#คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล
(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)
พี่ๆน้อง ๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
มนุษย์ถูก “ล้างสมอง” ให้ปฏิเสธ #พระเจ้า ตลอดมา
ทั้ง
ๆที่พระองค์ทรงเป็นพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
ผู้ให้กำเนิดจิตวิญญาณของมนุษย์ทุกชนชาติทุกเผ่า
รวมทั้งจิตวิญญาณของสัตว์ประจำโลกทุกตัวด้วย
โดยมีการล้างสมองด้วยวิธีที่ 3
ก็คือ
3.#ทำให้สับสนระหว่าง #พระเจ้า กับ #เทพเจ้า
การทำให้มนุษย์สับสนนั้นเป็นงานถนัดของศัตรูที่รู้มาก
พวกจิตวิญญาณของผีโสโครกซึ่งเป็นมารภายนอก
จะเลือกใช้วิธีการนี้ในหลายๆเรื่องจนได้ผลกันมาแล้ว
เพราะพวกคุณที่เป็นมนุษย์โลก
“รู้น้อยกว่า” พวกเขา
เนื่องจากถูกหลอกให้เสพติดกิเลสจนต้องมีภพชาติ
จนต้องมีสังสารวัฏด้วยการตายแล้วกลับมาเกิดใหม่
เมื่อต้องเกิดใหม่ทุกอย่างต้องเซ็ทซีโร่คือเริ่มใหม่หมด
ขณะที่เวรกรรมทั้งหมดยังต้องสะสมติดตัวเอาไว้ด้วย
วิธีการทำให้สับสนในเรื่องของพระเจ้ากับเทพเจ้าก็คือ
นอกจากพยายามจะด้อยค่าพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
ด้วยวิธีการที่ 1
และ 2 ตามที่เรากล่าวผ่านมาแล้วนั้น
พวกมารทั้งหลายยังสมมติพวกตนว่าเป็นเทพเจ้าขึ้นมา
ด้วยการสร้างรูปเคารพบูชาด้วยการสร้างพิธีกรรมต่างๆ
โดยใช้ฤทธิ์อภิญญาหรือวิชามารให้เห็นความศักดิ์สิทธิ์
เพื่อจูงใจให้กลัวให้ทึ่งให้ชอบและให้งมงายเชื่อตาม
จนเป็นที่มาของการยึดติดเรื่องสิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น
เพียงแค่เห็นเงามายาเบื้องหน้าพวกคุณก็เชื่อตามแล้ว
โดยเบื้องหลังมายาที่ตาคุณไม่อาจเห็นว่าอะไรเป็นอะไร
ยังมิได้พิสูจน์ความจริงด้วยปัญญาหรือตาที่สามกันเลย
พวกคุณไม่เคยฉุกคิดกันเลยว่า
ทำไมพระบิดาแห่งจิตวิญญาณหรือพระผู้สร้าง
จึงทรงกำหนดออกแบบให้รูปธรรมมนุษย์โลกทุกคน
มีสมองสองซีกอยู่ในกะโหลกศีรษะร่วมกับอายตนะ
ที่เป็นตาหูจมูกปากลิ้นซึ่งใช้สัมผัสสิ่งเร้าภายนอก
โดยทรงติดตั้งรวมกันเอาไว้ตรงศีรษะของพวกคุณ
เป็นเพราะเหตุว่าจิตหยาบและจิตวิญญาณของมนุษย์
มีพิกัดที่ตั้งอยู่ภายในกะโหลกศีรษะของคุณนั่นเอง
เนื่องจากจิตหยาบพวกคุณที่ต้องคนเพื่อเป็นมนุษย์
ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ตรงต่อมไพเนียลหรือตาที่สามนั้น
จะต้องทำงานร่วมกันกับกลไกอายตนะภายนอกทั้งห้า
ที่เป็นตาหูจมูกปากลิ้นและกายสัมผัสตลอดเวลา
โดยจิตหยาบตรงตาที่สามนี้จะต้องสั่นสะเทือนตนเอง
เพื่อการรับรู้ข้อมูลจากอายตนะภายนอกให้ทันให้ถูก
การรับรู้จึงต้องรวดเร็วเรียบร้อยและต้องไม่ผิดพลาด
พระองค์จึงทรงติดตั้งพวกมันเอาไว้ใกล้ๆกันนั่นเอง
จะได้ป้องกันปัญหามิให้การสื่อสารบกพร่องผิดพลาด
ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นอีกก็คือ
เมื่อจิตหยาบตรงต่อมไพเนียลรับรู้ข้อมูลจากอายตนะ
ในช่องทางใดช่องทางหนึ่งรวมห้าช่องทางมาแล้ว
จิตหยาบจะต้องนำเอา “ข้อมูล”
ที่ได้รับมานั้น
มาทำงานร่วมกันกับสมองทั้งสองซีกซ้ายขวา
ซึ่งอยู่ส่วนบนสุดภายในกะโหลกศีรษะของคุณต่อไป
เนื่องจากทรงกำหนดให้พวกคุณ #รับรู้เพื่อเรียนรู้
การเรียนรู้เกิดได้ก็ต่อเมื่อจิตหยาบทำงานร่วมกับสมอง
แต่พวกจิตวิญญาณ “ผีโสโครก”
หลอกให้คุณเสพติดกิเลสโดยไม่รู้สติเสียจนเคยตัว
จึงยังผลให้พวกคุณเมื่อ #รับรู้แล้วก็รับเอามาปรุงแต่ง
ทำให้มองโลกผิดจากความจริงเพราะสวมแว่นเลนส์สี
โดยแว่นสีก็คือ #กิเลสมาร ที่นำไปสู่ตัณหากับอารมณ์
ซึ่งเป็นบริวารของกิเลสที่จะเกิดขึ้นตามมาจนหยุดไม่อยู่
อันเป็นกระบวนการแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นกับขันธ์ห้านี่เอง
กิเลสจึงเป็นมารภายในตัวแสบของมนุษย์มานับพันๆปี
ที่คนนำทางตาบอดกรรมกรของมารทำการปลูกฝังไว้ให้
ในบริบทของนักพรตนักบวชอย่างแนบเนียนยิ่งนัก
นอกจากนั้น
เราเคยกล่าวให้รู้ไปบ้างแล้วว่า
เมื่อใดที่จิตหยาบสั่นสะเทือนด้วยจิตสามนึกขึ้นมา
จนเกิดกระบวนการ “ขันธ์ 5”
ที่พระบิดาทรงออกแบบไว้
ซึ่งเป็นการสั่นสะเทือนในมิติทางกายภาพฝ่ายเนื้อหนัง
จิตวิญญาณตัวตนที่แท้จริงของคุณตรงต่อมพิทูอิทารี
โดยต่อมพิทูอิทารีที่ว่านี้ก็คือ #ต่อมใต้สมองนี่แหละ
เขาก็จะเกิดการสั่นสะเทือนตามคู่ขนานกันไปด้วยเสมอ
จิตวิญญาณจะใช้ #จิตใต้สามนึก สั่นสะเทือนตาม
เพื่อทำให้พฤติกรรมจากจิตสามนึกที่คุณสั่นสะเทือนนั้น
เปลี่ยนเป็นพฤติกรรมในมิติทางพลังงานของจิตวิญญาณ
โดยมีห้าขั้นตอนคือรูปเวทนาสัญญาสังขารวิญญาณ
ซึ่งขั้นตอนสุดท้ายนี่แหละคุณจะขับเคลื่อนผลกรรม
ในรูปของ “วิญญาณ”
ที่เป็นพลังงานกรรมออกมาได้
ถ้าใครสั่นสะเทือนด้วยกิเลสพลังงานกรรมก็เป็นลบ
ถ้าใครสั่นสะเทือนด้วยรักเพื่อให้พลังงานก็เป็นบวก
นี่คือที่มาของคำว่า #คนสองมิติ ที่ทรงออกแบบไว้ให้
พวกกรรมกรของมารที่เป็นผีโสโครก
ถูกหลอกใช้ด้วยการรับฟังจากเสียงดังที่ในหัวหรือหู
ด้วยคำสอนที่ถูกเบือนบิดผิดเพี้ยนไปไม่ตรงจริง
คนนำทางตาบอดมากมายพากันสอบตกกันไปง่ายๆ
เพราะกระแสเสียงมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นในรูหัวรูหูของตน
โดยไม่รู้ว่าเสียงใครมาจากไหนมันเกิดขึ้นได้อย่างไร
จึงเกิดการหลงผิดไปเชื่อตามเสียงที่ในหัวในหูนั้นเข้า
เพราะเข้าใจว่าเป็นเสียงของเทพเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์สื่อมา
โดยไม่รู้ว่ามันคือเสียงของมารที่เลือกมาหลอกตน
ให้นำ #ทำมะ ไปหลอกชาวบ้านว่าเป็น #สัตว์จะทำ
เพราะผีโสโครกพวกนี้ชอบหลอกแบบนี้แหละ
จิตวิญญาณพวกเขาจึงเสื่อมพลังอำนาจจนเสียสมดุล
ต้องตกชั้นจากการมี 6D
ลงมาเหลือ 5D กันไปแล้ว
จึงเป็นที่มาของการ “ดักดูดพลัง”
เหมือนปลิงหรือทาก
ตามที่พวกคุณเคยรู้ความจริงนี้กันมาบ้างแล้ว
พวกมารภายนอกที่เป็นจิตวิญญาณของผีโสโครก
จึงสร้างเรื่องของเทพเจ้าต่างๆขึ้นมา
เพื่อหลอกลวงให้พวกคุณ #กลัว #ชอบ #เชื่อ
ถ้าทำให้กลัวพวกเขาได้คุณก็จะยอมเป็นพวกเขา
ยอมเซ่นวักตั๊กแตนพวกเขาหรือบูชาพวกเขา
ด้วยของเซ่นไหว้บวงสรวงนานาสารพัดสาระพัน
เนื่องจากจิตวิญญาณของพวกเขายังคงรู้หิวรู้โหยอยู่
เพราะต้องตายกะทันหันจากน้ำท่วมโลกยุคโนอาห์
เคยกินเลือดเนื้อของสัตว์เป็นอาหารอร่อยเสียจนชิน
ตอนที่ยังเป็นคนยักษ์นกยักษ์หรือคนที่มีปีกบินได้
เมื่อตายแล้วเครื่องเซ่นไหว้จึงมีของคาวมีเลือดสดๆ
ต้องมีสัตว์ “บูชายัญ”
ซึ่งเป็นของผิดบาปรวมอยู่ด้วย
ความกลัวทำให้พวกคุณยอมตนเป็นพวกมาร
ซึ่งอ้างตนว่าเป็นเทพเจ้าโดยใช้อิทธิฤทธิ์นำแสดง
พวกคุณจึงยอมทำตามทุกอย่างแบบว่านอนสอนง่าย
จำต้องยอมตัวยอมใจเพราะว่ากลัวจะถูกทำร้าย
เพราะพวกมารมีฤทธิ์อยู่จริงตามที่พวกคุณรู้เห็น
ถ้าพวกคุณรู้ว่า
จิตวิญญาณของผีโสโครกที่หลอกว่าเป็นเทพเจ้า
เพื่อให้คุณด้อยค่าลดตัวลงไปไหว้หมาไหว้ลิงไหว้เสือ
ไหว้งูใหญ่งูยักษ์แม้กระทั่งอสูรซึ่งสมมติว่าเป็นเทพเจ้า
จนพวกคุณหลายคนคล้อยตามยอมตนเป็นสาวกนั้น
จุดอ่อนของพวกนี้ก็คือเป็นผีที่กลัวถูกสาปให้เป็นสาง
เพราะพวกนี้กลัวการไม่มีโอกาสได้ไปผุดไปเกิด
ซึ่งพวกเขารอคอยโอกาสกันอยู่นานนับพันปีมาแล้ว
เนื่องจากมีหนทางเดียวที่ทำได้ก็คือ #การรอโอกาส
ด้วยการเวียนว่ายวกวนอยู่ในสนามพลังงานจักรวาล
(ยังมีตอนต่อไป)
เอเมน สาธุ
ถ่ายทอดคลื่นความคิดจากองค์จิตจักรวาล
โดย #ปัญญาวิสุทธิ์
13/12/2566