27 กุมภาพันธ์ 2567

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 27/02/2567

 #คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล

 

พี่ๆน้อง ๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

 

เมื่อคุณได้รู้ความจริงกันไปแล้วว่า

พระบิดาแห่งจิตวิญญาณคือ #องค์จิตจักรวาล

พระผู้สร้างทุกสรรพสิ่งรายรอบตัวคุณขึ้นมา

โดยทรงมีวัตถุประสงค์หลักก็คือต้องการเรียนรู้ว่า

การที่พระองค์ทรงอุบัติขึ้นมาด้วยพระองค์เองนั้น

นอกจากจะทรงสร้าง “เงามายา” ของพระองค์เอง

ทั้งเงาที่เป็นตัวตนรูปลักษณ์และ “เสียงก้อง”

ซึ่งเป็นดั่ง “เงาเสียง” ของพระองค์ได้แล้ว

ยังจะทรงพระปรีชาสามารถทำสิ่งใดได้อีกบ้าง

 

ในบทที่ผ่านมา

เราได้หยิบยกเอาสรรพสิ่งต่างๆที่พระองค์ทรงสร้าง

ซึ่งเป็นสรรพสิ่งต่างๆที่พวกคุณสัมผัสรู้ดูเห็นใกล้ตัว

มาเป็นตัวอย่างอธิบายความให้คุณเข้าใจและเข้าถึง

โดยเฉพาะในเรื่องของ #มายารูปลักษณ์กับแก่นแท้

ด้วยการอธิบายความให้รู้เห็นสัจธรรมในธรรมชาติว่า

ทุกถ้วนสรรพสิ่งที่ทรงกำหนดสร้างขึ้นมานั้น

จะเป็นสรรพสิ่งที่มี “สองมิติ” ประกอบกันเสมอ

 

โดยตัวตนที่แท้จริงของสรรพสิ่งที่ทรงกำหนดสร้าง

จะเป็น “กลุ่มพลังงาน” ซึ่งเร้นตัวเองอยู่ข้างใน

แต่เนื่องจากเป็นพลังงานจึงไม่อาจดำรงอยู่อิสระได้

พระองค์จึงทรงต้องออกแบบให้มี “เปลือกนอก”

ทำหน้าที่ห่อหุ้มโอบอุ้มไว้ให้แก่นแท้ใช้ยึดเหนี่ยว

เปลือกนอกที่มีมวลหยาบกว่าซึ่งพลังงานยึดเกาะได้

จึงเป็นมิติทางกายภาพอีกมิติหนึ่งของสรรพสิ่งนั้น

ทำให้ทุกสรรพสิ่งที่ทรงสร้างล้วนมีสองมิติเหมือนกัน

 

ไม่เว้นแม้แต่สิ่งมีชีวิตที่พวกคุณเรียกว่า #สัตว์โลก

อันหมายรวมถึง “สัตว์ประจำโลก” และ “สัตว์มนุษย์”

ซึ่งมี #กล่องพลังงาน แต่มิใช่ “กลุ่มพลังงาน”

ทำหน้าที่เป็นตัวตนแก่นแท้ของสิ่งนั้นอยู่ข้างใน

โดย “กล่องพลังงาน” ก็คือ #รูปธรรมจิตวิญญาณ

ซึ่งมีรูปธรรมที่เป็นรูปทรงเรขาคณิต 6 เหลี่ยมมุม

ทั้งในมนุษย์และสัตว์ประจำโลกทั้งหลายทุกเผ่าพันธุ์

ต่างจากต้นไม้ใหญ่หรือต้นหญ้าใบเล็กๆและสิ่งอื่นๆ

สรรพสิ่งเหล่านี้จะมีแค่ “กลุ่มพลังงาน” หลายความถี่

ลดเลี้ยวเกี่ยวพันกันอยู่ข้างในเปลือกนอกเท่านั้น

 

เนื่องจากพระองค์ทรงกำหนดสร้างกลไกอายตนะ

ในการสัมผัสสิ่งแวดล้อมต่างๆที่ทรงสร้างขึ้นไว้

จาก “มายา” ที่เป็นเปลือกนอกของแก่นแท้นั้นๆ

เฉพาะสิ่งที่เป็นรูปธรรมรสชาติกลิ่นเสียงกายสัมผัส

ด้วยกลไกอายตนะภายนอกเอาไว้ให้ทั้งห้าอย่างแล้ว

โดยไม่มีกลไกอายตนะใดๆที่จะสัมผัสกับพลังงาน

ซึ่งเร้นอยู่ในตัวตนแก่นแท้ทั้งหลายโดยตรงได้เลย

ก็เพื่อจะเปิดช่องทางการใช้ “ดวงตาแห่งปัญญา”

อันประกอบด้วย “จิตหยาบ” กับ “สมองซีกซ้าย”

ให้พวกคุณเรียนรู้ที่จะหยิบมันขึ้นมาใช้งานนั่นเอง

 

ดังนั้น

ดวงตาแห่งปัญญาที่เป็น “จิตกับสมองซีกซ้าย”

จึงเป็นเสมือนหนึ่งกลไกอายตนะชิ้นที่ 6 ที่สำคัญ

ที่คุณจะต้องใช้มันสัมผัสรู้สรรพสิ่งที่พระองค์สร้างไว้

ซึ่งเกินความสามารถที่จะใช้ตาหูจมูกลิ้นกายสัมผัสได้

โดยที่สมองมนุษย์กับสมองของสัตว์ประจำโลกนั้น

พระองค์ทรงออกแบบให้มีสมรรถนะที่แตกต่างกัน

แน่นอนว่าสมองมนุษย์จะซับซ้อนแยบยลยิ่งกว่า

คุณจึงมีหน้าที่ต้องเรียนรู้ที่จะใช้สมองของตนให้ได้

ซึ่งทรงพระเมตตากำหนดให้คุณใช้สมองทั้งสองซีก

ในแบบอัตโนมัติกันอยู่บ้างแล้วทั้งซีกซ้ายและขวา

ตั้งแต่คุณมีอายุครบสามขวบปีเป็นต้นมานั่นแหละ

 

พวกคุณใช้งานอายตนะแบบอัตโนมัติกันเสียจนเพลิน

โดยไม่เคยเรียนรู้ที่จะใช้อายตนะทั้งหกอย่างจริงจัง

เพื่อให้เกิดประสิทธิผลในการเรียนรู้โลกของพระองค์

สู่การคนตนเองด้วยความรักหรือ #หมุนธรรมจักร

เพื่อยกระดับจิตหยาบจาก 4D สู่มิติที่ 6D กันอีกเลย

ความฉลาดในการใช้อายตนะทั้ง 6 จึงมิได้พัฒนากัน

ภาษาโลกเรียกว่าพวกคุณ “ติดใจที่จะใช้ของฟรี”

ที่พระองค์ทรงเมตตาติดตั้งเอาไว้ให้มาตั้งแต่เกิด

คุณจึงใช้งานกันอย่างไม่คุ้มค่าไม่เต็มประสิทธิภาพ

จนพากันเสี้ยมสอนสืบทอดกันมาแบบผิดๆว่า

 

#สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น

#สิบตาเห็นไม่เท่าเอามือคลำเอง

 

หมายความว่าจะเชื่อได้ก็ต่อเมื่อ

แค่ฟังคำเล่าลือที่เขาบอกต่อกันมาไม่ได้

คุณต้องรู้เห็นมันด้วยตาของตัวเองเท่านั้น

แต่แค่รู้เห็นด้วยตาของตนก็ยังไม่พอ

คุณต้องลูบต้องจับต้องคลำมันด้วยตนเองเท่านั้น

จึงจะเชื่อว่าใช่ได้แน่ ๆยิ่งกว่าแช่แป้ง!

 

คุณจะสังเกตได้ว่า

ตั้งแต่ยุคโบราณนานนมมาแล้ว

พวกคุณชาวโลกไม่เคยใส่ใจในอายตนะที่ 6

ที่เป็น #จิตตปัญญา ของจิตกับสมองสองซีกเลย

จนผู้รู้หลายคนในหมู่พวกคุณกันเองเปรียบเปรยว่า

คนบางคนมีสมองเอาไว้แค่คั่นหูสองข้างเท่านั้นเอง

 

เราจึงรีบกลับมาก่อนกำหนด

เพื่อช่วยจุดประกายทางปัญญาให้พวกคุณ

เหมือนดั่งนำเอาแสงสว่างมาสู่โลกเสรีนี้

เริ่มต้นจากโลกด้านตะวันออกแผ่ไปทางตะวันตก

ให้เกิดปรากฏการณ์เป็นประกายดุจสายฟ้าแลบ

เรากลับมาทำหน้าที่ช่วย “จุดตะเกียง” ให้พวกคุณ

ตะเกียงใครที่มีน้ำมันหรือใครที่ “มีน้ำยา”

ตะเกียงของคนนั้นก็จะลุกติดไฟได้ง่ายกว่าคนอื่น

ตะเกียงใครไม่มีน้ำมันหรือไม่มีน้ำยาจะจุดไม่ติด

เราจักต้องเสียเวลาเติมน้ำยากันก่อนแล้ว

 

กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา

 

เอเมน สาธุ

#ปัญญาวิสุทธิ์

27/02/2567