(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
คำว่า #อย่าเดินถ่างขาถ้าปรารถนานิพพาน นี้
ยังมีนัยความหมายที่จักต้องทำความเข้าใจกัน
ให้สว่างแจ้งแทงตลอดอยู่อีกประการหนึ่งก็คือ
มันมิได้ตรงกันกับคำว่า #เหยียบเรือสองแคม
อย่างที่บางคนคิดเข้าใจกันแต่อย่างใด
เนื่องจากคำว่า “เหยียบเรือสองแคม”
เป็นสำนวนที่คนโบราณใช้สอนแบบเปรียบเปรย
เพื่อให้ใช้สมองซีกขวาคิดเห็นเป็นภาพให้เข้าใจ
แทนที่จะใช้คำสอนแบบธรรมดาให้ใช้สติปัญญา
ของสมองซีกซ้ายคิดวิเคราะห์วิจารณาให้เข้าใจ
ซึ่งเป็นวิธีที่คนโบราณถนัดสอนถนัดเรียนกันมาก
จนยังผลให้คนโบราณถนัดใช้สมองซีกขวา
เพื่อศึกษาสัจธรรมที่พระศาสดากล่าวไว้ได้ดีมาก
ผิดจากคนรุ่นใหม่สมัยนี้ที่เท็คโนโลยีล้ำหน้า
แต่ความฉลาดทางปัญญาเฉื่อยชาล้าหลังลงไป
เพราะใช้ความชอบความเชื่อที่เป็นความรู้สึก
ในการดำเนินชีวิตแทนการใช้ปัญญาของสมอง
ทำให้ใช้สมองซีกซ้ายคิดวิเคราะห์ก็ไม่ได้
หรือจะใช้สมองซีกขวาคิดสังเคราะห์ก็ไม่ชำนาญ
เพราะค่านิยมของคนรุ่นใหม่คือการเป็น “คนเก่ง”
คำว่า “คนเก่ง” คือ เป็น “ผู้รอบรู้”
ผู้รอบรู้หมายถึงรู้มากรู้ไปหมดทุกเรื่องแต่รู้ไม่จริง
เป็นผู้รู้แบบงูๆปลาๆรู้อย่างไม่ลึกซึ้งหรือไม่รู้แจ้ง
เนื่องจากความรู้ที่มีนั้นได้จากการท่องจำมาบ้าง
ได้จากวิธี “ลิงเห็นลิงทำ” แบบครูพักลักจำมาบ้าง
ใครที่ขยันเรียนมากประเภทบ้าเรียนก็จะรู้มากกว่า
หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่สมัยนี้จะวัดกันที่ใบปริญญาบัตร
ใครเรียนสูงกว่าเงินเดือนจะมากกว่าเครดิตก็สูงกว่า
เพราะค่านิยมแบบนี้นี่แหละ
ยังส่งผลให้คนที่ด้อยโอกาสในการศึกษา
ที่เรียนสูงๆเพื่อปริญญาบัตรกับเขาไม่ได้
จึงหันมาใช้วิชา “เสือก แส่ สอด” เรื่องคนอื่นแทน
ส่วนใหญ่มักจะเป็นนิสัยไม่ดีของคนบ้านๆ
จำพวกที่มีการศึกษาไม่สูงเท่าใดนัก
เราจะกล่าวความจริงให้คุณรู้ว่า
คำว่า “เหยียบเรือสองแคม” นั้นมี 2 ความหมาย
ความหมายแรกหมายถึงเรือลำเดียวที่มีสองแคม
ถ้าเป็นเรือลำใหญ่มากเท่าไหร่ยิ่งทำไม่ได้เลย
เพราะคุณจะถ่างขาเหยียบแคมทั้งสองข้างยากยิ่ง
คนฉลาดทั้งหลายเขาจึงไม่ทำกันแบบนั้น
เวลาลงไปในลำเรือเขาจึงเลือกเหยียบที่ละแคม
เพียงแค่เหยียบเพื่อก้าวลงไปในลำเรือเท่านั้นเอง
ซึ่งความหมายแรกนี้อธิบายว่ามันทำจริงไม่ได้
ส่วนความหมายที่สอง
คำว่า “เหยียบเรือสองแคม” แปลว่าอะไรรู้มั้ยล่ะ
ในที่นี้เราหมายถึงขาข้างหนึ่งเหยียบเรือลำหนึ่ง
โดยขาอีกข้างหนึ่งเหยียบอยู่บนแคมเรือคนละลำ
ถ้าเรือทั้งสองลำนั้นแล่นด้วยความเร็วไม่เท่ากัน
ถ้าเรือสองลำนั้นมีทิศทางเป้าหมายคนละทิศกัน
เราถามคุณว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นกับคนๆนั้นบ้าง
ไม่ต้องเดาก็บอกได้ว่าอนาคตต้องตกน้ำตายแน่ๆ
เหตุเพราะจะพลัดตกจากเรือหล่นลงไปในแม่น้ำ
โดยจะพลัดตกอยู่ไม่ห่างจากท่าเรือเท่าไหร่หรอก
เขาคนนั้นจะไม่มีวันถึงปลายทางสุดท้ายแน่นอน
#คนฉลาดต้องตัดสินใจเลือกลงเรือลำที่ถูกต้อง
โดยต้องพิจารณาเสียก่อนว่า
1.“นาวาลำนั้น” กัปตันเป็นใคร
2กัปตันเป็นเด็กหัดใหม่หรือเป็นผู้เชี่ยวชาญกันแน่
3.กัปตันคนนั้นชำนาญเส้นทางการเดินเรือหรือไม่
4.กัปตันคนนั้นรอบรู้เรื่องเครื่องยนต์เรือดีแค่ไหน
5.กัปตันคนนั้นจริงใจต่อผู้โดยสารจะตั้งใจส่งจริงมั้ย
6.กัปตันคนนั้นจะนำคุณไปปล่อยทิ้งกลางทางมั้ย
7.เรือลำนั้นแข็งแรงมีพลังพอที่จะขนคนมากๆได้มั้ย
8.กัปตันตั้งเข็มทิศเดินเรือไปท่าเรือที่คุณจะไปมั้ย
ถ้าคุณพิสูจน์แล้วว่า
คำถาม 8 ข้อข้างต้นนั้นคุณมีคำตอบให้ตัวเอง
จนเป็นที่มั่นใจและพอใจครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว
คุณค่อยตัดสินใจเลือกก้าวลงไปในเรือลำนั้นทันที
คุณก็จะเป็นคนเหยียบเรือแคมเดียวขณะลงเรือ
ซึ่งคุณก็จะไม่ต้องเสียวกับการขาถ่างขาฉีก
คุณไม่ต้องเสี่ยงกับการพลัดตกเรือจนจมน้ำตาย
หรือคุณไม่ต้องเสี่ยงกับการถูกฉลามร้ายกัดตาย
จนทำให้คุณเดินทางไปไม่ถึงปลายทางที่ต้องการ
คุณต้องจำเอาไว้เสมอว่า
เรือลำที่ถูกต้องเหมาะสมดีงาม
กัปตันบังคับเรือที่เชี่ยวชาญเป็นพิเศษและจริงใจ
เส้นทางเดินเรือลำนั้นตรงกับท่าเรือที่คุณจะไป
มันล้วนแล้วแต่เป็นเงื่อนไขที่คุณต้องใช้
เพื่อการ “ตัดสินใจ” ลงเรือลำนั้นไปอย่างเต็มตัว
ก่อนเจอเรือลำของพระเจ้า
คุณอาจต้องโดยสารเรือลำอื่นมาก่อน
แต่ถ้าคุณมาเจอเรือของพระเจ้า
ที่ตอบคำถามทั้ง 8 ข้อให้คุณสว่างกระจ่างกมลได้
คุณยังลังเลที่จะก้าวขึ้นเรือของพระเจ้า
ที่มีเราเป็นกัปตันผู้เชี่ยวชาญที่พระเจ้าส่งเรามา
เพื่อนำพาพวกคุณหลุดพ้นออกไปจากเอกภพ
เดินทางกลับบ้านแดนสุญตาที่ทรงรอพวกคุณอยู่
ก่อนที่โลกจะมืดทุกด้านนาน 56 วันหรือ 8 ราตรี
ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่อันตรายต่อชีวิตเป็นที่สุด
โดยคุณดันลังเลเพราะเสียดายเรือลำเก่า
เสียดายที่นั่งบนเรือลำเก่าเพราะมันหรูและมีเกียรติ
เพราะเสียดายไมค์ที่จ่อปากและแสงไฟที่ส่องหน้า
เสียดายเวลากว่าจะต่อสู้เพื่อให้ตนได้อยู่ตำแหน่งนี้
หรือกลัวคำสาปแช่งของเจ้าลัทธิที่ว่าให้ฟ้าผ่าตาย
ถ้าใครนอกใจหรือเปลี่ยนใจไม่อยู่ในลัทธินั้นอีก
โลกนี้เป็นโลกเสรีใครจะบังคับข่มขืนใจใครไม่ได้
ถ้าเป็นของดีจริงไม่ต้องกลัวถูกทิ้งถูกขว้างหรอกคุณ
เอาชนะกิเลสในใจคุณให้ได้ทางสว่างจะบังเกิด
สื่อถ่ายทอดคลื่นความคิดในระบบจิตสู่จิต
จากองค์จิตจักรวาลดวงใหญ่
ปัญญาวิสุทธิ์
23/06/2566
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
คำว่า #อย่าเดินถ่างขาถ้าปรารถนานิพพาน นี้
ยังมีนัยความหมายที่จักต้องทำความเข้าใจกัน
ให้สว่างแจ้งแทงตลอดอยู่อีกประการหนึ่งก็คือ
มันมิได้ตรงกันกับคำว่า #เหยียบเรือสองแคม
เนื่องจากคำว่า “เหยียบเรือสองแคม”
เป็นสำนวนที่คนโบราณใช้สอนแบบเปรียบเปรย
เพื่อให้ใช้สมองซีกขวาคิดเห็นเป็นภาพให้เข้าใจ
แทนที่จะใช้คำสอนแบบธรรมดาให้ใช้สติปัญญา
ของสมองซีกซ้ายคิดวิเคราะห์วิจารณาให้เข้าใจ
ซึ่งเป็นวิธีที่คนโบราณถนัดสอนถนัดเรียนกันมาก
จนยังผลให้คนโบราณถนัดใช้สมองซีกขวา
เพื่อศึกษาสัจธรรมที่พระศาสดากล่าวไว้ได้ดีมาก
ผิดจากคนรุ่นใหม่สมัยนี้ที่เท็คโนโลยีล้ำหน้า
แต่ความฉลาดทางปัญญาเฉื่อยชาล้าหลังลงไป
เพราะใช้ความชอบความเชื่อที่เป็นความรู้สึก
ในการดำเนินชีวิตแทนการใช้ปัญญาของสมอง
ทำให้ใช้สมองซีกซ้ายคิดวิเคราะห์ก็ไม่ได้
หรือจะใช้สมองซีกขวาคิดสังเคราะห์ก็ไม่ชำนาญ
เพราะค่านิยมของคนรุ่นใหม่คือการเป็น “คนเก่ง”
คำว่า “คนเก่ง” คือ เป็น “ผู้รอบรู้”
ผู้รอบรู้หมายถึงรู้มากรู้ไปหมดทุกเรื่องแต่รู้ไม่จริง
เป็นผู้รู้แบบงูๆปลาๆรู้อย่างไม่ลึกซึ้งหรือไม่รู้แจ้ง
เนื่องจากความรู้ที่มีนั้นได้จากการท่องจำมาบ้าง
ได้จากวิธี “ลิงเห็นลิงทำ” แบบครูพักลักจำมาบ้าง
ใครที่ขยันเรียนมากประเภทบ้าเรียนก็จะรู้มากกว่า
หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่สมัยนี้จะวัดกันที่ใบปริญญาบัตร
ใครเรียนสูงกว่าเงินเดือนจะมากกว่าเครดิตก็สูงกว่า
เพราะค่านิยมแบบนี้นี่แหละ
ยังส่งผลให้คนที่ด้อยโอกาสในการศึกษา
ที่เรียนสูงๆเพื่อปริญญาบัตรกับเขาไม่ได้
จึงหันมาใช้วิชา “เสือก แส่ สอด” เรื่องคนอื่นแทน
ส่วนใหญ่มักจะเป็นนิสัยไม่ดีของคนบ้านๆ
จำพวกที่มีการศึกษาไม่สูงเท่าใดนัก
เราจะกล่าวความจริงให้คุณรู้ว่า
คำว่า “เหยียบเรือสองแคม” นั้นมี 2 ความหมาย
ถ้าเป็นเรือลำใหญ่มากเท่าไหร่ยิ่งทำไม่ได้เลย
เพราะคุณจะถ่างขาเหยียบแคมทั้งสองข้างยากยิ่ง
คนฉลาดทั้งหลายเขาจึงไม่ทำกันแบบนั้น
เวลาลงไปในลำเรือเขาจึงเลือกเหยียบที่ละแคม
เพียงแค่เหยียบเพื่อก้าวลงไปในลำเรือเท่านั้นเอง
ซึ่งความหมายแรกนี้อธิบายว่ามันทำจริงไม่ได้
ส่วนความหมายที่สอง
คำว่า “เหยียบเรือสองแคม” แปลว่าอะไรรู้มั้ยล่ะ
ในที่นี้เราหมายถึงขาข้างหนึ่งเหยียบเรือลำหนึ่ง
โดยขาอีกข้างหนึ่งเหยียบอยู่บนแคมเรือคนละลำ
ถ้าเรือทั้งสองลำนั้นแล่นด้วยความเร็วไม่เท่ากัน
ถ้าเรือสองลำนั้นมีทิศทางเป้าหมายคนละทิศกัน
เราถามคุณว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นกับคนๆนั้นบ้าง
ไม่ต้องเดาก็บอกได้ว่าอนาคตต้องตกน้ำตายแน่ๆ
เหตุเพราะจะพลัดตกจากเรือหล่นลงไปในแม่น้ำ
โดยจะพลัดตกอยู่ไม่ห่างจากท่าเรือเท่าไหร่หรอก
เขาคนนั้นจะไม่มีวันถึงปลายทางสุดท้ายแน่นอน
#คนฉลาดต้องตัดสินใจเลือกลงเรือลำที่ถูกต้อง
โดยต้องพิจารณาเสียก่อนว่า
1.“นาวาลำนั้น” กัปตันเป็นใคร
2กัปตันเป็นเด็กหัดใหม่หรือเป็นผู้เชี่ยวชาญกันแน่
3.กัปตันคนนั้นชำนาญเส้นทางการเดินเรือหรือไม่
4.กัปตันคนนั้นรอบรู้เรื่องเครื่องยนต์เรือดีแค่ไหน
5.กัปตันคนนั้นจริงใจต่อผู้โดยสารจะตั้งใจส่งจริงมั้ย
6.กัปตันคนนั้นจะนำคุณไปปล่อยทิ้งกลางทางมั้ย
7.เรือลำนั้นแข็งแรงมีพลังพอที่จะขนคนมากๆได้มั้ย
8.กัปตันตั้งเข็มทิศเดินเรือไปท่าเรือที่คุณจะไปมั้ย
ถ้าคุณพิสูจน์แล้วว่า
คำถาม 8 ข้อข้างต้นนั้นคุณมีคำตอบให้ตัวเอง
คุณค่อยตัดสินใจเลือกก้าวลงไปในเรือลำนั้นทันที
คุณก็จะเป็นคนเหยียบเรือแคมเดียวขณะลงเรือ
ซึ่งคุณก็จะไม่ต้องเสียวกับการขาถ่างขาฉีก
คุณไม่ต้องเสี่ยงกับการพลัดตกเรือจนจมน้ำตาย
หรือคุณไม่ต้องเสี่ยงกับการถูกฉลามร้ายกัดตาย
จนทำให้คุณเดินทางไปไม่ถึงปลายทางที่ต้องการ
คุณต้องจำเอาไว้เสมอว่า
เรือลำที่ถูกต้องเหมาะสมดีงาม
กัปตันบังคับเรือที่เชี่ยวชาญเป็นพิเศษและจริงใจ
เส้นทางเดินเรือลำนั้นตรงกับท่าเรือที่คุณจะไป
มันล้วนแล้วแต่เป็นเงื่อนไขที่คุณต้องใช้
เพื่อการ “ตัดสินใจ” ลงเรือลำนั้นไปอย่างเต็มตัว
ก่อนเจอเรือลำของพระเจ้า
คุณอาจต้องโดยสารเรือลำอื่นมาก่อน
แต่ถ้าคุณมาเจอเรือของพระเจ้า
ที่ตอบคำถามทั้ง 8 ข้อให้คุณสว่างกระจ่างกมลได้
ที่มีเราเป็นกัปตันผู้เชี่ยวชาญที่พระเจ้าส่งเรามา
เพื่อนำพาพวกคุณหลุดพ้นออกไปจากเอกภพ
เดินทางกลับบ้านแดนสุญตาที่ทรงรอพวกคุณอยู่
ก่อนที่โลกจะมืดทุกด้านนาน 56 วันหรือ 8 ราตรี
โดยคุณดันลังเลเพราะเสียดายเรือลำเก่า
เสียดายที่นั่งบนเรือลำเก่าเพราะมันหรูและมีเกียรติ
เพราะเสียดายไมค์ที่จ่อปากและแสงไฟที่ส่องหน้า
เสียดายเวลากว่าจะต่อสู้เพื่อให้ตนได้อยู่ตำแหน่งนี้
หรือกลัวคำสาปแช่งของเจ้าลัทธิที่ว่าให้ฟ้าผ่าตาย
ถ้าใครนอกใจหรือเปลี่ยนใจไม่อยู่ในลัทธินั้นอีก
โลกนี้เป็นโลกเสรีใครจะบังคับข่มขืนใจใครไม่ได้
ถ้าเป็นของดีจริงไม่ต้องกลัวถูกทิ้งถูกขว้างหรอกคุณ
เอาชนะกิเลสในใจคุณให้ได้ทางสว่างจะบังเกิด
สื่อถ่ายทอดคลื่นความคิดในระบบจิตสู่จิต
จากองค์จิตจักรวาลดวงใหญ่
ปัญญาวิสุทธิ์
23/06/2566