01 กุมภาพันธ์ 2567

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 1/02/2024

 #คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล

(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)

 

พี่ๆน้อง ๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

 

เรื่องความ ผิด บาป หยาบ ชั่ว ของ #คนสองมิติ นั้น

มันเริ่มตั้งต้นจากตัวพวกคุณกันเองแต่ละคนนั่นแหละ

มิได้เริ่มต้นมาจากใครสิ่งใดอื่นหรือที่ไหนกันหรอกนะ

ตราบใดที่คุณยังเพ่งมองหาตัวตั้งต้นเอาจากข้างนอก

ตราบจนบัดนั้นคุณก็จะไม่มีวันพบเจอตัวต้นเหตุได้เลย

เพราะตัวต้นเหตุหรือเริ่มต้นนั้นมันอยู่ที่ “จิต” คุณเอง

 

คำว่า “จิต” ในที่นี้เราหมายถึง #จิตหยาบ

ซึ่งเป็น “จิตปัจจุบัน” ผู้ทำหน้าที่เป็น #จิตสามนึก

คือ นึกออก นึกเอา และ นึกเอง ทั้งนึกลบและนึกบวก

ผู้ทำหน้าที่ขับเคลื่อนพฤติกรรมภายในออกมาภายนอก

ด้วยกระบวนการ “ขันธ์ห้า” ตามแบบของ “คนสองมิติ”

ที่พระเจ้าหรือองค์จิตจักรวาลดวงใหญ่ทรงออกแบบไว้

ซึ่งจิตสามนึกนี้พวกคุณจัดเป็นอายตนะภายในนั่นแหละ

 

เพราะพวกคุณไม่รู้ว่า

#จิตหยาบของตัวเอง เป็นตัวตั้งต้นหรือเป็นสาเหตุ

ในทุกเรื่องราวของความผิดบาปหยาบชั่วที่เกิดขึ้น

การ #ตำหนิติฉิน ด้วยการ “นินทา-ว่าร้าย” ผู้อื่นบ้าง

การ #เพ่งโทษ ด้วยการ “ใช้อำนาจเหนือ” ผู้อื่นบ้าง

โดยไม่เคยตำหนิตัวเองหรือไม่เคยพิจารณาตัวเอง

ไม่เคยเพ่งโทษตัวเองเพื่อค้นหาข้อบกพร่องของตน

สู่การแก้ไขปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงตนเองกันเลย

 

พฤตินิสัยในสังคมของพวกคุณส่วนใหญ่ทั้งหลาย

จึงเป็นแบบ #มึงแหละผิด-กูถูกคนเดียว ตลอดมา

อาจนำไปสู่การทะเลาะเบาะแว้งหรือการขัดแย้งกัน

จนถึงขั้นฆ่าฟันกันตาย “ผีไม่เผา-เงาไม่เหยียบ” ได้

เพราะต่างฝ่ายต่างอยากเอาชนะไม่มีใครอยากแพ้

เนื่องจากต่างล้วนมั่นใจว่าตนเป็นฝ่ายถูกต้องเสมอ

 

เมื่อทั้งสองคนหรือสองฝ่ายหลงผิดคิดว่าตนเองถูก

#ความโง่ของพวกคุณ จึงลุกลามมากยิ่งขึ้นไปอีก

 

ความโง่” ในที่นี้เราหมายถึงมีปัญญาแต่ไม่รู้จักใช้

สาเหตุที่ความโง่ยิ่งลุกลามมากยิ่งขึ้นก็เป็นเพราะว่า

ทั้งสองคนสองฝ่ายซึ่งเป็น “คู่กรณีกรรม” กันอยู่นั้น

สภาวะจิตที่แต่เดิมมันเคยเป็นปกติดีคือมีสุขสงบอยู่

ก็เกิดมีมารภายในเข้าแทรกแซงทำให้จิตเสียสมดุล

อาการที่จิตเสียสมดุลก็คือ “จิตตก” จนตัวสั่นใจสั่น

ทำให้พวกคุณเข้าถึง #ความรักและความฉลาด มิได้

 

คนที่เข้าถึงความรักไม่ได้ในขณะนั้นๆ

มักจะมองไม่เห็นความน่ารักของผู้อื่น

คนที่มองไม่เห็นความน่ารักของผู้อื่น

มักจะมองไม่เห็นคุณค่าของผู้อื่นอย่างสิ้นเชิง

 

คนที่เข้าถึงความฉลาดทางจิตตปัญญาไม่ได้

จะเป็นได้ก็แค่คนโง่ผู้อับเฉาเบาปัญญาเท่านั้น

เพราะจะเป็นคนนึกลบซึ่งมองโลกแต่ในแง่ร้าย

จนทำให้คิดลบหรือคิดผิดคิดมิชอบอยู่ด้านเดียว

จึงกลายเป็นบุคคลที่เหมือนไม่ต้องการคบมิตร

หรือมีความต้องการคบมิตรค่อนข้างต่ำมาก

จึงเป็นผู้ที่มีเพื่อนน้อยเพราะเป็นคน #คบยาก

 

ปัญหาในสังคมของพวกคุณชาวโลก

ที่ลุกลามบานปลายกลายเป็นปัญหาระดับโลกนั้น

ล้วนเกิดจากพวกคุณแต่ละคนไม่เคยสำนึกรู้ว่า

ตัวตั้งต้นหรือสาเหตุของปัญหาที่แท้จริงนั้น

มันเกิดขึ้นที่ในจิตของพวกคุณแต่ละคนนั่นแหละ

ความผิดบาปหยาบชั่วซึ่งเป็นผลของการกระทำ

ล้วนเริ่มต้นและสิ้นสุดอยู่ที่จิตหยาบของคุณนี่เอง

 

คุณต้องเข้าใจเอาไว้เป็นเบื้องต้นเสียก่อนว่า

ความผิดบาปหยาบชั่วที่เรากล่าวถึงอยู่ในขณะนี้

มิได้หมายถึงความผิดบาปหยาบชั่วของบุคคลอื่น

แต่หมายถึงความผิดบาปหยาบชั่วของตัวคุณเอง

เพราะตัวตนบุคคลที่สำคัญที่สุดตามกฎแห่งกรรม

ก็คือตัวตนของคุณเองมิใช่บุคคลอื่นแต่อย่างใด

ซึ่งคุณจะไป “เสือก” ในความผิดบาปของเขามิได้

มีแต่จะทำให้จิตวิญญาณคุณไปเกี่ยวกรรมกับเขา

จนเกิด #เวรกรรม ให้จิตวิญญาณพวกคุณได้วุ่นวาย

ตายแล้วต้องตามกันไปเกิดใหม่ต้องมีภพชาติใหม่

เพื่อหาจังหวะแก้ไขบ้างแก้แค้นกันบ้างไม่รู้จบสิ้น

ทำให้เสียเวลาในการเรียนรู้ที่จะทำหน้าที่แท้จริงไป

ด้วยการแก้ไขและแก้แค้นตามกฎแห่งกรรมโดยแท้

 

ยังผลให้เวลาในการ “ปฏิบัติธรรม”

เพื่อการ #หมุนธรรมจักร ในตนเองและหมุนร่วมกัน

มันลดน้อยถอยลงไปจนไม่มีเวลาเหลือพอที่จะให้ทำ

เนื่องจากการแก้ไขนั้นมันก็ยังเกิดขึ้นไม่ได้

เพราะที่ในจิตหยาบยังถูกกิเลสมารคอยครอบงำอยู่

คุณยังไม่อาจนิพพานกิเลสหรือดับการเกิดๆดับๆมิได้

จิตหยาบพวกคุณยังได้แต่นึกคิดแก้แค้นเอาคืนกัน

โดยบันทึกรหัสแค้นเหล่านั้นเอาไว้ในสัญญาขันธ์

แล้วจิตวิญญาณก็ถือติดตัวพามาเกิดใหม่ในชาติใหม่

เพื่อชำระแค้นกันต่อไปเป็นแบบนี้เรื่อยมาไม่รู้สิ้นสุด

 

สาเหตุหลักที่แท้จริงของกฎแห่งกรรม

อันเป็นที่มาของการนิพพานและการหลุดพ้นไม่ได้

ซึ่งคนนำทางตาบอดเหมารวมเรียกว่า “ความทุกข์”

มีเพียงสิ่งเดียวก็คือ #กิเลสมาร หรือความรู้สึกนี่เอง

 

ความรู้สึกว่าชอบใจพึงพอใจหรือถูกใจ

ความรู้สึกว่าไม่ชอบใจไม่พึงพอใจหรือไม่ถูกใจ

ความรู้สึกลังเลหรือไม่แน่ใจว่าชอบหรือไม่ชอบ

ความรู้สึกลังเลหรือไม่แน่ใจว่าพอใจหรือไม่พอใจ

ความรู้สึกลังเลหรือไม่แน่ใจว่าชอบหรือไม่ชอบ

ทั้งหมดที่กล่าวมานี้มันคือ #กิเลส ทั้งสิ้น

 

เมื่อจิตหยาบของคุณถูกกิเลสเหล่านี้ครอบงำ

จิตหยาบก็จะสั่นสะเทือนต่อเนื่องต่อไปเพราะหยุดมิได้

จากกิเลสก็จะนำไปสู่ #ตัณหา ต่อไปในทันทีนั้น

คำว่า “ตัณหา” หมายถึง อาการของจิตดังต่อไปนี้คือ

 

ความอยาก

ความไม่อยาก

ความไม่รู้ว่าตนอยากหรือไม่อยาก

ความลังเลว่าจะเอาหรือไม่เอากันแน่

อันหมายถึงความลังเลไม่แน่ใจนั่นแหละคุณ

 

เมื่อคุณถูกขัดใจ

หรือเมื่อมีอะไรเป็นอุปสรรคขัดขวาง

ทำให้คุณตอบสนอง “ตัณหา” ที่กำลังเกิดขึ้นไม่ได้

จิตของคุณก็จะตกต่ำย่ำแย่มีอาการหนักมากยิ่งขึ้น

ในสภาวะจิตคุณจะเกิดมี #อารมณ์ขยะ ตามมาได้อีก

จำพวกโทสะ โลภะ โมหะ นี่แหละคุณ

ล้วนเป็นเหตุให้พวกคุณกระทำผิดถูกๆผิดๆต่อกัน

จนเกิด “วงเวียนกรรม” กับการเกี่ยวกรรมกันอยู่ไม่รู้จบ

ทำให้การเกิดมาเพื่อใช้เมตตาธรรมค้ำจุนสมดุลโลก

ไม่อาจจะเกิดขึ้นมาได้ไม่อาจเป็นจริงได้ตลอดมา

 

เพราะพวกคุณใช้เวลาไปกับการกระทำเพื่อตัวเอง

เพื่อทำการปลดหนี้กรรมหนี้เวรของตัวเองให้หมดสิ้น

จนไม่มีเวลาเหลือพอที่จะทำเพื่อโลกและพระบิดาเลย

โลกจึงเสียสมดุลจนเกิดภัยพิบัติรุนแรงขึ้นทุกวัน

เพราะนับวันที่ชาวดาวโลกมีจิตสามนึกตกต่ำลงเรื่อยๆ

เพราะจำไม่ได้แล้วว่าจิตวิญญาณเป็นใครมาจากไหน

มาเกิดบนโลกนี้กันทำไมและใครอนุญาตให้มาเกิด!

 

กราบพระบาทขอบพระทัยพระบิดาที่ทรงเมตตา

เอเมน สาธุ

#ปัญญาวิสุทธิ์

1/02/2024