21 กุมภาพันธ์ 2567

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 21/02/2567

 #คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล

 

พี่ๆน้อง ๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

 

โลกนี้ยังมีผู้คนอยู่ไม่กี่คนเท่านั้น

ที่ไม่เชื่อเรื่องตนเองมี #จิตวิญญาณ เป็นแก่นแท้

ไม่เชื่อว่าตัวตนที่แท้จริงของตนผู้ดั้นด้นเข้ามาเกิด

ก็คือรูปธรรมทางพลังงานที่เรียกว่า “จิตวิญญาณ”

ปฏิเสธแบบ “หัวชนฝา” โดยไม่รู้ว่าตนเป็นตัวตลก

สาเหตุที่ตลกก็เพราะว่าตนกำลังใช้จิตวิญญาณ

ทำการปฏิเสธจิตวิญญาณของตนเองกันอยู่

 

คนพวกนี้นอกจากจะปฏิเสธ

การมีจิตวิญญาณของตนโดยเชื่อว่าตายแล้วก็จบ

ยังปฏิเสธการมีพระบิดาแห่งจิตวิญญาณของตนด้วย

คนพวกนี้จึงดำเนินชีวิตประจำวันไปตามใจฉัน

ยืนนั่งลุกวิ่งกลิ้งนอนร่อนไปทั่วตามแต่กิเลสจะพานำ

 

คนพวกนี้จึงทำตัวเป็นเสมือนดั่ง #ลูกกำพร้า

เพราะว่าจำผู้ให้กำเนิดจิตวิญญาณของตนไม่ได้

ทั้งยังจำบ้านเกิดเมืองนอนของตนไม่ได้ว่า

จิตวิญญาณของตนนั้นเป็นใครมาจากไหน

มาเกิดเป็นมนุษย์ในระบบโลกนี้กันทำไม

เมื่อได้โอกาสให้มาเกิดแล้วมีหน้าที่ต้องทำอะไรบ้าง

 

คนพวกนี้เป็นผู้ที่มักปฏิเสธการมีอยู่จริงของพระเจ้า

โดยพระเจ้าก็คือ #พระผู้ทรงให้กำเนิดจิตวิญญาณ

พระเจ้าก็คือ #พระผู้สร้างทุกสรรพสิ่งไว้ในเอกภพ

ซึ่งเอกภพเป็นเสมือนดั่ง “ห้องทดลอง” ของพระองค์

เพื่อทรงใช้เรียนรู้ว่าพระองค์จะทรงทำสิ่งใดได้บ้าง

จิตวิญญาณที่เป็นตัวตนแก่นแท้ของพวกคุณทุกคน

ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ทรงกำหนดสร้างขึ้นแล้วส่งเข้ามาเกิด

เป็นสิ่งมีชีวิตที่มี 2 มิติคือมีกายหยาบห่อหุ้มแก่นแท้

ที่เป็นรูปธรรมทางพลังงานเอาไว้ภายใน

 

โดยทรงออกแบบให้แก่นแท้ของพวกคุณแต่ละคน

แบ่งภาคพลังงานออกมาเพื่อทำหน้าที่เป็น #จิตหยาบ

เมื่อได้รับโอกาสมาเกิดเป็นคนสองมิติในภพชาติแรก

ซึ่งจิตหยาบจะรับบทบาทเป็นตัวแทนของจิตวิญญาณ

เพื่อทำให้สั่นสะเทือนร่วมกันในสองมิติคือจิตกับกาย

โดยมี #จิตสามนึก เป็นเครื่องมือขับเคลื่อนที่สำคัญ

และมี #จิตใต้สำนึก ของจิตวิญญาณคอยสั่นตาม

ทุกครั้งที่จิตสามนึกสั่นสะเทือนจนเกิดขันธ์ห้าขึ้นมาได้

 

พวกคุณทุกคน

จึงแสดงออกหรือกระทำพฤติกรรมใดๆในสองมิติ

ที่เป็นกายกรรมกับวจีกรรมโดยมีมโนกรรม

ที่เป็นการสั่นสะเทือนของจิตสามนึกเป็นผู้ขับเคลื่อน

อีกทั้งจิตสามนึกยังสั่นสะเทือนในมิติทางพลังงาน

ทำการผลิตพลังงานเหวี่ยงออกมาข้างนอกด้วย

พวกคุณจะเรียกพลังงานนี้กันสั้นๆว่า #พลังจิต

 

ถ้าใครตกหลุมพรางของมอดมาร

ด้วยการใช้กิเลสขับเคลื่อนจิตสามนึกเมื่อไหร่

คนๆนั้นก็จะแสดง #พฤติกรรมขยะ ออกมาให้ปรากฏ

ทั้งในมิติโลกด้านกายภาพหรือด้านเนื้อหนัง

ที่คนอื่นสามารถสัมผัสรู้ดูเห็นด้วยกลไกอายตนะได้

และในมิติพลังงานด้านของแก่นแท้ที่ตามองไม่เห็น

ซึ่งเรียกกระบวนการนี้ว่า #การหมุนกรรมจักร นั่นเอง

 

แต่ถ้าใครเชื่อพระบิดาฯแล้วหันมาทางเรา

ด้วยการใช้ความรักเพื่อให้อันเป็นรักที่บริสุทธิ์

รักบริสุทธิ์คือรักเพื่อให้อย่างไม่มีเงื่อนไขข้อแม้

รักบริสุทธิ์คือรักเพื่อให้โดยไม่ร้องขอสิ่งใดตอบแทน

พลังงานจิตที่ผลิตได้นี้จะเป็น #พลังงานสะอาด

ที่มีมาตรฐานสูงกว่า “พลังงานบริสุทธิ์” อย่างสิ้นเชิง

ซึ่งเป็นพลังงานในแบบที่โลกนี้ต้องการ

ซึ่งเรียกกระบวนการนี้ว่า #การหมุนธรรมจักร นั่นเอง

 

นี่จึงเป็นความจริงที่น้อยคนนักในโลกนี้ที่จะรู้ว่า

พระเจ้าทรงอนุญาตให้จิตวิญญาณพวกคุณมาเกิด

เพื่อใช้จิตร่วมกับกายสังขารเป็นเครื่องยนต์แห่งกรรม

ในการทำหน้าที่เป็น #เพื่อนร่วมงานกับโลก

ด้วยการช่วยกันผลิตสร้างพลังงานสะอาดมอบให้โลก

ที่พระพุทธองค์ทรงใช้คำว่า “เมตตาธรรมค้ำจุนโลก”

คำว่า “ค้ำจุน” คือช่วยให้โลกเหวี่ยงหมุนรอบตัวเอง

โดยช่วยให้โลกหมุนอย่างต่อเนื่องในอัตราเร็วคงที่ได้

หากตราบใดที่โลกดำรงความสมดุลอยู่ได้

ห้องทดลองขนาดใหญ่คือเอกภพของพระองค์

ก็จะคงความสมดุลหรือดำรงอยู่ได้ตลอดไปเช่นกัน

 

ดังนั้น

สิ่งมีชีวิตเล็กๆทั้งพืชสัตว์และพวกคุณ

จึงต้องสั่นสะเทือนจิตสามนึกด้านบวก

เพื่อหมุนธรรมจักรร่วมกันไว้เสมอ

 

สำหรับพืชและสัตว์จะไม่มีปัญหาอะไร

เพราะพวกเขาไม่มีจิตหยาบจึงไม่มีจิตสามนึก

ที่จะนึกออกนึกเอานึกเองไปตามสิ่งเร้าใดๆได้

พวกเขาใช้แต่สัญชาตญาณของจิตวิญญาณเท่านั้น

ขณะที่พวกคุณมีจิตหยาบทำหน้าที่แทนแก่นแท้

พวกคุณจึงมีอุปสรรคเพราะถูกกิเลสครอบงำง่าย

เนื่องจากถูกหลอกให้เสพติดกิเลสกันมาตั้งแต่เล็ก

ทำให้หมุนกันแต่กรรมจักรโดยหมุนธรรมจักรไม่ได้

ยังผลให้พลังงานสะอาดที่โลกต้องการนั้นขาดพร่อง

โลกจึงเริ่มแกว่งส่ายจนเกิดอาการเสียสมดุลมากขึ้น

 

อาการที่บ่งชี้ว่าโลกเสียสมดุลก็คือ

ภูเขาไฟระเบิด แผ่นดินไหว พายุหมุนรุนแรง

ภูมิอากาศโลกเกิดอาการวิปริตแปรปรวน

ร้อนจัดจนแทบตับแลบ หนาวจัดจนกึ๋นหด

พายุน้ำแข็งตกถล่ม พายุหิมะพัดถล่มผิดฤดูกาล

ซึ่งแสดงให้เห็นว่า #โลกสั่นไหวเพราะคนไม่ไหวแล้ว

 

พวกคุณจำนวนมากมายไม่รู้ว่า

การหมุนกรรมจักรด้วยกิเลสคือ “คน” ผิดทิศ

หากจะคนให้ถูกทิศคุณต้องหมุน “ธรรมจักร” เท่านั้น

#คนถูกทิศ คือการยกระดับตนเองสู่การเป็นมนุษย์

เมื่อคนตนเองให้ถูกทิศเพื่อเป็นมนุษย์กันได้แล้ว

พวกคุณก็ต้องหันหน้าเข้าหากันเพื่อสร้างสังคมร่วมกัน

มิใช่ปลีกวิเวกหนีสังคมเหมือนอยากไปสวรรค์คนเดียว

 

เพราะสวรรค์นิรันดรบ้านเกิดของจิตวิญญาณคุณนั้น

ใครจะเดินทางกลับกันไปตามลำพังคนเดียวไม่ได้

จะกลับไปได้ต้องหันมาหมุนธรรมจักรร่วมกันเอาไว้

โดยใช้สมการพลังงานทางช้างเผือก Σβx เท่านั้น

ที่ต้องหมุนร่วมกันเพราะ X ต้องแทนค่าด้วย 3 ขึ้นไป

จิตหยาบของพวกคุณจึงจะยกระดับแรงสั่นสะเทือน

ให้สูงขึ้นถึงมิติที่ 6 มิติเดียวกับจิตวิญญาณของคุณได้

 

ด้วยเหตุนี้เอง

เราจึงกล่าวความจริงต่อพวกคุณเสมอมาว่า

#ต้องรักคนไม่น่ารักให้ได้

#ต้องให้อภัยคนที่ทำตนไม่น่าอภัยให้เป็น

#ต้องไม่ปลีกวิเวกหนีสังคม

#ต้องไม่ทำบุญสุนทานอย่างมีเงื่อนไข

#ต้องทำบุญทำทานโดยไม่ขอสิ่งตอบแทน

เพื่อให้สมการพลังงานทางช้างเผือก ΣβXศักดิ์สิทธิ์

เกิดผลสัมฤทธิ์ตรงตามที่พระเจ้าทรงออกแบบไว้ได้

 

ใครที่ไม่เชื่อเรื่องจิตวิญญาณ

และมั่นใจในภูมิปัญญาของตนเองอยู่

ก็ลองใช้มันพิจารณาอนุตรธรรมที่เรากล่าวมา

เพื่อพิสูจน์ว่าตนเองนั้นเจ๋งจริงหรือเปล่า

แทนที่จะดื้อรั้นดันทุรังอวดว่ามีปัญญาแต่ใช้ไม่เป็น

เพราะเวลาของโลกและของคุณเหลือน้อยแล้ว

เนื่องจากจิตวิญญาณของพวกคุณและโลกเสรีนี้

ถึงกาลสิ้นยุคพลังงานเก่าแล้ว

 

พวกคุณจักต้องหลุดพ้นเพื่อกลับบ้านก่อนพลบค่ำ

ซึ่งโลกจะมืดยาวนาน 56 วันหรือ 8 ราตรี

โดยโลกทั้งดวงจะมีแต่ราตรีไม่มีทิวา

เกาะจะหายภูเขาจะหายแผ่นดินบางส่วนก็จะหาย

หลายคนทนไม่ได้จนร้องว่าขอให้ฉันตายเสียเถอะ!

 

กราบพระบาทพระบิดาที่ทรงเมตตา

เอเมน สาธุ

#ปัญญาวิสุทธิ์

21/02/2567