27 กุมภาพันธ์ 2567

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 27/02/2567

 #คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล

 

พี่ๆน้อง ๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

 

ถ้าหนามทุเรียนอันแหลมคมซึ่งเป็นเปลือกนอก

มันมิใช่ตัวตนแก่นแท้ที่เป็นของผลทุเรียนลูกนั้น

เมล็ดของมันซึ่งมีเนื้อสีเหลืองทองหอมหวานหุ้มอยู่

นั่นต่างหากที่เป็นตัวตนแก่นแท้ของผลทุเรียน

ซึ่งกินแล้วได้คุณค่าทางอาหารและอร่อยดีอีกด้วย

ทำให้คนไทยและชาวต่างชาตินิยมรับประทานกัน

จนทุเรียนกลายเป็นราชาแห่งผลไม้ที่มีราคาสูงลิ่ว

 

ถ้าใครมองเห็นผลทุเรียนที่มีหนามแหลมคม

ถ้าใครได้กลิ่นฉุนของกำมะถันอันเป็นกลิ่นที่รุนแรง

ถ้าใครลองปอกทุเรียนแล้วรู้ว่าแซะแงะพูนั้นมันยาก

ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นอุปสรรคในการกินทุเรียนมาก

จนทำให้เลิกล้มความตั้งใจในการกินทุเรียนไป

ใครคนนั้นก็จะไม่มีวันได้ลิ้มรสทุเรียนอย่างแน่นอน

ถ้าอยากกินเนื้อแต่เบื่อหนามและรู้ว่าปอกก็แสนยาก

 

เพื่อนมนุษย์ของพวกคุณก็เช่นกัน

ไม่ว่าเขาจะเป็นใครและเกี่ยวข้องกับคุณกันอย่างไร

แต่ละคนล้วนมีมายารูปลักษณ์แบบถาวรของตนเอง

ซึ่งเป็นคุณสมบัติทางจิตวิญญาณของพวกเขา

ที่จะแสดงออกมาเป็นตัวตนคือสังขารและรูปลักษณ์

รวมทั้งอุปนิสัยใจคอและสันดานทั้งที่ดีไม่ดีปนกันไป

 

นอกจากนั้นแต่ละคนก็มีมายารูปลักษณ์แบบชั่วคราว

ซึ่งจะถูกนำออกมาแสดงไปตามอารมณ์ของตนด้วย

แน่นอนว่ามายารูปลักษณ์ทั้งถาวรและชั่วคราวที่ว่านี้

หลายอย่างของเขาคุณอาจจะไม่ชอบหรือไม่ยอมรับ

ขณะที่บางอย่างของเขาคุณอาจจะชอบหรือพอรับได้

ถ้าคุณปฏิเสธ “มายา” ที่เขาแสดงออกมาให้ได้รู้เห็น

โดยนำเอาสิ่งที่คุณไม่ชอบไม่พอใจหรือรับไม่ได้

มาเป็นเงื่อนไขด้านลบเพื่อทะเลาะหรือขัดแย้งกับเขา

คุณก็จะเข้าถึงแก่นแท้คือจิตวิญญาณของเขาไม่ได้

 

ไม่ต่างจากการปฏิเสธหนามหรือกลิ่นฉุนของทุเรียน

ก็จะทำให้คุณอดกินเนื้อทุเรียนแสนอร่อยที่อยู่ข้างใน

เพราะคุณข้ามผ่านมายาที่เป็นเปลือกนอกเข้าไปมิได้

ถ้าคุณฉลาดใช้ #จิตตปัญญาตาที่สาม” ของคุณ

โดยยืนยันที่จะกินเนื้อในของทุเรียนลูกนั้นให้ได้แล้ว

คุณแค่ถามตนเองว่า “ฉันจะกินเนื้อในนั้นได้อย่างไร”

เป็นการถามหา “วิธีการ” เพื่อให้บรรลุผลที่ต้องการนั้น

แทนที่จะท้อแท้ท้อถอยแล้วเลิกล้มความตั้งใจกันดื้อๆ

 

คุณจักต้องรู้ว่า

คนรอบข้างหรือคนใกล้ตัวของคุณทุกคนในทุกที่

พวกเขามีจิตวิญญาณที่มีความรักจากพระเจ้ากันอยู่

ภายในตัวตนแก่นแท้ของคุณเองก็มีอยู่เช่นกัน

 

ดังนั้น

แก่นแท้คือจิตวิญญาณของพวกคุณแต่ละคน

จึงไม่ต่างจากเนื้อในที่เป็นแก่นแท้ของทุเรียนลูกนั้น

ที่คุณต้องการจะเข้าถึงมันเพื่อแบ่งปันประโยชน์กัน

ถ้าคุณปฏิเสธมายาถาวรหรือชั่วคราวของกันและกัน

โดยนำมันมาเป็นเงื่อนไขด้านลบเพื่อผลักไสกันแล้ว

แก่นแท้ของคุณกับแก่นแท้ของตัวเขาคนนั้น

จะปฏิสัมพันธ์กันด้วยรักและเรียนรู้ร่วมกันได้อย่างไร

เพราะคุณนำเอาสิ่งที่แตกต่างมาสร้างความแตกแยก

ตั้งแต่แรกพบแรกเจอกันเสียก่อนแล้ว

 

พวกคุณต้องรู้เอาไว้ด้วยว่า

เพราะคุณรู้จักรักตนเองเท่านั้น

คุณจึงสามารถหมุนธรรมจักรในตนเองได้

เพราะคุณรู้จักรักผู้อื่นทุกคนได้อย่างไม่มีเงื่อนไข

คุณจึงจะสามารถหมุนธรรมจักรร่วมกันกับทุกคนได้

 

ถ้าคุณเป็นผู้เริ่มต้นในการหมุนธรรมจักรเป็นคนแรก

แล้วชวนให้คนอื่นมาร่วมกันหมุนไปกับคุณได้ตลอด

ด้วยการแสดงออกหรือกระทำด้านบวกต่อพวกเขา

พลังร่วมที่เกิดขึ้นจากการหมุนธรรมจักรร่วมกันนั้น

มันจะเป็นไปตามสมการพลังงานทางช้างเผือก Σβx

ที่จะช่วยให้คนตั้งแต่สามคนขึ้นไปที่มาช่วยกันหมุน

สามารถยกระดับแรงสั่นสะเทือนของจิตหยาบทุกคน

ให้สูงขึ้นจากปกติคือ 4D สูงขึ้นสู่ 5D และ 6D ได้

รวมทั้งคนอื่นๆที่หยัดยืนอยู่บนพื้นที่ 33.33 ตร.กม.

ซึ่งไม่ได้เข้ามาช่วยกันหมุนร่วมกับพวกเขาด้วยเลย

จะพลอยได้รับอานิสงส์ที่ตรงนี้แบบไปสวรรค์ด้วยกัน

 

คุณจะเห็นได้ว่า

แค่คุณเริ่มต้นฉลาดในการเป็น “คน” ได้เป็นคนแรก

โดยสามารถข้ามผ่านมายาถาวรและชั่วคราวที่ไม่ดี

ของคนทุกคนที่อยู่ใกล้ชิดตัวคุณคือคนในครอบครัว

รวมทั้งข้ามผ่านมายาที่ไม่ดีของคนข้างบ้านทั้งหลาย

จนปฏิสัมพันธ์กันด้วยความรักแท้ของพระเจ้าได้

โดยใช้ปัญญาของสมองคือตาที่สามเป็นเครื่องมือ

ความสำเร็จสูงสุดของพวกคุณทุกคนมิใช่แค่บางคน

จึงจะบังเกิดผลอันยิ่งใหญ่อย่างเป็นรูปธรรมได้จริง

 

กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา

 

เอเมน สาธุ

#ปัญญาวิสุทธิ์

27/02/2567