29 มิถุนายน 2566

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 29/06/2023

(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)
 
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
 
#มรรควิถีจิตจักรวาล
เป็นเส้นทางการปฏิบัติธรรมของจิตหยาบคุณ
ที่จะนำพาจิตวิญญาณตัวตนแก่นแท้ของคุณเอง
หลุดพ้นออกไปจากเอกภพที่เป็นห้องทดลองนี้
เพื่อกลับคืนสู่บ้านเกิดเมืองนอนของจิตวิญญาณ
ที่คุณจากมาเสียนานจนหลายคนจำไม่ได้แล้วว่า
บ้านเกิดอยู่ไหนจะกลับบ้านหนทางใดและวิธีใด
 
ครั้นจะหากูรูพวก “กูรู้” ช่วยชี้ทางให้ก็ยิ่งสับสน
เพราะประดากูรู้แต่ละคนกลับชี้ช่องไม่เหมือนกัน
ซึ่งเข้าใจยาก “ลำบากเชื่อ” เมื่อได้ฟังแต่ละคน
โดยเฉพาะคำว่า #นิพพาน คำเดียวนี้ก็ตีไม่แตก
ต่างคนต่างสำนักก็ให้ความหมายแปลกแยกกัน
จึงไม่น่าจะแปลกใจที่ใครต่อใครพากันท้อแท้ใจ
เพราะเข้าใจผิดคิดว่า “นิพพาน” เป็นงานยาก
เนื่องจาก “กูรู้” ขยันทำเรื่องง่ายให้กลายเป็นยาก
ทั้งๆที่ตัวตนคนสอนเองก็ยังไม่เคยถึงนิพพานเลย
 
เราใช้คำว่า “เข้าถึง” #นิพพาน นี้
คุณอย่าไปคิดแบบจิตมนุษย์กันนะว่า
นิพพานหมายถึงดินแดนหรือสถานที่ใดที่หนึ่ง
ซึ่งคุณต้องเดินทางไปให้ถึงพิกัดตำแหน่งนั้นให้ได้
พวกคุณจึงถูกหลอกให้หลงทางด้วยการถามคุณว่า
แดนนิพพานอยู่ที่ไหน”
นิพพานเป็นอัตตาหรืออนัตตา”
ซึ่งเป็นคำถามลวงเพื่อให้คุณหลงทางมาตลอด
 
คำว่า “เข้าถึง” ตามนัยความหมายที่เรากล่าวนี้
เราหมายถึงตัวคุณโดยจิตหยาบและจิตวิญญาณ
บรรลุเป้าหมายสูงสุดของ #สภาวะนิพพาน
ด้วย #คุณสมบัติสำคัญบางประการ กันได้แล้ว
เรามิได้หมายความว่าคุณต้องเดินทางไปถึงที่นั่น
ด้วยจิตหยาบกับจิตวิญญาณของคุณแต่อย่างใด
 
พวกคนนำทางตาบอดสาวกของผีโสโครก
ใช้สองคำถามที่เรายกมากล่าวไว้ข้างต้นนั้น
เพื่อจูงคนที่หลับตาเดินตามคนนำทางตาบอด
ให้ฝักใฝ่ที่จะไปยังแดนสวรรค์มายาที่มันไม่มีจริง
โดยมีคำอธิบายรองรับว่าใครตายแล้วไปเกิดที่นั่น
แสดงว่าจิตวิญญาณของคนนั้นเข้าถึงนิพพานแล้ว
ซึ่งคำว่านิพพานของพวกเขาคือตายแล้วหายจ้อย
อันเป็นนิพพานแบบตาลยอดด้วนกันดื้อๆนั่นแหละ
นั่นคือการตายแล้วไม่กลับมาผุดเกิดบนโลกอีก
ไม่ต่างจากจิตวิญญาณตกนรกลึกสุดมิได้ผุดเกิด
 
คุณจะต้องรู้เอาไว้ว่า
จิตวิญญาณเป็นกล่องพลังงานกล่องหนึ่ง
ซึ่งมีรูปทรงเรขาคณิตเป็น 6 เหลี่ยมมุม
ที่สองตาเปล่าของมนุษย์นั้นมองไม่เห็น
แม้คุณจะมองไม่เห็นแต่จิตวิญญาณนั้นมีอยู่จริง
และพลังงานก็เป็นสรรพสิ่งเดียวเท่านั้น
ที่จะสูญหายไปไหนไม่ได้เลยคุณ
เมื่อมาเกิดเป็นรูปธรรมมนุษย์จึงต้องมีกายหยาบ
ใช้ปกคลุมหุ้มห่อจิตวิญญาณเอาไว้ข้างในไงล่ะ
 
ดังนั้น
เมื่อจิตวิญญาณของคุณนั้นมีตัวตนอยู่จริง
จิตวิญญาณจึงไม่ต่างจากลูกตุ้มนาฬิกาแบบแขน
ถ้าคุณยกแขนลูกตุ้มให้มันไปลอยสูงอยู่ด้านหนึ่ง
สมมติว่าด้านนั้นเป็น “บ้านเกิด” ของจิตวิญญาณ
ซึ่งเปรียบได้กับกาลเวลาในอดีตอันเป็นที่มา
เมื่อลูกตุ้มแกว่งลงมาก็จะเคลื่อนผ่านด้านล่างสุด
ซึ่งเปรียบได้กับกาลเวลาในปัจจุบันที่เป็นมนุษย์
 
ถ้าแรงเหวี่ยงมีมากพอลูกตุ้มนั้นก็จะเหวี่ยงต่อไป
เมื่อเหวี่ยงแกว่งไปจนสุดทางสูงของอีกด้านหนึ่ง
ซึ่งเปรียบได้กับกาลเวลาในอนาคตหลังตายแล้ว
ลูกตุ้มนาฬิกานั้นยังต้องเหวี่ยงกลับมาทางเดิม
เพื่อเคลื่อนผ่านจุดล่างสุดที่เป็นจุดปัจจุบัน
แล้วแกว่งต่อไปในทางเดิมเพื่อเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
แปลว่าจิตวิญญาณนั้นต้องย้อนกลับมาเกิดใหม่
วนเวียนซ้ำซากอยู่เช่นนั้นเองถ้ายังมีแรงเหวี่ยงอยู่
 
คำว่า “แรงเหวี่ยง” นี้หมายถึงแรงโน้มถ่วงของโลก
ที่กระทำต่อลูกตุ้มนาฬิกาขณะถูกยกขึ้นสูงนั่นเอง
จิตวิญญาณคุณที่เป็นกล่องพลังงานก็ไม่ต่างกัน
โลกจะดึงดูดเหนี่ยวรั้งจิตวิญญาณให้มาเกิดใหม่
ถ้าจิตวิญญาณคุณยังมีเสบียงกรรมติดตัวอยู่
คือมีน้ำหนักเกินพิกัดที่พระเจ้าทรงกำหนดเอาไว้
คุณจะถูกโลกเหนี่ยวรั้งให้กลับมาเกิดใหม่อยู่อีก
เพื่อชำระเสบียงกรรมที่ทำให้น้ำหนักตัวเกินนั้นทิ้ง
หมายความว่าแรกมาเกิดจิตวิญญาณหนักเท่าใด
เมื่อตายแล้วคุณจะแบกขนอะไรติดตัวไปอีกไม่ได้
มาเท่าไหร่ต้องกลับไปเท่านั้น
 
แต่จิตวิญญาณคุณที่ถูกหลอกให้
นิพพานแบบตาลยอดด้วนโดยหายตัวไปดื้อๆนั้น
แท้จริงแล้วมิได้หายไปไหนจากเอกภพนี้ได้
แต่ถูกหลอกให้ “หลงทาง” ไปนอนค้างอยู่บนรั้ว
ให้ไปหลงเพลินอยู่กับทิพยวิมานบนสวรรค์มายา
เพราะจิตวิญญาณเสพติดกิเลสที่จิตหยาบพาทำ
ขณะมีภพชาติเป็นมนุษย์เมื่อก่อนสิ้นอายุขัย
พระเจ้าทรงเรียกว่าอยู่ในสภาวะ #หลุดลอย
 
คนบนโลกไม่อาจรู้เห็นได้ว่า
จิตวิญญาณผู้หลงทางพวกนี้กลับมาเกิดอีก
ไม่ต่างจากแขนลูกตุ้มนาฬิกาที่แกว่งขึ้นไปแล้ว
มันแกว่งไปจนลับหูลับตาหายตัวไปเฉยเลย
จึงหลงเชื่อสาวกของพวกผีโสโครกที่หลอกว่า
จิตวิญญาณรูปธรรมนั้นเข้าถึงนิพพานแล้ว
ที่ไหนได้พวกเขาไปนั่งนอนเสพกิเลสอยู่บนนั้น
สบายบรื๋อสะดือโบ๋กันสลอนเลยทีเดียวเชียว
 
เราจึงเตือนคุณว่านิพพานมิใช่ตายแล้วหายสูญ
แขนลูกตุ้มนาฬิกาที่แกว่งขึ้นแล้วยังต้องแกว่งลง
ถ้าแกว่งขึ้นไปสุดทางแล้วหายไปเลยคือผิดปกติ
ยกเว้นแขนของลูกตุ้มนั้นมันชำรุดหรือหลุดออก
ยังผลให้นาฬิกาเรือนนั้นไม่มีแขนแกว่งลูกตุ้มอีก
ซึ่งหมายถึงจิตวิญญาณนั้นหมดหน้าที่แกว่งแล้ว
ลูกตุ้มก็จะหลุดออกจากแขนที่ใช้เหวี่ยงแกว่งไป
 
#นาฬิกา ในที่นี้เราหมายถึงโลกเสรีที่คุณมาเกิด
#แขนสำหรับแกว่งลูกตุ้ม เราหมายถึงแรงดึงดูด
ที่โลกและกาแล็กซี่ธารสายน้ำนมกระทำต่อคุณ
ส่วนแรงเหวี่ยงขึ้นลงของแขนลูกตุ้มนั้นหมายถึง
แรงโน้มถ่วงของโลกและพลังทางจิตวิญญาณ
ที่ตัวคุณสั่นสะเทือนเพื่อหมุนธรรมจักรขณะมีชีวิต
สองแรงร่วมกันจะทำให้การแกว่งนั้นต่อเนื่องได้
แต่ถ้าโลกและเอกภพเสียสมดุล
รวมทั้งตัวคุณล้มเหลวในการหมุนธรรมจักร
จิตวิญญาณคุณจะไม่ต่างจากแขนลูกตุ้มนาฬิกา
ที่มันจะแกว่งไปแกว่งมาขึ้นๆลงๆช้าลงเรื่อยๆ
จนในที่สุดมันก็จะหยุดแกว่งตรงตำแหน่งล่างสุด
หมายถึงการตายของจิตวิญญาณในปัจจุบันขณะ
เพราะไร้ซึ่งแรงเหวี่ยงแกว่งตัวเองแล้ว
 
ถ้าจะให้มันแกว่งเหมือนเดิมอีก
ก็ต้องช่วยยกแขนลูกตุ้มนาฬิกาเรือนนั้นให้สูงขึ้น
เพื่อให้มันเริ่มกระบวนการแกว่งกันใหม่
ก็ไม่ต่างจากการตายแล้วเกิดใหม่ดีๆนี่เอง
 
เราจะกล่าวความจริงให้รู้ว่า
ถ้าคุณจะทำตัวเองให้มีพลังอำนาจในการแกว่ง
คุณจึงต้องนิพพานกิเลสในจิตหยาบให้สิ้นสูญ
เพื่อมิให้เป็นอุปสรรคในการแกว่งขึ้นๆลงๆ
เพื่อมิให้จิตวิญญาณมีน้ำหนักมากเกินพิกัด
เพราะถ้าหนักมากก็จะแกว่งยากขึ้นกว่าเดิม
เนื่องจากโลกจะดึงดูดเหนี่ยวรั้งลงไปในแนวดิ่ง
 
คุณสมบัติของผู้จะเข้าถึงสภาวะนิพพานได้นั้น
จึงต้องดับการเกิดดับของกิเลสให้สิ้นสูญไป
เพราะกิเลสทำให้คุณหมุนธรรมจักรไม่ได้เลย
กิเลสยังเป็นเหตุให้เกิดการก่อผลกรรมขึ้นมาใหม่
ผลกรรมนี่แหละที่ทำให้น้ำหนักมวลจิตวิญญาณ
มันเพิ่มขึ้นมาจากเดิมที่พระเจ้าทรงกำหนดไว้ให้
ทั้งกฎแห่งกรรมทั้งอายุขัยทั้งสังสารวัฏมาเพียบ
เพราะคุณเสพติดกิเลสตามพวกผีโสโครกหลอก
พระเจ้าจึงทรงบัญชาให้เรากลับมาบอกพวกคุณ
ด้วยอนุตรธรรมความจริงสูงสุดเหล่านี้
 
สื่อถ่ายทอดคลื่นความคิดในระบบจิตสู่จิต
จากองค์จิตจักรวาลดวงใหญ่
 
ปัญญาวิสุทธิ์
29/06/2566