27 มิถุนายน 2566

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 27/06/2023


(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)
 
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
 
หนึ่งใน “พันธะสัญญา 6”
ซึ่งจิตวิญญาณแก่นแท้คือตัวตนจริงของคุณ
ที่ขันอาสาพระเจ้าเข้ามาเกิดเป็น #คนสองมิติ
คือคนตนเองโดยหมุนธรรมจักรเพื่อเป็นมนุษย์
เมื่อทำหน้าที่อยู่ในระบบโลกเสรีนี้ในข้อที่ว่า
#จะสืบทอดเผ่าพันธุ์มนุษย์เอาไว้ นั้นหมายถึง
 
เมื่อได้รับโอกาสให้มาเกิดในระบบโลกแล้ว
ทุกคนจะต้องมีครอบครัวต้องสร้างครอบครัว
ทุกคนจะต้องมีครอบครัวคือมีสามีหรือมีภรรยา
เมื่อได้ครองคู่เป็นสามีภรรยากันเรียบร้อยแล้ว
ก็ต้องนอนมุ้งเดียวกันต้องกินข้าวหม้อเดียวกัน
ในที่สุดก็มีจิตวิญญาณผู้มาใหม่มาเกิดเป็นบุตร
ทั้งสามคนจึงเป็นเสมือนถูก “ครัว” ครอบเอาไว้
ซึ่งเป็นที่มาของคำว่า #ครอบครัว เดียวกัน
 
คุณคงจำได้กันเป็นอย่างดีว่า
การสร้างครอบครัวนั้นต้องสร้างขึ้นด้วยความรัก
จำนวนคนในครอบครัวที่เป็นพ่อแม่ลูกนั้น
อย่างน้อยก็เริ่มต้นตั้งแต่สามคนขึ้นไปทั้งสิ้น
เพื่อให้ทั้งสามคนร่วมกันทำหน้าที่ในสองมิติคือ
หน้าที่ทางโลกอันเป็นฝ่ายเนื้อหนังในทางสังคม
นั่นคือการเลี้ยงดูอุ้มชูกันการช่วยเหลือค้ำจุนกัน
กับหน้าที่ทางจิตวิญญาณคือใช้ความรักบริสุทธิ์
หมุนธรรมจักรร่วมกันเพื่อผลิตพลังงานให้โลก
ด้วยกระบวนการ “ขันธ์ 5” ของจิตหยาบให้ได้
ซึ่งสอดคล้องกับสมการพลังงานศักดิ์สิทธิ์ ∑βx
ตามที่พระเจ้าทรงออกแบบเอาไว้ให้แล้ว
 
สมการพลังงานจากจิตสามนึกด้านบวก ∑βx นี้
มันจะศักดิ์สิทธิ์อย่างเป็นรูปธรรมได้จริงก็ต่อเมื่อ
ตัว X ในสมการนี้ต้องเป็นจำนวน 3 ขึ้นไปเท่านั้น
ในครอบครัวเดียวกันจึงต้องมีอย่างน้อยสามคน
คือมีพ่อแม่และมีลูกอีกอย่างน้อยหนึ่งคนขึ้นไป
เมื่อครอบครัวมีครบสามคนซึ่งถักทอไว้ด้วยรักแท้
ในแต่ละวินาทีก็จะผลิตพลังงานสะอาดออกมา
จากจิตสามนึกบริสุทธิ์ร่วมกันได้ 540 เมกะเฮิร์ทซ์
 
พลังงานสะอาดที่จิตหยาบผลิตร่วมกันออกมาได้
จากการสั่นสะเทือนขันธ์ห้าโดยทุกคนร่วมกันนั้น
ได้จากสูตรสมการพลังงานร่วมของพระเจ้าก็คือ
βx = 3X²(β₁+β2+β₃+…+βx) Mhz.
 
สูตรสมการนี้หมายความว่า
พลังงานรวมจากจิตสามนึกด้านบวกคือรักเพื่อให้
รักเพื่อให้” หมายถึงการอดทน อดกลั้น ให้อภัย
หมายถึงความเมตตากรุณามุทิตาที่มีให้กันและกัน
ขณะมี “ครัว” ครอบทุกคนเอาไว้ด้วยกันตลอดนั้น
จะมีค่าเท่ากับ 3 เท่าของจำนวนคนยกกำลังสอง
คูณด้วยผลรวมของพลังงานที่แต่ละคนผลิตกันได้
ซึ่งเป็นค่าคงที่ไม่เกิน 20 หน่วย
 
ดังนั้น
พลังงานรวมของคนสามคนในครอบครัวเดียวกัน
ในแต่ละวินาทีขณะรักกันอยู่นั้นจะแทนค่าได้ด้วย
βx = 3(3)²(20) = 540 เมกะเฮิร์ทซ์นี่เอง
โดยพลังงานทั้งหมดที่ทั้งสามคนเหวี่ยงออกมา
จะมีการปฏิสัมพันธ์จนเกิดเป็นพายุหมุนรูปปิรามิด
หมุนวนอยู่ในอากาศบริเวณเหนือหลังคาบ้านคุณ
อัตราเร็วการเหวี่ยงหมุนจะแปรตามความรักที่เกิด
ถ้าต่างรักกันมากอัตราเร็วการเหวี่ยงหมุนก็จะมาก
 
พลังงานที่ทุกคนร่วมกันผลิตสร้างขึ้นในวินาทีนั้น
จำนวน 99% ของพลังงานด้านบวกทั้งหมด
ทุกคนทั้งพ่อแม่ลูกต่างจะได้รับประโยชน์ร่วมกัน
นั่นคือพลังงานร่วมทั้ง 99% นี้จะถูกนำไปใช้
ยกระดับทั้งแรงสั่นสะเทือนและการหมุนของจักระ
เพื่อยกระดับจิตหยาบจากมิติที่ 4D สู่ 5D ได้
ถ้าครอบครัวนั้นหมั่นหมุนธรรมจักรร่วมกันได้เรื่อยๆ
ซึ่งจะบรรลุเป้าหมายถึง 5D ได้คุณต้องทำต่อเนื่อง
พระเจ้าทรงออกแบบไว้ให้มันเป็นระบบอัตโนมัติ
โดยคุณเพียงแค่หมุนธรรมจักรด้วยรักเพื่อให้เท่านั้น
และต้องไม่ทำให้กายสังขารเสื่อมจนตายเสียก่อน
 
เพราะถ้าคุณต้องตายจิตหยาบนั้นก็ใช้ไม่ได้
เมื่อจิตวิญญาณคุณกลับมาเกิดใหม่ในชาติใหม่
จะต้องแบ่งภาคเป็นจิตหยาบในมิติที่ “ศูนย์” ใหม่
เพื่อเริ่มต้นกระบวนการยกระดับจิตหยาบอีกครั้ง
เพราะไม่สามารถที่จะต่อยอดจากชาติที่แล้วได้
การตายและเสียเวลาไปกับภพชาติของพวกคุณ
จึงเป็นสิ่งไม่พึงประสงค์ของพระเจ้าเป็นอย่างยิ่ง
 
ดังนั้น
พระเจ้าจึงทรงกำหนดให้พวกคุณ
รับผิดชอบกันแค่สืบทอดเผ่าพันธุ์มนุษย์คือมีบุตร
โดยต้องสร้างครอบครัวขึ้นมาร่วมกันนั่นแหละ
ที่สำคัญคือคุณต้องใช้ความรักบริสุทธิ์ถักทอกันไว้
ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย
นอกจากนั้นจะเป็นกระบวนการในระบบอัตโนมัติ
ตามที่ทรงออกแบบกำหนดเอาไว้ให้ดีแล้วทั้งสิ้น
 
พวกคุณตองรู้ว่า
เมื่อจิตวิญญาณของคุณเดินทางมาถึงประตูมิติ
อันเป็นทางเข้ามาสู่เอกภพหรือ “อนันตจักรวาล”
อันเป็นห้องทดลองขนาดใหญ่ของพระเจ้านั้น
จิตวิญญาณพวกคุณทั้งสามรูปธรรมหรือมากกว่า
ได้มีการประชุมวางแผนร่วมกันมาล่วงหน้าแล้วว่า
ใครจะเป็นผู้สวมบทบาทพ่อแม่และใครจะเป็นลูก
พร้อมกับเขียนบทละครที่จะแสดงร่วมกันไว้ด้วย
เพื่อใช้บทละครที่ออกแบบไว้นั้นเป็น #บททดสอบ
เพื่อเป็นเงื่อนไขกระตุ้นจิตสามนึกของกันและกัน
ให้มันสั่นสะเทือนเป็น “ความรักบริสุทธิ์” ให้ได้
 
แน่นอนว่าบททดสอบนั้นมันจะมีทั้งยากและง่าย
บททดสอบง่ายๆก็คือการกระทำดีต่อกันนั่นเอง
แต่บททดสอบที่ยากมากก็คือการทำชั่วต่อกัน
มันยากตรงที่จะตอบสนองกันด้วยความรักบริสุทธิ์
อย่างไม่มีเงื่อนไขไม่มีข้อแม้อะไรเลยไม่ค่อยได้
ส่วนใหญ่ถ้าดีมาก็จะทำดีตอบสนองต่อกันทันควัน
แต่ถ้าทำชั่วมาก็จะทำชั่วตอบสนองทันควันเช่นกัน
ถ้าทุกคนในครอบครัวยังคิดแบบจิตมนุษย์กันอยู่
 
พวกคุณจึงต้องรู้ความจริงต่อไปนี้
เพื่อคิดในแบบที่จิตวิญญาณพวกคุณคิดให้ได้ว่า
ที่เขียนบทละครบทร้ายหรือบทชั่วมากระทำต่อกัน
ทั้งๆที่เริ่มสร้างครอบครัวกันมาด้วยความรักบริสุทธิ์
มิใช่ใครกวนตีนใครหรือใครต้องการทำร้ายใคร
แต่เป็นแผนในบทละครที่จิตวิญญาณขีดเขียนมา
ให้พวกคุณได้แสดงออกเพื่อเป็นเงื่อนไขทดสอบ
จิตสามนึกแห่งรักของกันและกันนั่นต่างหาก
 
การคิดแบบจิตวิญญาณในกรณีที่ว่านี้ก็คือ
ถ้าคุณเผชิญกับเงื่อนไขบททดสอบที่เป็นบทร้าย
จิตวิญญาณพวกคุณคิดว่าจะกระทำตอบสนองกัน
ด้วยการสั่นสะเทือนเป็นความรักที่สูงกว่าปกติ
จึงจะสามารถชนะความโกรธโดยไม่โกรธตอบได้
แปลว่าถ้ารักมากก็จะอดทนอดกลั้นให้อภัยได้มาก
นี่คือวิธีคิดแบบจิตวิญญาณของพวกคุณนั่นเอง
 
แต่เมื่อได้เกิดเป็นมนุษย์มาสร้างครัวครอบกันจริงๆ
จิตวิญญาณพวกคุณมิได้เป็นผู้แสดงบทละครเอง
แต่จิตหยาบของพวกคุณเป็นผู้แสดงบทบาทแทน
เมื่อพวกคุณต่างคิดแบบจิตมนุษย์กันอยู่ตั้งแต่เกิด
เพราะถูกมอดมารปิดบังมิติไว้ไม่ให้รู้ความจริงว่า
มนุษย์โลกเสรีนี้แม้จะมีจิตวิญญาณเป็นผู้มาเกิด
แต่ได้มอบอำนาจให้จิตหยาบแสดงบทมนุษย์แทน
พวกคุณจึงคิดแบบจิตมนุษย์กันโดยไม่รู้ว่า
บทละครบทร้ายที่พวกคุณแสดงต่อกันตลอดชีวิต
เป็นเงื่อนไขเพื่อให้พวกคุณรักกันให้มากยิ่งขึ้น
มิใช่เป็นการจงใจจะทำร้ายกันด้วยจิตมนุษย์เลย
 
พระเจ้าทรงกำหนดมาให้ทุกคนต้องทำแบบนี้
โดยให้เขียนบทละครของครอบครัวกันมาเช่นนี้
ก็เพื่อให้โลกนี้เป็นโลกเสรีที่แท้จริงโดยแท้
เสรีเพราะออกแบบบทละครมาแสดงร่วมกันได้เอง
เสรีตรงที่จะตัดสินใจอะไรได้ด้วยจิตปัญญาของตน
โดยไม่บังคับขับเข็ญข่มขู่คุกคามหรือข่มขืนจิตใจ
โดยไม่ต้องจูงใจด้วยอามิสให้คล้อยตามด้วยกิเลส
 
เพราะ 99% ของพลังงานสะอาดที่ผลิตร่วมกันได้
ถ้ายิ่งมากก็จะช่วยยกระดับมิติของจิตหยาบได้มาก
ถ้ายิ่งสั่นสะเทือนเป็นด้านบวกบ่อยครั้งมากเท่าใด
จิตหยาบจะบรรลุถึงมิติ 5D-6D ได้เร็ววันเท่านั้น
พวกคุณแต่ละคนจึงต้องหมุนธรรมจักรในตนเอง
เมื่อหมุนเป็นแล้วก็ต้องชวนทุกคนในครอบครัว
มาร่วมกันหมุนธรรมจักรด้วยสมการศักดิ์สิทธิ์ให้ได้
เพื่อช่วยยกระดับจิตหยาบของกันและกันให้สูงขึ้น
จนเป็นหนึ่งเดียวกับจิตวิญญาณที่มิติ 6D ถาวรได้
ยิ่งเมื่อพวกคุณทุกคนเข้าถึงผลสำเร็จมากขึ้นแล้ว
สามารถเปิดตัวต่อสังคมในชุมชนคนหมู่มากได้
มันก็จะยิ่งเป็นประโยชน์ต่อจิตหยาบของคุณมากขึ้น
เพราะคนรอบข้างจะมาร่วมหมุนธรรมจักรกับคุณด้วย
มิใช่จะมีแค่ลูกผัวตัวเมียของคุณเท่านั้น
 
เพราะคนข้างบ้านหรือทุกคนในสังคม
จิตวิญญาณพวกเขาก็ถือเงื่อนไขทั้งดีและร้าย
ติดตัวมาเกิดเป็นมนุษย์ในชาตินี้เช่นเดียวกับคุณ
คุณจึงต้องคิดแบบจิตวิญญาณให้ได้ว่า
#ชั่วเจ็ดทีดีเจ็ดหน ของพวกคุณแต่ละคนนั้น
มันคือการแลกเปลี่ยนเงื่อนไขเพื่อช่วยเหลือกัน
ในการยกระดับจิตหยาบให้มีมิติที่สูงขึ้น
มิใช่การทำร้ายกันโดยจิตมนุษย์แต่อย่างใดเลย
 
คุณคงจะสงสัยว่า
ทำไมพลังงานรวมจากจิตสามนึกแห่งรัก
ที่พวกคุณร่วมกันผลิตตั้งแต่สามคนขึ้นไปนั้น
จึงได้ประโยชน์กันแค่ 99% ในทุกวินาทีเท่านั้น
เพราะว่าพระเจ้าทรงกำหนดออกแบบเอาไว้ว่า
จำนวน 1% ของทั้งหมดที่พวกคุณผลิตกันได้
โลกจะรับเอาไปใช้ค้ำจุนความสมดุลของตนเอง
จากการเหวี่ยงหมุนรอบตัวเองด้วยอัตราเร็วคงที่
และจะเหวี่ยงหมุนต่อเนื่องได้ถ้ามนุษย์ยังรักกัน
ซึ่งโลกก็จะยังคงสมดุลไปตลอดตราบชั่วนิรันดร
 
ที่เรากล่าวมาทั้งหมดในบทนี้
เป็นอนุตรธรรมความจริงที่พวกคุณไม่รู้ว่าไม่รู้
ที่พระเจ้าให้เรากลับมาบอกเจ้าสาวอย่างพวกคุณ
เพื่อจูงเจ้าสาวเข้าสู่ประตูเรือนหอคือด่านนภาลัย
เพื่อมาบอกความจริงกับลูกแกะของพระเจ้า
ที่กำลังหลงทางเพราะก้าวตามคนนำทางตาบอด
ให้เขานำพาป่ายปีนรั้วกลับเข้าคอกอยู่เหยงๆ
ทรงให้เรามาบอกว่า “ประตูคอกแกะ” อยู่ทางนี้
 
สื่อถ่ายทอดคลื่นความคิดในระบบจิตสู่จิต
จากองค์จิตจักรวาลดวงใหญ่
 
ปัญญาวิสุทธิ์
27/06/2566