#คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล
(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)
พี่ๆน้อง
ๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
เรื่องความ
ผิด บาป หยาบ ชั่ว ของ #คนสองมิติ นั้น
มันเริ่มตั้งต้นจากตัวพวกคุณกันเองแต่ละคนนั่นแหละ
มิได้เริ่มต้นมาจากใครสิ่งใดอื่นหรือที่ไหนกันหรอกนะ
ตราบใดที่คุณยังเพ่งมองหาตัวตั้งต้นเอาจากข้างนอก
ตราบจนบัดนั้นคุณก็จะไม่มีวันพบเจอตัวต้นเหตุได้เลย
เพราะตัวต้นเหตุหรือเริ่มต้นนั้นมันอยู่ที่
“จิต” คุณเอง
คำว่า
“จิต” ในที่นี้เราหมายถึง #จิตหยาบ
ซึ่งเป็น
“จิตปัจจุบัน” ผู้ทำหน้าที่เป็น #จิตสามนึก
คือ
นึกออก นึกเอา และ นึกเอง ทั้งนึกลบและนึกบวก
ผู้ทำหน้าที่ขับเคลื่อนพฤติกรรมภายในออกมาภายนอก
ด้วยกระบวนการ
“ขันธ์ห้า” ตามแบบของ “คนสองมิติ”
ที่พระเจ้าหรือองค์จิตจักรวาลดวงใหญ่ทรงออกแบบไว้
ซึ่งจิตสามนึกนี้พวกคุณจัดเป็นอายตนะภายในนั่นแหละ
เพราะพวกคุณไม่รู้ว่า
#จิตหยาบของตัวเอง เป็นตัวตั้งต้นหรือเป็นสาเหตุ
ในทุกเรื่องราวของความผิดบาปหยาบชั่วที่เกิดขึ้น
การ
#ตำหนิติฉิน ด้วยการ
“นินทา-ว่าร้าย” ผู้อื่นบ้าง
การ
#เพ่งโทษ ด้วยการ
“ใช้อำนาจเหนือ” ผู้อื่นบ้าง
โดยไม่เคยตำหนิตัวเองหรือไม่เคยพิจารณาตัวเอง
ไม่เคยเพ่งโทษตัวเองเพื่อค้นหาข้อบกพร่องของตน
สู่การแก้ไขปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงตนเองกันเลย
พฤตินิสัยในสังคมของพวกคุณส่วนใหญ่ทั้งหลาย
จึงเป็นแบบ
#มึงแหละผิด-กูถูกคนเดียว
ตลอดมา
อาจนำไปสู่การทะเลาะเบาะแว้งหรือการขัดแย้งกัน
จนถึงขั้นฆ่าฟันกันตาย
“ผีไม่เผา-เงาไม่เหยียบ” ได้
เพราะต่างฝ่ายต่างอยากเอาชนะไม่มีใครอยากแพ้
เนื่องจากต่างล้วนมั่นใจว่าตนเป็นฝ่ายถูกต้องเสมอ
เมื่อทั้งสองคนหรือสองฝ่ายหลงผิดคิดว่าตนเองถูก
#ความโง่ของพวกคุณ จึงลุกลามมากยิ่งขึ้นไปอีก
“ความโง่” ในที่นี้เราหมายถึงมีปัญญาแต่ไม่รู้จักใช้
สาเหตุที่ความโง่ยิ่งลุกลามมากยิ่งขึ้นก็เป็นเพราะว่า
ทั้งสองคนสองฝ่ายซึ่งเป็น
“คู่กรณีกรรม” กันอยู่นั้น
สภาวะจิตที่แต่เดิมมันเคยเป็นปกติดีคือมีสุขสงบอยู่
ก็เกิดมีมารภายในเข้าแทรกแซงทำให้จิตเสียสมดุล
อาการที่จิตเสียสมดุลก็คือ
“จิตตก” จนตัวสั่นใจสั่น
ทำให้พวกคุณเข้าถึง
#ความรักและความฉลาด มิได้
คนที่เข้าถึงความรักไม่ได้ในขณะนั้นๆ
มักจะมองไม่เห็นความน่ารักของผู้อื่น
คนที่มองไม่เห็นความน่ารักของผู้อื่น
มักจะมองไม่เห็นคุณค่าของผู้อื่นอย่างสิ้นเชิง
คนที่เข้าถึงความฉลาดทางจิตตปัญญาไม่ได้
จะเป็นได้ก็แค่คนโง่ผู้อับเฉาเบาปัญญาเท่านั้น
เพราะจะเป็นคนนึกลบซึ่งมองโลกแต่ในแง่ร้าย
จนทำให้คิดลบหรือคิดผิดคิดมิชอบอยู่ด้านเดียว
จึงกลายเป็นบุคคลที่เหมือนไม่ต้องการคบมิตร
หรือมีความต้องการคบมิตรค่อนข้างต่ำมาก
จึงเป็นผู้ที่มีเพื่อนน้อยเพราะเป็นคน
#คบยาก
ปัญหาในสังคมของพวกคุณชาวโลก
ที่ลุกลามบานปลายกลายเป็นปัญหาระดับโลกนั้น
ล้วนเกิดจากพวกคุณแต่ละคนไม่เคยสำนึกรู้ว่า
ตัวตั้งต้นหรือสาเหตุของปัญหาที่แท้จริงนั้น
มันเกิดขึ้นที่ในจิตของพวกคุณแต่ละคนนั่นแหละ
ความผิดบาปหยาบชั่วซึ่งเป็นผลของการกระทำ
ล้วนเริ่มต้นและสิ้นสุดอยู่ที่จิตหยาบของคุณนี่เอง
คุณต้องเข้าใจเอาไว้เป็นเบื้องต้นเสียก่อนว่า
ความผิดบาปหยาบชั่วที่เรากล่าวถึงอยู่ในขณะนี้
มิได้หมายถึงความผิดบาปหยาบชั่วของบุคคลอื่น
แต่หมายถึงความผิดบาปหยาบชั่วของตัวคุณเอง
เพราะตัวตนบุคคลที่สำคัญที่สุดตามกฎแห่งกรรม
ก็คือตัวตนของคุณเองมิใช่บุคคลอื่นแต่อย่างใด
ซึ่งคุณจะไป
“เสือก” ในความผิดบาปของเขามิได้
มีแต่จะทำให้จิตวิญญาณคุณไปเกี่ยวกรรมกับเขา
จนเกิด
#เวรกรรม ให้จิตวิญญาณพวกคุณได้วุ่นวาย
ตายแล้วต้องตามกันไปเกิดใหม่ต้องมีภพชาติใหม่
เพื่อหาจังหวะแก้ไขบ้างแก้แค้นกันบ้างไม่รู้จบสิ้น
ทำให้เสียเวลาในการเรียนรู้ที่จะทำหน้าที่แท้จริงไป
ด้วยการแก้ไขและแก้แค้นตามกฎแห่งกรรมโดยแท้
ยังผลให้เวลาในการ
“ปฏิบัติธรรม”
เพื่อการ
#หมุนธรรมจักร ในตนเองและหมุนร่วมกัน
มันลดน้อยถอยลงไปจนไม่มีเวลาเหลือพอที่จะให้ทำ
เนื่องจากการแก้ไขนั้นมันก็ยังเกิดขึ้นไม่ได้
เพราะที่ในจิตหยาบยังถูกกิเลสมารคอยครอบงำอยู่
คุณยังไม่อาจนิพพานกิเลสหรือดับการเกิดๆดับๆมิได้
จิตหยาบพวกคุณยังได้แต่นึกคิดแก้แค้นเอาคืนกัน
โดยบันทึกรหัสแค้นเหล่านั้นเอาไว้ในสัญญาขันธ์
แล้วจิตวิญญาณก็ถือติดตัวพามาเกิดใหม่ในชาติใหม่
เพื่อชำระแค้นกันต่อไปเป็นแบบนี้เรื่อยมาไม่รู้สิ้นสุด
สาเหตุหลักที่แท้จริงของกฎแห่งกรรม
อันเป็นที่มาของการนิพพานและการหลุดพ้นไม่ได้
ซึ่งคนนำทางตาบอดเหมารวมเรียกว่า
“ความทุกข์”
มีเพียงสิ่งเดียวก็คือ
#กิเลสมาร หรือความรู้สึกนี่เอง
ความรู้สึกว่าชอบใจพึงพอใจหรือถูกใจ
ความรู้สึกว่าไม่ชอบใจไม่พึงพอใจหรือไม่ถูกใจ
ความรู้สึกลังเลหรือไม่แน่ใจว่าชอบหรือไม่ชอบ
ความรู้สึกลังเลหรือไม่แน่ใจว่าพอใจหรือไม่พอใจ
ความรู้สึกลังเลหรือไม่แน่ใจว่าชอบหรือไม่ชอบ
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้มันคือ
#กิเลส ทั้งสิ้น
เมื่อจิตหยาบของคุณถูกกิเลสเหล่านี้ครอบงำ
จิตหยาบก็จะสั่นสะเทือนต่อเนื่องต่อไปเพราะหยุดมิได้
จากกิเลสก็จะนำไปสู่
#ตัณหา ต่อไปในทันทีนั้น
คำว่า
“ตัณหา” หมายถึง อาการของจิตดังต่อไปนี้คือ
ความอยาก
ความไม่อยาก
ความไม่รู้ว่าตนอยากหรือไม่อยาก
ความลังเลว่าจะเอาหรือไม่เอากันแน่
อันหมายถึงความลังเลไม่แน่ใจนั่นแหละคุณ
เมื่อคุณถูกขัดใจ
หรือเมื่อมีอะไรเป็นอุปสรรคขัดขวาง
ทำให้คุณตอบสนอง
“ตัณหา” ที่กำลังเกิดขึ้นไม่ได้
จิตของคุณก็จะตกต่ำย่ำแย่มีอาการหนักมากยิ่งขึ้น
ในสภาวะจิตคุณจะเกิดมี
#อารมณ์ขยะ ตามมาได้อีก
จำพวกโทสะ
โลภะ โมหะ นี่แหละคุณ
ล้วนเป็นเหตุให้พวกคุณกระทำผิดถูกๆผิดๆต่อกัน
จนเกิด
“วงเวียนกรรม” กับการเกี่ยวกรรมกันอยู่ไม่รู้จบ
ทำให้การเกิดมาเพื่อใช้เมตตาธรรมค้ำจุนสมดุลโลก
ไม่อาจจะเกิดขึ้นมาได้ไม่อาจเป็นจริงได้ตลอดมา
เพราะพวกคุณใช้เวลาไปกับการกระทำเพื่อตัวเอง
เพื่อทำการปลดหนี้กรรมหนี้เวรของตัวเองให้หมดสิ้น
จนไม่มีเวลาเหลือพอที่จะทำเพื่อโลกและพระบิดาเลย
โลกจึงเสียสมดุลจนเกิดภัยพิบัติรุนแรงขึ้นทุกวัน
เพราะนับวันที่ชาวดาวโลกมีจิตสามนึกตกต่ำลงเรื่อยๆ
เพราะจำไม่ได้แล้วว่าจิตวิญญาณเป็นใครมาจากไหน
มาเกิดบนโลกนี้กันทำไมและใครอนุญาตให้มาเกิด!
กราบพระบาทขอบพระทัยพระบิดาที่ทรงเมตตา
เอเมน
สาธุ
1/02/2024