18 กุมภาพันธ์ 2567

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 18/02/2567

 #คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล

 

พี่ๆน้อง ๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

 

คำว่า #จิตตกต้องยกจิต นี้เป็นคำกล่าวที่ถูกต้อง

ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของคุณได้เสมอ

เพราะ “จิตตก” เป็นอาการเสียสมดุลของจิตหยาบ

ที่เป็นตัวแทนของจิตวิญญาณผู้เป็นแก่นแท้ของคุณ

ในขณะมีภพชาติเป็น #คนสองมิติ หรือมีชีวิตอยู่

 

สภาวะจิตในยามปกติของพวกคุณแต่ละคนนั้น

จิตหยาบที่มีความสงบสมดุลอยู่ในตนเอง

จะอยู่ในอาการที่เรียกว่า “สงบอยู่” หรือนิ่งอยู่เสมอ

 

คำว่า “จิตสงบ” ในมิติของจิตวิญญาณด้านพลังงาน

คืออาการของจิตหยาบที่สั่นสะเทือนด้านบวกสูงสุด

หรือในขณะนั้นกำลังสั่นสะเทือนเป็นความถี่สูงนั่นเอง

เนื่องจากจิตหยาบนั้นกำลังสั่นสะเทือนไปตามปกติ

เพราะจิตว่างจากกิเลสตัณหาราคะอารมณ์ขยะทั้งปวง

โดยมิได้สั่นสะเทือนตอบสนองเพื่อการรับรู้แล้วรับเอา

ข้อมูลที่เป็นสิ่งเร้าผ่านอายตนะภายนอกเข้ามาภายใน

 

คำว่า “รับรู้แล้วรับเอา” อันเป็นเหตุให้ “จิตตก” นี้

มันจะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าคุณระวังป้องกันจิตของตนไว้

ด้วยเครื่องมือชิ้นสำคัญของพระเจ้าที่เรียกว่า #มหาสติ

ซึ่งทรงประทานผ่านเรามามอบให้พวกคุณไว้นานแล้ว

เพราะการรับรู้แล้วรับเอานั้นมันมิใช่หน้าที่ของจิตหยาบ

ซึ่ง #การรับเอา หมายถึงเมื่อจิตรับรู้ข้อมูลที่ส่งมาให้

จากกลไกอายตนะภายนอกทั้งห้าเรียบร้อยแล้วเมื่อไหร่

จิตหยาบจะสั่นสะเทือน “ตอบสนอง” เป็น #กิเลส เสมอ

มันคือการ “รับเอาสิ่งนั้น” มาปรุงแต่งต่อทันที

 

ผลลัพธ์จากการปรุงแต่งในเบื้องต้น

ที่ยังผลให้เกิดเป็นอาการของจิตตกก็คือ “กิเลส” นี่เอง

กิเลสที่เกิดขึ้นก็คือ #การชอบหรือไม่ชอบ หรือ #ลังเล

ล้วนเป็นสภาวะจิตของคนที่เกิดอาการ “จิตตก” โดยแท้

แต่เนื่องจากความรู้สึกของจิตที่เป็นกิเลสนี้ไม่มีตัวตนอยู่

จึงทำให้จิตหยาบไม่อาจสามารถ “ยึดติด” มันเอาไว้ได้

จิตหยาบพวกคุณจึงลดระดับการสั่นสะเทือนให้ต่ำลงอีก

จนเกิดเป็นสิ่งที่พวกคุณเรียกว่า #ตัณหา ตามมาในที่สุด

นั่นคือ #อยากหรือไม่อยาก หรือการลังเลไม่แน่ใจต่อไป

 

ดังนั้น

เราจะกล่าวให้พวกคุณได้รับรู้กันเอาไว้ว่า

กิเลสหรือความรู้สึกนี่แหละเป็นบ่อเกิดแห่งตัณหา

ถ้าคุณไม่ใช้ “มหาสติตามมรรควิถีจิตจักรวาล” แล้ว

คุณก็จะเป็นมนุษย์คนหนึ่งที่ถูก #วางยา โดยผีโสโครก

เกิดตายกี่ภพกี่ชาติก็มิอาจนิพพานกิเลสให้หมดสิ้นได้

เพราะว่าจิตคุณมันจะถูก “ตัณหา” ครอบงำจนไร้อิสระ

 

เนื่องจาก “ตัณหา” ที่ในจิตหยาบของคุณนี่แหละ

มันจะชักพาให้ “จิตตก” ลงต่ำดำดิ่งสู่ก้นบึ้งของบึงไฟ

เนื่องจากตัณหาเป็นที่มาของ #ราคะจริต

ทำให้จิตหยาบยึดติดความพึงพอใจในรูปรสกลิ่นเสียง

รวมทั้งจะทำให้จิตหยาบถูก #อารมณ์ขยะ ครอบงำ

จนต้องทำอะไรไปตามอารมณ์ขยะที่มันจะบงการคุณ

ทำให้เข้าถึงการใช้จิตตปัญญาของจิตกับสมองไม่ได้

 

เมื่อใดที่จิตคุณตกเป็นทาสของกิเลส

คุณก็จะไม่อาจใช้จิตหยาบที่มีขันธ์ห้าเป็นคุณสมบัติ

เพื่อทำหน้าที่ทางจิตวิญญาณที่อาสามาเกิดบนโลก

ทำการ #หมุนธรรมจักรในตนเอง และหมุนร่วมกันได้

จึงเป็นปัญหาของคุณที่ไม่ก้าวหน้าทางจิตวิญญาณ

แม้จะผ่านการเกิดการตายจนนับภพชาติไม่ถ้วนแล้ว

เพราะไม่อาจใช้ความรักช่วยค้ำจุนจิตหยาบของตนเอง

ให้ยกระดับสู่มิติที่ 5D และ 6D เมื่อครบสามขวบแล้วได้

 

อีกทั้งในขณะเดียวกัน

พวกคุณที่เป็นชาวโลกเสรีทั้งหลาย

เมื่อหมุนธรรมจักรร่วมกันอย่างต่อเนื่องไม่ได้

ในแบบ #ธรรมจักรกัปปวัตนสูตร ที่พระพุทธองค์ค้นพบ

พวกคุณก็มิอาจใช้ #เมตตาธรรมค้ำจุนสมดุลโลกได้

เพราะพวกคุณถูกคนนำทางตาบอดกรรมกรของมาร

ปิดบังความจริงเอาไว้โดยไม่ให้ล่วงรู้ว่า

 

1.ทำไมพระศาสดาทุกพระองค์จึงสอนให้มนุษย์รักกัน

ด้วยความรักในแบบของจิตวิญญาณซึ่งเป็นรักเพื่อให้

มิใช่ #รักเพื่อเอา อันเกิดจาก “กิเลส” เป็นต้นทาง

 

2.ทำไมพระศาสดาจึงสอนว่า “เมตตาธรรม” ค้ำจุนโลก

คำว่า “ค้ำจุนโลก” แปลว่าความรักช่วยทำให้โลกสมดุล

เพราะความรักของพวกคุณทำให้โลกเหวี่ยงหมุนได้

 

3.ทำไมพวกคุณต้องมีภพชาติทำไมต้องมีสังสารวัฏ

ทำไมบวชนานแล้วใยนิพพานกิเลสกันไม่ได้

ทำไมบวชมาตั้งนานแต่จิตวิญญาณยังหลุดพ้นกันไม่ได้

 

คำตอบเดียวก็คือ #พวกคุณหลงทางนิพพาน

หลงไปตามพวกมารหรือผีโสโครกที่หลอกลวงไว้

ทำเรื่องง่ายให้กลายเป็นเรื่องยากจนเกินจริงตลอดมา

จากต้นทางที่ผิดพลาดก็คือเรื่อง “จิตตก” เพราะกิเลส

ก่อให้เกิดบริวารกิเลสขึ้นมาเป็นจริตสันดานที่ซับซ้อน

ยังผลให้บวชมานานแล้วหาทางนิพพานไม่ได้

จนทำให้พระพุทธองค์ต้องทรงออกมาเตือนสติว่า

#ทุกสิ่งอย่างล้วนเกิดจากเหตุ

#ถ้าเหตุดับทุกสิ่งอย่างนั้นก็จะดับตามไปด้วย

 

แปลความว่า

ตัณหาอารมณ์ขยะราคะจริตทั้งหลายเกิดจากกิเลส

เพียงแค่จัดการกับกิเลสที่เป็นต้นทางซึ่งทำให้จิตตกได้

พวกคุณก็จะไม่ต้องตายไม่ต้องมีภพชาติ

ไม่ต้องมีสังสารวัฏให้มันวุ่นวายแต่อย่างใดเลย

เพียงแค่ทำหน้าที่หมุนธรรมจักรในตนเองให้จงได้

และชวนคนรอบข้างมาหมุนธรรมจักรร่วมกันให้ได้ด้วย

เพื่อช่วยกันค้ำจุนโลกและยกระดับจิตหยาบสู่ 6D ให้ได้

หน้าที่พวกคุณที่แท้จริงนั้นมันก็มีเท่านี้เอง

 

จากภาพประกอบที่ “ชายน้อย” สร้างให้

มันจะช่วยทำให้คุณเข้าใจคำที่ว่า “จิตตก” ได้ชัดขึ้น

 

ถ้าตัวการ์ตูนที่กำลังเดินบนเส้นเชือกที่ขึงจนตึงอยู่นั้น

เจ้าหล่อนก็คือ “ตัวตนของคุณเอง” ในสภาวะปัจจุบัน

ถ้าสามารถหยัดยืนก้าวเดินบนเส้นเชือกได้ไม่สั่นไหว

โดยเชือกเส้นนั้นแทนค่าด้วย “สภาวะจิต” ของคุณแล้ว

ถ้าเชือกเส้นนั้นไม่สั่นไม่แกว่งไกวโดยมันยังตึงอยู่ได้

ตัวคุณก็จะไม่พลาดพลัดตกจากเส้นเชือกโดยเด็ดขาด

 

ตรงกันข้ามกับการที่เชือกนั้นหย่อนยาน

เพราะทำการยึดรั้งมันไว้ไม่ตึงเท่าที่ควร

เชือกที่หย่อนยานมันคือการสั่นสะเทือนย่านความถี่ต่ำ

ในมิติของจิตหยาบก็คือความถี่ของกิเลสและบริวาร

ถ้าจะทำให้เชือกนั้นตึงมากขึ้นให้จงได้แล้ว

ก็ต้องยกระดับแรงสั่นสะเทือนให้สูงขึ้นคือดึงให้ตึงขึ้น

อันหมายถึงคุณต้อง #นิพพานกิเลส

เหตุแห่งจิตตกให้สำเร็จให้ได้กันเสียก่อน

 

กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา

 

เอเมน สาธุ

#ปัญญาวิสุทธิ์


18/02/2567