08 ธันวาคม 2566

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 8/12/2566

 #คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล

(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)

 

พี่ๆน้อง ๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

 

การเป็น #คนสองมิติ ของพวกคุณนั้น

ตั้งแต่แรกคลอดออกมาจากครรภ์มารดาเป็นทารก

พวกคุณจะเรียกตนเองว่า #มนุษย์ นั้นยังไม่ได้

โดยจะเรียกตนเองว่าเป็น “มนุษย์” ได้ก็ต่อเมื่อ

คุณต้อง “คน” ตนเองทั้งสองมิติให้เข้ากันก่อน

 

หมายความว่า

คุณจะต้องสั่นสะเทือนจิตสามนึกของจิตหยาบ

ด้วยการ “นึกออก นึกเอาและนึกเอง” ทั้งสามนึก

ตามกระบวนการ 5 ขั้นที่พวกคุณเรียกว่า #ขันธ์ห้า

คือ รูป เวทนา สัญญา สังขารและวิญญาณ

ซึ่งเป็นกระบวนการทั้งสองมิติให้เกิดขึ้นให้จงได้

 

เพราะคำว่า “มนุษย์” หมายถึงผู้ที่มีจิตใจสูง

แปลว่าคุณต้องสั่นสะเทือนจิตหยาบด้วยความถี่สูง

คลื่นความถี่สูงก็คือคลื่นบวกจาก #การรักเพื่อให้

ซึ่งมันตรงกันข้ามกับคลื่นความถี่ต่ำหรือคลื่นลบ

ที่เป็นคลื่นของ #กิเลสมาร และบริวารทั้งหลาย

พวกตัณหาราคะจริตและอารมณ์ขยะรายวันทั้งปวง

 

ดังนั้น

การจะเป็นมนุษย์ได้จึงต้องสามารถรักเพื่อให้ได้

แม้ใครคนนั้นเขาจะเป็นคนทำตัวไม่น่ารักกับคุณ

ต้องอภัยได้แม้ใครคนนั้นจะทำตัวไม่น่าให้อภัยเลย

ถ้าคุณสามารถสั่นสะเทือนจิตสามนึกแบบนี้ได้

คุณก็จะคนทั้งสองมิติให้เข้ากันเป็นหนึ่งเดียวได้แล้ว

วิธีคนทั้งสองมิติด้วยรักเพื่อให้นี่แหละคือ “ธรรมจักร”

เป็นหน้าที่หลักของ #จิตวิญญาณ ที่มาเกิดบนโลกนี้

 

วิธีการ #หมุนธรรมจักรในตนเอง ขั้นต้น

คือการเรียนรู้ที่จะใช้จิตหยาบหรือจิตมนุษย์ของคุณ

สั่นสะเทือนให้เกิดกระบวนการขันธ์ห้าด้วยความรัก

โดยทำงานร่วมกับอายตนะทั้งหกและสมองสองซีก

ด้วยจิตหยาบและกายหยาบให้สำเร็จให้จงได้

ซึ่งจะเข้าถึงความรักเพื่อให้ด้วยปัญญาของสมองได้

ก็ต่อเมื่อจิตหยาบคุณต้องว่างจากกิเลสมารเท่านั้น

โดยจิตหยาบจะต้องว่างจากกิเลสมารอย่างสิ้นเชิง

นั่นคือคุณต้องเรียนรู้ที่จะนิพพานกิเลสเสียให้สิ้นซาก

#วิธีนิพพานกิเลสให้สิ้นเชื้อนี่แหละคือการปฏิบัติธรรม

ซึ่งเป็นภารกิจขั้นต้นของ “จิตหยาบ” ของคุณเอง

 

มิเช่นนั้นแล้ว

คุณจะเสียชาติเกิดไปอีกหนึ่งภพชาติในทันที

เพราะจิตหยาบทำหน้าที่แทนจิตวิญญาณของตนมิได้

แปลความว่า #คุณเป็นมนุษย์ไม่เป็น เป็นมนุษย์ไม่ได้

เพราะคุณหมุนธรรมจักรในตนเองไม่สำเร็จ

อันหมายถึง “คนตนเองทั้งสองมิติ” ให้เข้ากันไม่เป็น

เพราะมัวแต่ไปนั่งสมาธิถือศีลกินเจบ้าบุญกันเท่านั้น

โดยเข้าใจว่านั่นคือการปฏิบัติธรรมที่ถูกต้องตรงจริง

ไม่เคยใส่ใจว่าถ้าตนจะนิพพานกิเลสต้องทำอย่างไร

 

เมื่อคนตนเองให้เป็นมนุษย์โดยหมุนธรรมจักรได้แล้ว

ภารกิจของจิตวิญญาณขั้นก้าวหน้าลำดับต่อไปก็คือ

คุณต้องเรียนรู้ที่จะหมุนธรรมจักรร่วมกันกับคนรอบข้าง

ด้วยการ #รักคนที่ไม่น่ารักได้ #อภัยคนไม่น่าอภัยได้

#มีใจรักและเมตตาต่อคนสัตว์และทุกสรรพสิ่งได้เสมอ

โดยไม่เลือกที่รักมักที่ชังและไม่มีเงื่อนไขใดๆทั้งสิ้น

นั่นคือ #รักโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนหรือสิ่งแลกเปลี่ยน

ซึ่ง “คนรอบข้าง” เราหมายถึง #คนใกล้ตัวในครอบครัว

รวมทั้งคนข้างบ้านคนภายในทีมงานและคนในสังคม

 

คุณต้องเรียนรู้ที่จะรักพวกเขาให้ได้แล้วยังไม่พอ

คุณยังต้องเรียนรู้ที่จะทำตัวให้คนรอบข้างรักคุณให้ได้

ทั้งหมดนี้คือ #การปฏิบัติธรรม ที่ถูกต้องตรงจริงขั้นสูง

ต่อจากการหมุนธรรมจักรในตนเองที่เรากล่าวมาแล้ว

นั่นคือ #คุณจะรักคนชั่วคนนั้นอย่างสนิทใจได้อย่างไร

#คุณจะทำตัวให้คนอื่นรักคุณอย่างสนิทใจได้อย่างไร

แปลว่าคุณจะ #เข้าเถื่อนถ้ำปฏิบัติธรรมคนเดียวไม่ได้

เพราะว่าคุณเป็นมนุษย์และเป็นสัตว์สังคมนั่นเอง

 

ในบทนี้

เราต้องการเน้นย้ำให้คุณรู้ว่า

1.หน้าที่ในการปฏิบัติธรรมของคุณคืออะไรบ้าง

2.วิธีปฏิบัติธรรมที่ถูกตรงนั้นอย่างไรใช่อย่างไหนไม่ใช่

3.การหมุนธรรมจักรเป็นภารกิจหลักของจิตวิญญาณ

4.อุปสรรคของการหมุนธรรมจักรก็คือกิเลสมาร

5.คำว่านิพพานคือดับการเกิดดับของกิเลสที่ในจิตคุณ

6.นิพพานเป็นสิ่งที่คุณต้องทำ

7.การหมุนธรรมจักรในตนเองจะเกิดเองโดยอัตโนมัติ

แค่จิตหยาบของคุณสะอาดปราศจากกิเลสเท่านั้น

 

8.การหมุนธรรมจักรร่วมกันกับคนอื่นนั้นยากสุด

ตรงที่คุณจะทำตนให้น่ารักเหมือนตอนเป็นเด็กได้ยังไง

เพื่อให้ใครๆรักและเมตตาคุณให้ได้

9.การหมุนธรรมจักรร่วมกับคนอื่นนั้นยิ่งยากมากที่สุด

ตรงที่ตัวคุณเองจะรักคนที่ทำตนไม่น่ารักได้อย่างไร

โดยไม่มีข้อแม้ไม่มีข้ออ้างไม่มีเงื่อนไขอะไรทั้งสิ้น

 

ทั้ง 9 ข้อนี้คือการปฏิบัติธรรมที่แท้จริงที่ทุกคนต้องทำ

ไม่ว่าคุณจะเป็นฆราวาสเป็นนักพรตหรือจะเป็นนักบวช

ล้วนเป็น “สิ่งสมมติ” แท้แล้วคุณต้อง “คน” กันทั้งนั้น

การคนสองมิติในตนเองให้เข้ากันจนเป็นหนึ่งเดียว

ด้วยวิธีการหมุนธรรมจักรในตนเองที่ว่านี้นั้น

เป้าหมายหลักก็คือจิตหยาบกับกายหยาบของคุณ

จะต้องสั่นสะเทือนร่วมกันจนเป็นหนึ่งเดียวคลื่นเดียวกัน

ซึ่งเป็นคลื่นความถี่ของความรักมิใช่คลื่นของกิเลสมาร

แล้วใช้คลื่นความถี่ด้านบวกคือความรักดังกล่าวนั้น

สั่นสะเทือนกายหยาบคือกายกรรมกับวจีกรรม

เพื่อสร้างเงื่อนไขด้านบวกให้แก่คนอื่นๆที่อยู่รอบข้าง

ให้เขาหมุนธรรมจักรในตนเองเพื่อเป็นเงื่อนไขด้านบวก

กระทำตอบต่อคุณกลับมาให้จงได้

 

เอเมน สาธุ

ถ่ายทอดคลื่นความคิดจากองค์จิตจักรวาล

โดย #ปัญญาวิสุทธิ์

8/12/2566