13 ธันวาคม 2566

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 13/12/2566

 #คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล

(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)

 

พี่ๆน้อง ๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

 

มนุษย์ถูก “ล้างสมอง” ให้ปฏิเสธ #พระเจ้า ตลอดมา

ทั้ง ๆที่พระองค์ทรงเป็นพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ

ผู้ให้กำเนิดจิตวิญญาณของมนุษย์ทุกชนชาติทุกเผ่า

รวมทั้งจิตวิญญาณของสัตว์ประจำโลกทุกตัวด้วย

โดยมีการล้างสมองด้วยวิธีที่ 3 ก็คือ

 

3.#ทำให้สับสนระหว่าง #พระเจ้า กับ #เทพเจ้า

 

การทำให้มนุษย์สับสนนั้นเป็นงานถนัดของศัตรูที่รู้มาก

พวกจิตวิญญาณของผีโสโครกซึ่งเป็นมารภายนอก

จะเลือกใช้วิธีการนี้ในหลายๆเรื่องจนได้ผลกันมาแล้ว

เพราะพวกคุณที่เป็นมนุษย์โลก “รู้น้อยกว่า” พวกเขา

เนื่องจากถูกหลอกให้เสพติดกิเลสจนต้องมีภพชาติ

จนต้องมีสังสารวัฏด้วยการตายแล้วกลับมาเกิดใหม่

เมื่อต้องเกิดใหม่ทุกอย่างต้องเซ็ทซีโร่คือเริ่มใหม่หมด

ขณะที่เวรกรรมทั้งหมดยังต้องสะสมติดตัวเอาไว้ด้วย

 

วิธีการทำให้สับสนในเรื่องของพระเจ้ากับเทพเจ้าก็คือ

นอกจากพยายามจะด้อยค่าพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ

ด้วยวิธีการที่ 1 และ 2 ตามที่เรากล่าวผ่านมาแล้วนั้น

พวกมารทั้งหลายยังสมมติพวกตนว่าเป็นเทพเจ้าขึ้นมา

ด้วยการสร้างรูปเคารพบูชาด้วยการสร้างพิธีกรรมต่างๆ

โดยใช้ฤทธิ์อภิญญาหรือวิชามารให้เห็นความศักดิ์สิทธิ์

เพื่อจูงใจให้กลัวให้ทึ่งให้ชอบและให้งมงายเชื่อตาม

จนเป็นที่มาของการยึดติดเรื่องสิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น

เพียงแค่เห็นเงามายาเบื้องหน้าพวกคุณก็เชื่อตามแล้ว

โดยเบื้องหลังมายาที่ตาคุณไม่อาจเห็นว่าอะไรเป็นอะไร

ยังมิได้พิสูจน์ความจริงด้วยปัญญาหรือตาที่สามกันเลย

 

พวกคุณไม่เคยฉุกคิดกันเลยว่า

ทำไมพระบิดาแห่งจิตวิญญาณหรือพระผู้สร้าง

จึงทรงกำหนดออกแบบให้รูปธรรมมนุษย์โลกทุกคน

มีสมองสองซีกอยู่ในกะโหลกศีรษะร่วมกับอายตนะ

ที่เป็นตาหูจมูกปากลิ้นซึ่งใช้สัมผัสสิ่งเร้าภายนอก

โดยทรงติดตั้งรวมกันเอาไว้ตรงศีรษะของพวกคุณ

เป็นเพราะเหตุว่าจิตหยาบและจิตวิญญาณของมนุษย์

มีพิกัดที่ตั้งอยู่ภายในกะโหลกศีรษะของคุณนั่นเอง

 

เนื่องจากจิตหยาบพวกคุณที่ต้องคนเพื่อเป็นมนุษย์

ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ตรงต่อมไพเนียลหรือตาที่สามนั้น

จะต้องทำงานร่วมกันกับกลไกอายตนะภายนอกทั้งห้า

ที่เป็นตาหูจมูกปากลิ้นและกายสัมผัสตลอดเวลา

โดยจิตหยาบตรงตาที่สามนี้จะต้องสั่นสะเทือนตนเอง

เพื่อการรับรู้ข้อมูลจากอายตนะภายนอกให้ทันให้ถูก

การรับรู้จึงต้องรวดเร็วเรียบร้อยและต้องไม่ผิดพลาด

พระองค์จึงทรงติดตั้งพวกมันเอาไว้ใกล้ๆกันนั่นเอง

จะได้ป้องกันปัญหามิให้การสื่อสารบกพร่องผิดพลาด

 

ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นอีกก็คือ

เมื่อจิตหยาบตรงต่อมไพเนียลรับรู้ข้อมูลจากอายตนะ

ในช่องทางใดช่องทางหนึ่งรวมห้าช่องทางมาแล้ว

จิตหยาบจะต้องนำเอา “ข้อมูล” ที่ได้รับมานั้น

มาทำงานร่วมกันกับสมองทั้งสองซีกซ้ายขวา

ซึ่งอยู่ส่วนบนสุดภายในกะโหลกศีรษะของคุณต่อไป

เนื่องจากทรงกำหนดให้พวกคุณ #รับรู้เพื่อเรียนรู้

การเรียนรู้เกิดได้ก็ต่อเมื่อจิตหยาบทำงานร่วมกับสมอง

 

แต่พวกจิตวิญญาณ “ผีโสโครก”

หลอกให้คุณเสพติดกิเลสโดยไม่รู้สติเสียจนเคยตัว

จึงยังผลให้พวกคุณเมื่อ #รับรู้แล้วก็รับเอามาปรุงแต่ง

ทำให้มองโลกผิดจากความจริงเพราะสวมแว่นเลนส์สี

โดยแว่นสีก็คือ #กิเลสมาร ที่นำไปสู่ตัณหากับอารมณ์

ซึ่งเป็นบริวารของกิเลสที่จะเกิดขึ้นตามมาจนหยุดไม่อยู่

อันเป็นกระบวนการแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นกับขันธ์ห้านี่เอง

กิเลสจึงเป็นมารภายในตัวแสบของมนุษย์มานับพันๆปี

ที่คนนำทางตาบอดกรรมกรของมารทำการปลูกฝังไว้ให้

ในบริบทของนักพรตนักบวชอย่างแนบเนียนยิ่งนัก

 

นอกจากนั้น

เราเคยกล่าวให้รู้ไปบ้างแล้วว่า

เมื่อใดที่จิตหยาบสั่นสะเทือนด้วยจิตสามนึกขึ้นมา

จนเกิดกระบวนการ “ขันธ์ 5” ที่พระบิดาทรงออกแบบไว้

ซึ่งเป็นการสั่นสะเทือนในมิติทางกายภาพฝ่ายเนื้อหนัง

จิตวิญญาณตัวตนที่แท้จริงของคุณตรงต่อมพิทูอิทารี

โดยต่อมพิทูอิทารีที่ว่านี้ก็คือ #ต่อมใต้สมองนี่แหละ

เขาก็จะเกิดการสั่นสะเทือนตามคู่ขนานกันไปด้วยเสมอ

 

จิตวิญญาณจะใช้ #จิตใต้สามนึก สั่นสะเทือนตาม

เพื่อทำให้พฤติกรรมจากจิตสามนึกที่คุณสั่นสะเทือนนั้น

เปลี่ยนเป็นพฤติกรรมในมิติทางพลังงานของจิตวิญญาณ

โดยมีห้าขั้นตอนคือรูปเวทนาสัญญาสังขารวิญญาณ

ซึ่งขั้นตอนสุดท้ายนี่แหละคุณจะขับเคลื่อนผลกรรม

ในรูปของ “วิญญาณ” ที่เป็นพลังงานกรรมออกมาได้

 

ถ้าใครสั่นสะเทือนด้วยกิเลสพลังงานกรรมก็เป็นลบ

ถ้าใครสั่นสะเทือนด้วยรักเพื่อให้พลังงานก็เป็นบวก

นี่คือที่มาของคำว่า #คนสองมิติ ที่ทรงออกแบบไว้ให้

 

พวกกรรมกรของมารที่เป็นผีโสโครก

ถูกหลอกใช้ด้วยการรับฟังจากเสียงดังที่ในหัวหรือหู

ด้วยคำสอนที่ถูกเบือนบิดผิดเพี้ยนไปไม่ตรงจริง

คนนำทางตาบอดมากมายพากันสอบตกกันไปง่ายๆ

เพราะกระแสเสียงมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นในรูหัวรูหูของตน

โดยไม่รู้ว่าเสียงใครมาจากไหนมันเกิดขึ้นได้อย่างไร

จึงเกิดการหลงผิดไปเชื่อตามเสียงที่ในหัวในหูนั้นเข้า

เพราะเข้าใจว่าเป็นเสียงของเทพเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์สื่อมา

โดยไม่รู้ว่ามันคือเสียงของมารที่เลือกมาหลอกตน

ให้นำ #ทำมะ ไปหลอกชาวบ้านว่าเป็น #สัตว์จะทำ

 

เพราะผีโสโครกพวกนี้ชอบหลอกแบบนี้แหละ

จิตวิญญาณพวกเขาจึงเสื่อมพลังอำนาจจนเสียสมดุล

ต้องตกชั้นจากการมี 6D ลงมาเหลือ 5D กันไปแล้ว

จึงเป็นที่มาของการ “ดักดูดพลัง” เหมือนปลิงหรือทาก

ตามที่พวกคุณเคยรู้ความจริงนี้กันมาบ้างแล้ว

 

พวกมารภายนอกที่เป็นจิตวิญญาณของผีโสโครก

จึงสร้างเรื่องของเทพเจ้าต่างๆขึ้นมา

เพื่อหลอกลวงให้พวกคุณ #กลัว #ชอบ #เชื่อ

ถ้าทำให้กลัวพวกเขาได้คุณก็จะยอมเป็นพวกเขา

ยอมเซ่นวักตั๊กแตนพวกเขาหรือบูชาพวกเขา

ด้วยของเซ่นไหว้บวงสรวงนานาสารพัดสาระพัน

เนื่องจากจิตวิญญาณของพวกเขายังคงรู้หิวรู้โหยอยู่

เพราะต้องตายกะทันหันจากน้ำท่วมโลกยุคโนอาห์

 

เคยกินเลือดเนื้อของสัตว์เป็นอาหารอร่อยเสียจนชิน

ตอนที่ยังเป็นคนยักษ์นกยักษ์หรือคนที่มีปีกบินได้

เมื่อตายแล้วเครื่องเซ่นไหว้จึงมีของคาวมีเลือดสดๆ

ต้องมีสัตว์ “บูชายัญ” ซึ่งเป็นของผิดบาปรวมอยู่ด้วย

 

ความกลัวทำให้พวกคุณยอมตนเป็นพวกมาร

ซึ่งอ้างตนว่าเป็นเทพเจ้าโดยใช้อิทธิฤทธิ์นำแสดง

พวกคุณจึงยอมทำตามทุกอย่างแบบว่านอนสอนง่าย

จำต้องยอมตัวยอมใจเพราะว่ากลัวจะถูกทำร้าย

เพราะพวกมารมีฤทธิ์อยู่จริงตามที่พวกคุณรู้เห็น

 

ถ้าพวกคุณรู้ว่า

จิตวิญญาณของผีโสโครกที่หลอกว่าเป็นเทพเจ้า

เพื่อให้คุณด้อยค่าลดตัวลงไปไหว้หมาไหว้ลิงไหว้เสือ

ไหว้งูใหญ่งูยักษ์แม้กระทั่งอสูรซึ่งสมมติว่าเป็นเทพเจ้า

จนพวกคุณหลายคนคล้อยตามยอมตนเป็นสาวกนั้น

จุดอ่อนของพวกนี้ก็คือเป็นผีที่กลัวถูกสาปให้เป็นสาง

เพราะพวกนี้กลัวการไม่มีโอกาสได้ไปผุดไปเกิด

ซึ่งพวกเขารอคอยโอกาสกันอยู่นานนับพันปีมาแล้ว

เนื่องจากมีหนทางเดียวที่ทำได้ก็คือ #การรอโอกาส

ด้วยการเวียนว่ายวกวนอยู่ในสนามพลังงานจักรวาล

 

(ยังมีตอนต่อไป)

 

เอเมน สาธุ

ถ่ายทอดคลื่นความคิดจากองค์จิตจักรวาล

โดย #ปัญญาวิสุทธิ์


13/12/2566