04 มิถุนายน 2566

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 4/06/2023

(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)
 
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
 
องค์จิตจักรวาลผู้ทรงเป็นพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
พระผู้เป็นเจ้าเหนือสิ่งทั้งปวงที่ “ทรงกำหนดสร้าง”
ได้เร่งเวลาในการเสด็จกลับมายังโลกตามสัญญา
ของพระวิญญาณบริสุทธิ์เพื่อมาฉุดช่วยพี่ๆน้องๆ
ให้ได้รับความรอดและให้กลับคืนสู่พระอาณาจักร
อันเป็นบ้านเกิดเมืองนอนของจิตวิญญาณที่จากมา
ในสภาวะหลุดพ้นหรือนิพพานแท้จริงให้พร้อมหน้า
 
เนื่องจากบัดนี้โลกเสรีถึงกาลสิ้นยุคพลังงานเก่า
จิตวิญญาณพวกคุณล้วนหมดวาระการทำหน้าที่แล้ว
คงเหลือหน้าที่สำคัญเพียงอย่างเดียวคือ #กลับบ้าน
 
ดังนั้น
การรีบกลับมาตามสัญญาแต่มาเร็วกว่ากำหนด
จึงจำเป็นจะต้องเกิดขึ้นเพราะถ้าทอดเวลาไว้
ทั้งคนทั้งโลกก็จะเกิดปัญหาใหญ่ขึ้นมามากมาย
ซึ่งมันจะสายจนเกินแก้และแย่จนเกินเยียวยาได้
เพราะช่วงปลายยุคพลังงานเก่าคือช่วงเวลาขณะนี้
เป็นช่วงที่โลกเสรีว่างจากการมีพระศาสดานั่นเอง
 
ขณะเดียวกันกับที่ฝ่ายปรปักษ์ของพระเจ้า
คือฝ่ายที่เป็นพวกมอดมารทั้งหลายนั้น
ก็จะเร่งทำการกวาดต้อนฝูงแกะของพระเจ้า
เพื่อขโมยไปเป็นสาวกอย่างเข้มข้นกันมากยิ่งขึ้น
 
ในสมัยอียิปต์โบราณ
ฟาโรห์ก็เป็นชนระดับผู้นำคนหนึ่งของชนยุคนี้
ที่เลือกข้างจะอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับพระเจ้า
เพราะได้คบหากับฝ่ายที่เป็นปรปักษ์ของพระองค์
คบทั้งพวกที่ยังมีเนื้อหนังและพวกที่เป็นผีโสโครก
 
ศัตรูผู้เป็นปรปักษ์กับพระเจ้า
คือกลุ่มที่ชอบเข้ามาแทรกแซงกิจการของมนุษย์
ด้วยการชี้นำให้มนุษย์ทำการต่อต้านพระผู้เป็นเจ้า
สอนมนุษย์ทะเยอทะยานที่จะเป็นพระเจ้าเสียเอง
 
ตัวอย่างเช่น
สอนฟาโรห์ให้ใช้ไสยเวทย์ทำให้อยู่ยงคงกระพัน
หนังเหนียวฟันแทงไม่เข้าเนื้อหนังทนต่อคมอาวุธ
ซึ่งเป็นฤทธิ์อภิญญาหนึ่งในหกของพวกที่มีเนื้อหนัง
ที่เดินทางเข้ามายังระบบโลกเสรีนี้จากดาวดวงอื่น
โดยฤทธิ์อภิญญานี้เป็นคุณสมบัติของจิตวิญญาณ
ที่สมดุลในระดับ 6 คือมีรูปธรรมเป็น 6 เหลี่ยมมุม
ซึ่งสามารถอวดแสดงฤทธิ์ได้เพราะสิ่งมีชีวิตพวกนี้
เขาใช้จิตใต้สำนึกในการขับเคลื่อนพฤติกรรม
 
ต่างจากมนุษย์ที่ใช้จิตหยาบทำหน้าที่แทนแก่นแท้
จึงต้องใช้ #จิตสามนึก ในการขับเคลื่อนพฤติกรรม
โดยมนุษย์มีจิตใต้สำนึกให้ใช้อยู่เหมือนกัน
แต่พระเจ้าทรงออกแบบให้จิตใต้สำนึกของพวกคุณ
มีหน้าที่พิเศษคือให้คอยสั่นสะเทือนตามจิตสามนึก
เพื่อให้เกิดพฤติกรรมเป็นการกระทำในมิติแก่นแท้
คู่ขนานกันกับพฤติกรรมในมิติโลกทางกายภาพ
ในรูปแบบของ #คนสองมิติ ตามที่ทรงกำหนดไว้ให้
 
เพราะมนุษย์ใช้จิตหยาบทำงานแทนจิตวิญญาณ
มนุษย์จึงไม่อาจเข้าถึงอภิญญฤทธิ์แบบพวกเขาได้
ต้องรอวันเวลาที่จิตหยาบยกระดับตนเองให้สูงขึ้น
จนเข้าถึงการเป็นหนึ่งเดียวกันกับจิตวิญญาณได้
หรือคุณยกระดับตนเองจนเข้าถึงมิติที่ 6D ได้เมื่อใด
เมื่อนั้นคุณก็สามารถเข้าถึงอภิญญฤทธิ์ได้ไม่แพ้กัน
แต่การเข้าถึงมันมิใช่เรื่องง่ายดายนักสักเท่าไหร่
และเมื่อใครแม้จะสามารถเข้าถึงมันได้แล้วก็ตาม
ปัญหาก็คือจะเกิดอาการหลงตัวเองโดยมีอัตตาสูง
พระศาสดาจึงทรงสั่งเตือนสาวกเอาไว้ล่วงหน้าว่า
จงอย่าอวดอุตริมนุษยธรรมให้โลกคือคนอื่นๆรู้เห็น
เพราะมันจะทำให้จิตวิญญาณเสื่อมพลังอำนาจลง
 
ตัวอย่างที่เราจะอ้างให้คุณรู้ก็คือ
พวกสิ่งมีชีวิตฝ่ายเนื้อหน้งจากต่างแดนดาว
ซึ่งเข้ามาแทรกแซงกับภารกิจของชาวโลกนั้น
จิตวิญญาณของพวกเขาล้วนตกต่ำลงจากมิติที่ 6D
จนลดลงมาเหลือเพียงแค่ 5D ในปัจจุบันนี้แล้ว
เพราะพวกเขาใช้อภิญญฤทธิ์กันแบบฟุ่มเฟือยมาก
โดยใช้อย่างไม่ถูกต้องใช้กันอย่างไม่สร้างสรรค์
พลังอำนาจเดิมที่เคยมีมาแต่แรกจึงเสื่อมทรุดลง
ภายในเวลาแค่ไม่เกินหนึ่งหมื่นปีเท่านั้นเอง
 
ความคงกระพันชาตรีของฟาโรห์
ได้จากไสยเวทย์ซึ่งเป็นภาษาของจิตวิญญาณ
ที่เมื่อร่ายมนต์บ่นท่องคาถานั้นเพียงไม่กี่คำ
มันจะทำให้เซลล์อวัยวะร่างกายฝ่ายเนื้อหนัง
เกิดการสั่นสะเทือนตามด้วยคลื่นความถี่สูงทันที
จนยังผลให้จิตวิญญาณแก่นแท้ของตนที่อยู่ข้างใน
ถูกกระตุ้นให้เกิดอาการแตกตื่นตกใจแบบฉับพลัน
เหมือนคนที่นอนหลับอยู่ถูกปลุกให้ลุกตื่นในทันที
จิตวิญญาณของฟาโรห์ก็เกิดอาการเป็นแบบนั้น
 
พระบิดาทรงอนุญาตให้จิตวิญญาณของมนุษย์
สำแดงฤทธิ์อำนาจที่ตนมีอยู่ออกมาได้เสมอ
ถ้ารับรู้จากจิตหยาบว่ากำลังเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย
เพื่อรักษาชีวิตให้รอดไว้ในยามหน้าสิ่วหน้าขวาน
โดยมีเงื่อนไขสำคัญว่าสถานการณ์นั้นต้องเป็นจริง
มิใช่สถานการณ์ที่เสแสร้งแกล้งทำหรือหลอกลวง
 
การใช้เวทย์มนต์ที่เป็นภาษาจิตซึ่งฟังไม่รู้เรื่อง
จนทำให้จิตวิญญาณแตกตื่นตกใจดังกล่าวนี้
นอกจากเป็นการกระทำอวดอุตริมนุษยธรรมแล้ว
พลังงานจากจิตใต้สำนึกที่เป็นพลังเมอร์คขะบาห์
ที่ถูกเหวี่ยงออกมาเพื่อทำให้หนังเหนียวทนคมนั้น
จะถูกพระเจ้าทรงดูดซับกลับคืนเอาไปทั้งหมด
จิตวิญญาณของคุณก็จะเสื่อมฤทธิ์ด้อยพลังลง
จนในที่สุดหากทำแบบเดิมไปเรื่อยๆพลังก็จะหมด
 
เพราะความจริงที่จริงแท้มันเป็นแบบนี้
ในที่สุดฟาโรห์ก็หนีความตายไปไม่พ้น
ต่อให้มีเวทย์มนต์ที่ทำให้คงทนต่อคมอาวุธก็ตาม
การอยากมีอายุยืนค้ำฟ้าเป็นสิ่งที่ถูกต้องชอบธรรม
เพราะพระเจ้าทรงออกแบบให้มนุษย์ไม่ต้องตาย
โดยมีสิ่งมีชีวิตฝ่ายเนื้อหนังจากต่างดาวเป็นอาทิ
 
แต่ฟาโรห์เองไม่เคยขบคิดในมุมกลับบ้างเลยว่า
#เหตุใดมนุษย์โลกทุกคนและตนเองจึงต้องตาย?
 
เพราะได้แต่นึกคิดแค่เพียงประเด็นเดียวว่า
#ทำอย่างไรตนจึงจะไม่ตาย?
จึงใฝ่หาไสยเวทย์กับวิธีการทางไสยศาสตร์
ที่ศัตรูมนุษย์ซึ่งเป็นปรปักษ์ของพระเจ้าถนัดทำ
ทุกอย่างจึงเข้าทางศัตรูไปหมดนับตั้งแต่บัดนั้น
ศาสตร์ด้านอุตริมนุษยธรรมที่นำพาความงมงาย
และนำความเสื่อมทางจิตวิญญาณมาให้มนุษย์
จึงกลายเป็นมรดกตกทอดมาจนถึงมนุษย์ในยุคนี้
 
พวกสิ่งมีชีวิตฝ่ายเนื้อหนังจากต่างดาว
ที่เปิดเผยตัวตนและกล้าสร้างสัมพันธ์กับมนุษย์
ยังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุเท็คโนโลยี
ที่คนในยุคนั้นต้องอึ้งและทึ่งกันเป็นอย่างมาก
เช่นตื่นเต้นกับเครื่องจักรกลที่เหาะบินในอากาศได้
จึงพากันซูฮกยกนิ้วให้ว่าพวกนี้เป็นเทพเจ้า
เพราะทำอะไรๆที่มนุษย์ในยุคนั้นทำกันไม่ได้
เมื่อชนชั้นนำในยุคโบราณนี้อยากมีอำนาจร่วม
การจับคู่สู่สมเพื่อแลกเปลี่ยนดีเอ็นเอกันจึงเกิดขึ้น
 
หลักฐานโบราณที่มีอยู่
มันฟ้องให้เห็นว่าเทพเจ้าของอียิปต์โบราณนั้น
มีมายารูปลักษณ์แปลกๆแตกต่างกันไป
บางตัวตนรูปร่างเป็นคนแต่ส่วนศีรษะเป็นหัวนก
บางตัวตนรูปร่างเป็นคนส่วนเท้าและศีรษะเป็นนก
บางตัวตนรูปร่างเป็นคนแต่ส่วนศีรษะเป็นกวาง
ฯลฯ
 
ส่วนใหญ่ตัวตนรูปลักษณ์ของเทพเจ้าหญิงชาย
จะละม้ายคล้ายคลึงกับสัตว์ประจำโลกเสียมากกว่า
เพราะสิ่งมีชีวิตเหล่านี้พระเจ้าทรงกำหนดสร้างขึ้น
เพื่อทดลองสร้างสิ่งมีชีวิตที่เป็นต้นแบบของมนุษย์
โดยใช้รูปธรรมสัตว์ประจำโลกต่างๆเป็นแบบอย่าง
 
เนื่องจากพวกนี้เมื่อเกิดแล้วไม่เคยตาย
ทำให้สั่งสมประสบการณ์กับองค์ความรู้เอาไว้มาก
จึงมีความฉลาดทางปัญญาสูงกว่ามนุษย์ในยุคนั้น
ยิ่งทำให้คนชั้นผู้นำพากันเซ่นสรวงบูชาด้วยศรัทธา
เพื่อหวังจะแชร์อำนาจให้ตนเองเหนือนำคนอื่นๆได้
 
นอกจากนั้น
ฝ่ายปรปักษ์ของพระเจ้าพวกที่เป็นผีโสโครก
ก็ยังหลอกชนชั้นผู้นำของอียิปต์โบราณ
นับตั้งแต่ยุคฟาโรห์เรื่อยมาให้แสวงหาอำนาจ
ด้วยการทำให้ยอมเป็นพวกเดียวกันกับพวกตน
โดยแต่งตั้งมนุษย์บางคนที่สื่อสารภาษาจิตได้
ด้วยวิธีการใช้คลื่นเสียงสั่นสะเทือนประสาทสมอง
ให้เกิดเสียงสะท้อนหรือเสียงก้องในระบบเอ็คโค่
เพื่อหลอกให้ผู้ถูกกระทำเกิดอาการฉงนสนเท่ห์
เพราะไม่รู้ว่าเสียงที่ในหัวนั้นมาจากไหนใครส่งมา
 
เสียงที่ดังในหัวบอกว่าตนคือ “เทพเจ้า”
ชื่อนามว่าแบบนั้นแบบนี้มีตัวตนรูปลักษณ์แบบไหน
เสียงก้องนั้นจะสื่อสารมาบอกให้โดยไม่เผยตัวผู้สื่อ
ยุคอียิปต์โบราณจึงมีตำนานเรื่องเทพเจ้าเยอะแยะ
 
ทุกยุคสมัย
มนุษย์รู้จักสร้างสัมพันธ์กันกับสิ่งมีชีวิตพวกนี้
ก็เพราะต้องการมีอำนาจเหนือนำมนุษย์ด้วยกันเอง
รวมทั้งต้องการมีอำนาจเสมอพระเจ้าด้วยฤทธิ์วิเศษ
เช่น ต้องการมีชีวิตยืนยาวโดยไม่ต้องตายได้ก็ดี
อย่างเช่นสมัยจิ๋นซีฮ่องเต้จักรพรรดิ์ของชาวจีน
ที่ค้นคว้าด้านตัวยาสมุนไพรเพื่อทาหรือนำมาดื่มกิน
ทำให้ตนเองมีอายุขัยยืนยาวด้วยยาอายุวัฒนะ
 
มนุษย์ถูกสอนให้ใช้ชีวิตเสพติดกิเลส
จึงทำตนเป็นฝ่ายตรงข้ามกับพระเจ้าตลอดมา
เพราะความงมงายอันเกิดจากจากการโง่ง่าย
เนื่องจากมีสติปัญญาของสมองแต่ใช้การไม่เป็น
มีความรักบริสุทธิ์อยู่ล้นใจแต่เข้าไม่ถึงกัน
เพราะมีกิเลสตัณหาราคะอารมณ์ขยะเป็นอุปสรรค
เพราะกดปุ่มการคิดเพื่อใช้ปัญญาของสมองไม่ได้
 
เพราะอยากมีอำนาจเหนือนำผู้อื่น
แต่เข้าถึงอำนาจแท้จริงในตนเองไม่ได้
จึงเที่ยวแสวงหาอำนาจจากภายนอกอยู่ร่ำไป
การพึ่งพาสิ่งมีชีวิตจากดาวอื่นดังตัวอย่างที่กล่าวมา
ก็เป็นการแสวงหาอำนาจให้ตนเองอีกวิธีหนึ่ง
เพียงแค่ยอมตนเป็นพวกด้วยการเซ่นไหว้พวกเขา
ที่มีบทอัศจรรย์สำแดงให้ตนแลเห็นด้วยตาเปล่า
เพียงเท่านี้ลัทธิเทพเจ้าก็เกิดขึ้นแข่งกับพระเจ้าแล้ว
 
สื่อถ่ายทอดคลื่นความคิดในระบบจิตสู่จิต
จากองค์จิตจักรวาลดวงใหญ่
 
ปัญญาวิสุทธิ์
4/06/2566