เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
"ความทุกข์" มิได้เกิดจาก "ความคิด"
ตามที่บางคนเที่ยวกล่าวสอนกันอยู่ดอกนะท่าน
เพราะว่าผลิตผลของการคิดนั้น
มันคือ "ความรู้" มิใช่ความทุกข์ใดๆเลย
ท่านรู้หรือไม่ว่า....
คำว่า "ทุกข์" นั้นหมายถึง "สิ่งที่ท่านทนได้ยาก"
ไม่ว่าท่านจะทุกข์ด้วยเรื่องอะไรแบบไหน
มันก็ล้วนแต่เกิดทุกข์ขึ้นในจิตใจของท่านทั้งนั้น
แต่ถ้าเป็นผลของ "ความคิด" จริงแท้แน่แล้ว
มันจะเกิดขึ้นตรงสมองของท่านเสมอ
เพราะกระบวนการคิดของมนุษย์
พระบิดาทรงกำหนดให้
มันสั่นสะเทือนตรงที่สมองเท่านั้น
เราจึงขอกล่าวเฉลยความจริงว่า
แท้แล้วความทุกข์ทั้งหลายนั้น
มันเป็นผลผลิตของ "ความรู้สึก" ของจิตต่างหาก
ความรู้สึกใดๆล้วนเกิดจากการปรุงแต่งของจิต
เมื่อมีการสัมผัสรู้ดูเห็นสรรพสิ่งต่างๆ
ซึ่งอยู่ในกลุ่มของ "เวทนา"
หนึ่งในกระบวนการของขันธ์ 5 ของมนุษย์
โดยแบ่งหยาบๆได้เป็น 2 ภาคส่วน คือ
ภาคแรก คือ สุขเวทนา
เมื่อรู้สึกว่า "ชอบ" รู้สึกว่าพึงพอใจ
ภาคสอง คือ ทุกขเวทนา
เมื่อรู้สึกว่า "ไม่ชอบ" รู้สึกว่าไม่พึงพอใจ
ทั้งสุขเวทนาและทุกขเวทนา
มันเกิดขึ้นที่จิตใจของท่านมิใช่สมอง
มันล้วนเป็น "เหตุแห่งทุกข์" ด้วยกันทั้งสิ้น
หน้าที่ของท่านหากปรารถนาการพ้นทุกข์
ท่านก็จักต้อง "ดับเวทนา" ให้ได้
หากจะดับเวทนาให้ได้อย่างสิ้นเชิงแล้ว
ท่านก็ต้องมีหน้าที่ "คอยแทรกแซง"
กระบวนการของขันธ์ 5 เอาไว้เสมอ
ด้วยการสัมผัสรู้ดูเห็นสิ่งใดแล้ว
ท่านจะต้อง "รับรู้มันไว้เพื่อเรียนรู้"
อย่าไปรับรู้มันแล้ว "รับเอา" เด็ดขาด
เช่นเมื่อรับรู้ว่าหอม แล้วรับเอา คือ "ชอบ"
รับรู้ว่าเหม็น แล้วรับเอา คือ "ไม่ชอบ"
เจ้าตัวชอบไม่ชอบนี่แหละ คือ กิเลส
ที่มันจะกระตุ้นให้จิตของท่าน
เกิดอาการเตลิดจนรั้งสติไม่อยู่ต่อไปอีก
โดยมันจะสั่นสะเทือนเป็น
"อยาก-ไม่อยาก" ต่อเนื่องไปทันที
ซึ่งอยากไม่อยากนี่แหละ คือ ตัณหา
ทั้งกิเลสตัณหามันจึงมาคู่กันเสมอ
เพราะสันดานของจิตมนุษย์
มันเป็นของมันเช่นนี้เอง
นี่ไงท่านทั้งหลาย
ตัวตนแห่งทุกข์ที่มันเกิดขึ้นตรง "จิต" ท่านน่ะ
มันเกิดจากความอยากกับไม่อยากนี่เอง
ถ้าอยากได้แต่ไม่สมใจอยาก ก็ทุกข์
ถ้าไม่อยากได้ในสิ่งที่มีอยู่เป็นอยู่แล้ว ก็ทุกข์
ถ้ามีอยู่เป็นอยู่ครองอยู่แต่ไม่อยากสูญเสีย ก็ทุกข์
ท่านเห็นรึไม่ว่า "ความทุกข์"
มันมิได้เกิดจากความคิดของสมองหรอก
มันเป็นเรื่องของจิตล้วนๆ
มันเป็นเรื่องของจิตที่สั่นสะเทือน
เป็นกระบวนการของขันธ์ 5
ตามธรรมดาของคนทั่วไปที่มันยังไม่ถูกต้อง
โดยที่ใครจะเป็นมนุษย์ได้ก็จะต้อง "คน"
หรือหมุนกระบวนการของขันธ์ 5
ที่เรียกว่า "หมุนธรรมจักร" นั่นแหละ
ด้วยการเข้าแทรกแซงกระบวนการนี้ไว้
มิให้มันเกิดเวทนาขึ้นมาได้
หาก "คน" เป็นผลสำเร็จได้
ท่านก็จะถูกเรียกว่า "มนุษย์" ได้เต็มคำ
ใครปรารถนาจะนิพพาน
ก็อ่านพระโอวาทบทนี้หลายๆเที่ยวหน่อยนะ
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
20-1-2016