#คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล
(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)
พี่ๆน้อง
ๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
จิตวิญญาณผู้เป็นตัวตนแก่นแท้ของมนุษย์ทุกคน
ผู้ขันอาสามาเกิดเป็น
“คนสองมิติ” อยู่ในระบบโลก
ซึ่งโลกทำหน้าที่เป็นดั่งจุดศูนย์กลางของ
#เอกภพ
เพื่อทำการคนตนเองในสองมิติให้เป็นหนึ่งเดียวกัน
โดยใช้
“ความรักเพื่อให้” คือ อดทนอดกลั้นให้อภัย
หรือใช้
“เมตตาธรรม” ที่เป็นความรักในแบบพระเจ้า
ซึ่งจิตวิญญาณของพวกคุณถือติดตัวมาเกิดด้วย
ในรูปของความมีเมตตา
กรุณา มุทิตาและอุเบกขา
ตอบสนองต่อกันและกันทางด้านบวกเอาไว้เสมอ
โดยที่พวกคุณจะต้องกระทำร่วมกันเพื่อทำให้
จิตหยาบกับจิตวิญญาณของคุณเป็นหนึ่งเดียวกัน
นั่นคือสั่นสะเทือนในมิติที่
6D
ให้สำเร็จให้จงได้
เริ่มจากจิตหยาบซึ่งอยู่ในมิติที่
4D
หลังคลอดออกมา
ก็ต้องทำหน้าที่ยกระดับด้วยตัวเองตั้งแต่
3 ขวบ
เพื่อเข้าถึงมิติที่
6D
ซึ่งจิตวิญญาณรออยู่ก่อนแล้วนั้น
นั่นคือจิตหยาบกับจิตวิญญาณสั่นสะเทือนร่วมกันได้
ดังนั้น
คุณก็ต้องรู้ว่าจะยกระดับจิตหยาบให้สั่นสะเทือนสูงขึ้น
จะปฏิบัติทำกันอย่างไรจึงจะประสบความสำเร็จได้
โดยวิธีที่จะเข้าถึงมันนี่แหละก็คือ
#วิธีการปฏิบัติธรรม
มิใช่การปฏิบัติ
“ทำ” อย่างอื่นที่ไร้สาระตามที่ทำกันอยู่
นั่นคือ
#การหมุนธรรมจักรร่วมกัน ให้ได้นั่นเอง
การหมุนธรรมจักรร่วมกันทำได้โดย
1.คุณต้องรักตนเองและรักผู้อื่นได้เสมอ
2.ต้องรู้ว่า #รักตามธรรมชาติ นั้นคืออะไรอย่างไร
3.คุณต้องรักทุกคนได้อย่างไม่มีเงื่อนไขใดๆทั้งสิ้น
4.คุณต้องรักเพื่อให้โดยไม่รักเพื่อเอาสิ่งตอบแทน
5.คุณต้องรักเพื่อให้โดยจิตต้องไม่แอบแฝงกิเลสไว้
คุณสมบัติของความรักทั้ง
5 ที่ว่านี้
มันคือลักษณะของความรักในแบบของพระเจ้า
เป็นความรักที่บริสุทธิ์ผุดผ่องซึ่งพวกคุณต้องทำกัน
เพราะมันจะทำให้จิตหยาบกับจิตวิญญาณของคุณ
สั่นสะเทือนจนเป็นหนึ่งเดียวกันได้ในที่สุด
การสั่นสะเทือนเป็นหนึ่งเดียวกันได้ที่ว่านี้
ไม่ต่างจากการสั่นสะเทือนของ
“ส้อมเสียง” สองอัน
ที่มีลักษณะและคุณสมบัติทุกสิ่งอย่างเป็นแบบเดียวกัน
เพียงแค่คุณใช้ค้อนยาง
“เคาะ” ส้อมเสียงอันหนึ่ง
แล้วนำส้อมเสียงอันที่คุณเคาะนั้นไปไว้ใกล้ๆอีกอันหนึ่ง
คุณจะตรวจพบได้ว่าแรงสั่นสะเทือนของอันที่ถูกเคาะ
จะส่งผลให้ส้อมเสียงอันที่คุณไม่ได้เคาะมันสั่นตามได้
ปรากฏการณ์นี้เรียกว่าเกิด
#การกำธร ของส้อมเสียง
ดังนั้น
ถ้าพวกคุณเพียรยกระดับแรงสั่นสะเทือนของจิตหยาบ
ที่เริ่มต้นจากกลุ่มพลังงานหลากหลายย่านความถี่
ซึ่งเริ่มจากมิติที่
“ศูนย์” เมื่อแรกปฏิสนธิในครรภ์มารดา
แล้วค่อยๆยกระดับแรงสั่นสะเทือนเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ
โดยมีจิตวิญญาณตัวคุณเองและพ่อแม่รวม
3 รูปธรรม
สั่นสะเทือนร่วมกันด้วย
“ความรักเพื่อให้” ตลอดเวลา
ทำให้สมการพลังงานทางช้างเผือก
Σβx ศักดิ์สิทธิ์ขึ้นได้
ซึ่ง
X ในสมการนี้จะมีค่าเท่ากับจำนวน 3 รูปธรรมพอดี
พลังงานร่วมที่เกิดขึ้นนี้จะช่วยให้จิตหยาบที่มีแค่ศูนย์
D
สามารถยกระดับตนเองจาก
0D-3D
จนเป็นตัวอ่อนได้
เมื่อคลอดออกมาลืมตาดูโลกได้แล้ว
ทารกน้อยจะยังอาศัยสมการพลังงานทางช้างเผือก
Σβx
โดยสามคนคือพ่อแม่และจิตวิญญาณของผู้มาเกิดเอง
ร่วมกันสั่นสะเทือนทางด้านบวกด้วยความรักเพื่อให้ต่อไป
จนทารกน้อยนั้นสามารถยกระดับขึ้นมาเป็นกุมารน้อยได้
ซึ่งพฤติกรรมของกุมารน้อยนั้นจะเป็นแบบคนที่มี
4D
แล้ว
นั่นคือกว้าง
x ยาว x หนา x สูง หมายถึงมี 4
มิตินั่นเอง
ในขั้นตอนนี้คนรอบข้างของทารกน้อยนั้นไม่ว่าจะเป็นใคร
ที่เห็นความน่ารักน่าอุ้มน่าหอมน่าจับน่าสัมผัสของทารก
นั่นคือการหยิบยื่นความรักเพื่อให้อันเป็นรักในธรรมชาติ
เพราะเป็นความรักที่มิได้เกิดจากการปรุงแต่งใดๆทั้งสิ้น
มอบให้แก่เจ้าทารกน้อยคนนั้นในทุกครั้งที่สัมผัสรู้ดูเห็น
มันจะยังผลให้ตัว
“เอ็กซ์” ถูกแทนค่ามากกว่า 3 เสมอ
ทำให้จิตหยาบของทารกน้อยยกระดับสู่มิติที่
4D
เร็วขึ้น
ทารกน้อยก็จะมีพัฒนาการทางกายหยาบให้คุณเห็นว่า
เขาสามารถยืนนั่งลุกวิ่งกลิ้งนอนใช้มือใช้เท้าใช้ปากได้
ทารกนั้นจึงพัฒนาการเป็น
#กุมารน้อย ในไม่กี่เดือนเอง
หน้าที่ของกุมารน้อยแต่ละคนคือการพัฒนาตนเอง
ทั้งด้านกายภาพและจิตวิญญาณควบคู่กันไปทั้งสองมิติ
เพื่อนำพาตนเองเข้าถึงมิติเดียวกันคือมิติที่
6D
ให้จงได้
6D
ก็คือจิตหยาบนั้นต้องสั่นสะเทือนเป็น 6 เหลี่ยมมุม
ตามสัญลักษณ์ของจิตวิญญาณที่เราเขียนแบบไว้ให้แล้ว
นั่นคือเป็น
3 เหลี่ยมด้านเท่าสองรูปอยู่ในวงกลมเดียวกัน
หรืออาจเรียกว่าเป็นรูปธรรมของ
#ดาวหกแฉก ก็ได้
จำนวน
6 เหลี่ยมมุมในภาพเรขาคณิตนี้
ได้จาก
“จิตหยาบ” ของคุณเมื่อมีการสั่นสะเทือนขึ้น
ในขณะที่ต้องวิ่งวนไปทั่วทุกเซลล์ของกายหยาบ
ด้วยความเร็วเป็นจำนวนรอบต่อวินาทีหรือเม็กกะเฮิร์ท
พระเจ้าทรงกำหนดให้คุณมี
6
“จักระ” เรียงตัวในแนวดิ่ง
ซึ่งจิตหยาบของคุณมันจะวิ่งขึ้นวิ่งลงผ่านทั้ง
6 จุดนี้
โดยอาศัยแรงสั่นสะเทือนของธรรมจักรด้วยรักเพื่อให้
ทั้งจากตนเองและคนรอบข้างผ่านสมการ
Σβx นี่แหละ
คำว่า
“รอบ” ในการเหวี่ยงหมุนหมายถึง
จิตหยาบของคุณสั่นสะเทือนด้วยการวิ่งขึ้นวิ่งลง
จากจักระที่ก้นกบขึ้นไปถึงจักระยอดเพชรที่อยู่บนศีรษะ
แล้ววิ่งวนกลับลงมาสู่จุดเริ่มต้นคือตรงก้นกบได้อีกครั้ง
นี่จึงหมายถึงการสั่นสะเทือนของจิตหยาบครบรอบแล้ว
ถ้าคุณสามารถยกระดับแรงสั่นสะเทือนด้านบวกได้มาก
จำนวนรอบต่อวินาทีก็จะมากแปรตามไปด้วยเสมอ
อาจจะสูงถึง
400-500
รอบต่อวินาทีเลยก็เป็นจริงได้
เราจึงสอนพวกคุณตลอดมาว่า
คุณต้องรักคนที่ไม่น่ารักให้ได้
คุณต้องให้อภัยแก่คนที่ทำตนไม่น่าให้อภัยให้เป็น
เพราะจิตคุณมันจะสั่นสะเทือนเป็นความรักเพื่อให้
ซึ่งมันจะช่วยยกระดับแรงสั่นสะเทือนให้จิตหยาบคุณ
อันเป็นการปฏิบัติทำเพื่อตนเองอย่างแนบเนียนที่สุด
โดยที่คุณไม่ต้องทำโดยแฝงไว้ด้วยกิเลสอะไรเลย
เป็นการกระทำเพื่อตนเองอย่างแท้จริงไม่มีใครเสียหาย
อีกทั้งคุณยังต้องหมั่นหมุนธรรมจักรเรื่อยไปไม่ละเลย
เพราะจิตหยาบมันจะค่อยๆยกระดับโดยไม่พรวดพราด
นอกจากตอนที่คุณเผชิญเงื่อนไขด้านลบจากคนชั่ว
หรือเผชิญเงื่อนไขจากคนใกล้ชิดที่เขาทำตัวไม่น่ารัก
แรกๆที่คุณเผชิญก็อาจจะช็อคเพราะจิตตกกระทันหัน
แต่ถ้าคุณ
“ยกจิต” ขึ้นมาให้ทันภายใน 3 นาทีได้
แรงสั่นสะเทือนแบบกระชากหรือกระตุกเพื่อการยกจิต
ก็จะสั่นสะเทือนมากกว่าปกติเป็นเท่าตัวเลยทีเดียว
เพราะเหตุนี้เอง
จิตวิญญาณแก่นแท้ของพวกคุณจึงวางแผนกันมา
โดยเขียนบทละครที่เป็น
#ชะตาชีวิต มาแสดงร่วมกัน
ด้วยบทร้ายๆหรือเงื่อนไขด้านลบมาแสดงต่อกันด้วย
เพื่อให้พวกคุณอดทนอดกลั้นให้อภัยต่อกันในการยกจิต
ด้วยการกระตุกกระชากจิตสามนึกให้สั่นสะเทือนสูงขึ้น
จนยังผลให้จิตหยาบของตนเข้าถึงมิติที่
6D
ได้ในเร็ววัน
การที่จิตหยาบหรือจิตมนุษย์เข้าถึง
6D
ได้นี่แหละ
เป็นการปฏิบัติธรรมของคนชอบธรรมที่ถูกตรงที่สุด
ในการอาสามาเกิดเป็นมนุษย์บนโลกเสรีนี้แล้ว
เพราะตนเองและเพื่อนร่วมโลกทุกคนในสังคมเดียวกัน
ต่างจะได้ประโยชน์จากการหมุนธรรมจักรด้วยรักเพื่อให้
โลกทั้งระบบก็จะได้ประโยชน์ไปกับมวลมนุษย์เช่นกัน
ทุกสรรพสิ่งจะสั่นสะเทือนร่วมกันจะหมุนไปด้วยกัน
จนทำให้เอกภพทั้งระบบสมดุลตามโลกไปด้วยในที่สุด
เพราะมนุษย์มีหน้าที่
“ค้ำจุน” สมดุลโลก
โลกมีหน้าที่ค้ำจุนสมดุลของเอกภพที่เป็นระบบใหญ่
กราบพระบาทขอบพระทัยพระบิดาที่ทรงเมตตา
เอเมน
สาธุ
ปัญญาวิสุทธิ์
6/02/2567