมื่อตายไปจากการเป็นมนุษย์โลกแล้วนั่นเอง
 
สื่อถ่ายทอดคลื่นความคิดในระบบจิตสู่จิต
จากองค์จิตจักรวาลดวงใหญ่
 
ปัญญาวิสุทธิ์
7/06/2566