31 พฤษภาคม 2565

สนทนาประสาจิตจักรวาล 31/05/2022

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
 
การที่ท่านทั้งหลายมีสำนึกในการ #ปฏิบัติธรรม
ขณะดำเนินชีวิตเป็นมนุษย์อยู่บนโลกเสรีนี้นั้น
เป็นสิ่งที่น่ายินดีเป็นพฤติกรรมที่น่าสรรเสริญยิ่ง
ถ้าความหมายโดยรวมในการปฏิบัติธรรมของท่าน
คือ การคิดดี การพูดดี การทำดี การละเว้นทำชั่ว
หรือการปฏิบัติธรรมที่จริงจังตั้งใจไปมากกว่านี้
คือถือศีลกินเจสวดมนต์ให้ทานนั่งกรรมฐานภาวนา
รวมทั้งการเข้าโบสถ์เข้าวัดในวันสำคัญทางศาสนา
 
ทั้งหมดที่เรากล่าวมา
ล้วนเป็นความสวยงามในบริบทของมนุษย์โลกเสรี
ที่จะส่งผลให้มนุษย์อย่างท่านมีจิตใสใจสวยยิ่งขึ้น
ยังผลให้โลกเสรีนี้มีความสันติสุขมีความสงบได้
 
แต่น่าเสียดายยิ่งที่ท่านทั้งหลายมิได้ #ฉุกคิด กันว่า
ทุกศาสนาเป็นสากลมิได้เป็นของใครหรือของพวกใคร
จิตวิญญาณบริสุทธิ์ของทุกศาสดาก็มาจากที่เดียวกัน
เมื่อมาจุติยังโลกเสรีนี้ท่านก็ผลัดกันเข้ามาทำหน้าที่
ช่วยเหลือมนุษย์โลกในต่างยุคต่างสมัยกันตลอดมา
ถ้ายุคใดมนุษย์โลกขาดพร่องสัจธรรมในเรื่องใด
พระศาสดาก็จะทรงเข้ามาช่วยเติมเต็มในเรื่องนั้นให้
 
ท่านจึงเห็นได้ชัดว่าคำสอนของศาสดาแต่ละพระองค์
ในแต่ละยุคจะมีข้อธรรมะที่แตกต่างกันออกไปเสมอ
พระองค์ทั้งหลายจะมิสอนสัจธรรม “ทับซ้อน” กันเลย
เนื่องจากความต้องการสัจธรรมของมนุษย์ในแต่ละยุค
มันมีความผิดแผกแตกต่างกันนั่นเอง
 
ความเสียหายของคนใฝ่ธรรมที่เราเห็นว่าน่าเสียดาย
ก็ตรงที่พวกท่าน #หลงยึดติด ศาสนาเพียงหนึ่งเดียว
ชอบใจพอใจยอมรับศาสนาไหนก็จะยึดแต่ศาสนานั้น
ไม่ต่างจากการรับประทานอาหารในชีวิตประจำวัน
ถ้าตนชอบอาหารชนิดไหนก็จะเลือกรับทานแต่ชนิดนั้น
ยังผลให้เป็นโรคขาดสารอาหารจนร่างกายไม่แข็งแรง
เนื่องจากทานอาหารไม่ครบหมู่ตามที่ร่างกายต้องการ
 
สัจธรรมที่แต่ละพระศาสดาทรงสอนมนุษย์ในแต่ละยุค
ก็ไม่ต่างจากสารอาหารที่จิตวิญญาณมนุษย์ต้องการ
โดยมนุษย์จะ “เลือกทาน” หรือรับเอาจำเพาะศาสนา
เลือกรับถือเอาเฉพาะพระศาสดาพระองค์เดียวไม่ได้
ในแต่ละยุคของพระศาสดาทรงไม่สามารถกล่าวสอน
สัจธรรมความจริงที่มนุษย์โลกต้องรู้ต้องปฏิบัติได้หมด
แต่ละพระองค์จึงทรงเลี่ยงที่จะกล่าวซ้ำให้เสียเวลา
ได้แต่พยายามที่จะให้ความรู้ใหม่สานต่อกันมาเรื่อยๆ
 
เพราะการยึดติดศาสนายึดติดศาสดาและยึดติดคัมภีร์
ประโยคฮิตที่ว่า “ศาสดาของกูไม่ได้สอน กูไม่เชื่อ”
ประโยคฮิตที่ว่า “ศาสดาของกูเหนือกว่าศาสดามึง”
การแบ่งแยกศาสนาจึงเป็นสาเหตุหนึ่งในการแตกแยก
จนศาสนาทุกศาสนาอันศักดิ์สิทธิ์จึงเป็นได้แค่ #ลัทธิ
พระศาสดาแต่ละศาสนาจึงถูกลดองค์เสมอ #เจ้าลัทธิ
ทั้งๆที่พระศาสดาทรงมาจุติต่างยุคต่างสมัยกันแท้ๆ
พวกคลั่งศาสนาปัญญาเบายังเอาพระองค์มาแข่งกันได้
 
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
 
พระศาสดาแต่ละพระองค์เปรียบได้ดั่ง “ครู” แต่ละคน
สัจธรรมคำสอนในคัมภีร์ก็เปรียบดั่ง “ตำรา” แต่ละเล่ม
มันคงไม่ทำให้มนุษย์อย่างพวกท่าน “โง่” มากขึ้นแน่ๆ
ถ้าพวกท่านยอมให้ครูเก่งๆหลายคนอบรมสั่งสอนให้
ถ้าพวกท่านยอมศึกษาหาอ่านตำราดีๆหลายๆเล่ม
โดยเฉพาะพระศาสดาหรือครูทุกพระองค์ล้วนมีเมตตา
จึงเข้ามาจุติในระบบโลกเพื่อช่วยเหลือพวกท่าน
โดยไม่เลือกว่าพวกท่านนั้นจะเป็นชาติใดเผ่าใด
สัจธรรมคำสอนก็ล้วนเป็นอมตะไม่มีวันล้าสมัยเลย
ถ้าเป็นพระศาสดาที่เกิดจากโลกก็จะมีโลกิยธรรม
รวมทั้งโลกุตรธรรมเป็นสาระธรรมสำคัญด้วยกันทั้งสิ้น
ท่านทั้งหลายจะปฏิเสธสัจธรรมคำสอนใดๆไม่ได้เลย
เพราะสัจธรรมทั้งสองระดับจะเป็นคู่มือของมนุษย์
ที่จะนำไปสู่การเป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างมนุษย์กับโลก
 
นอกจากนั้นแล้ว
สัจธรรมขั้นสูงสุด คือ #อนุตรธรรม
ที่พระบิดาทรงเมตตามีพระบัญชาให้เรากลับเข้ามา
กล่าวเป็นพระโอวาทและวจนะในพระนามพระองค์
ในช่วงปลายยุคพลังงานเก่า (Old Age) นี้นั้น
ก็ยิ่งเป็นความจริงที่มนุษย์ทุกคนต้องรู้และต้องฟัง
เพราะมีเราเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่จะกล่าวต่อท่านได้
ที่สำคัญคือพวกท่านจะไม่รู้อนุตรธรรมที่ว่านี้ไม่ได้
 
เหตุที่มนุษย์ไม่รู้อนุตรธรรมที่เรานำมากล่าวไม่ได้
เพราะจะไม่รู้วิธีปฏิบัติตนเพื่อนำพาแก่นแท้กลับบ้าน
ในสภาวะแห่งการ #หลุดพ้น ของจิตวิญญาณ
เมื่อโลกและจิตวิญญาณถึงกาลสิ้นยุคพลังงานเก่า
คือครบหกหมื่นปีโลกตามสัจจะในพันธสัญญา 6
ที่ให้ไว้ต่อพระบิดาก่อนมาเกิดเป็นมนุษย์ในชาติแรก
 
ถ้าท่านทั้งหลายยังยึดติดพระศาสดายึดติดพระคัมภีร์
จนทำให้ศาสนาเกิดการแตกแยกและสังคมแตกแยก
โดยไม่ยอมเข้าใจในสิ่งที่เรากล่าวมาตั้งแต่ต้น
อีกทั้งหากยังปฏิเสธเราผู้เป็น #ตัวแทน ของพระองค์
ซึ่งถือเอาความรักกับอนุตรธรรมสำคัญเข้ามาฝากแล้ว
ท่านผู้นั้นจะต้องเป็น “สิ่งตกค้าง” อยู่ในระบบโลก
 
ไม่ต่างจากพวกที่กำลัง “หลุดลอย” อยู่ข้างบน
ซึ่งเป็นดั่งต้นไม้ที่พระบิดาไม่ได้ทรงปลูกเอาไว้
ไม่ต่างจากพวกที่กำลัง “หลุดลง” อยู่ข้างล่าง
ซึ่งเป็นดั่ง #วัชพืช ที่หาประโยชน์อันใดแก่โลกมิได้
 
เมื่อถึงวันพิพากษาโลกในอีกไม่นานนี้แล้ว
สิ่งตกค้างทั้งสามพวกสามกลุ่มที่เรากล่าวมา
จะมีค่าเพียงขยะที่จักถูกชำระทิ้งออกไปจากโลก
การแตกสลายของจิตวิญญาณพร้อมกายสังขาร
คือจุดจบที่น่าสลดที่สุดตั้งแต่พระองค์ทรงสร้างโลก
เพราะจิตวิญญาณมนุษย์เหล่านี้จะเป็นสิ่งแรกสุด
ที่พระองค์ทรงสร้างขึ้นแล้วถูกทำลายทิ้งนั่นเอง
เพราะเป็นสิ่งด้อยค่ากว่า “ไส้ติ่ง” ในช่องท้องมนุษย์
 
การก้าวล่วงพระเจ้าผู้ให้กำเนิดตนเอง
การยึดติดศาสดาองค์เดียวยึดคัมภีร์เล่มเดียว
การก้าวล่วงศาสดาอื่นศาสนาอื่น
การนำเอาศาสนามาด้อยค่าเป็นลัทธิ
ใครไม่ยอมเข้ารีตถือเป็นคนนอกศาสนา
การปฏิบัติธรรมโดยไม่ใช้สติปัญญา
การไม่รู้คุณค่าที่ได้รับโอกาสมาเกิดเป็นมนุษย์
 
ท้ายที่สุดคือการปฏิเสธ “เรา” ผู้มาจากพระองค์
ซึ่งเท่ากับว่าท่านนั้นเป็นผู้ปฏิเสธพระบิดา
เพราะเหตุว่าเราเป็นผู้มาจากพระองค์
 
ผู้จะเป็น #สิ่งตกค้าง คือผู้มีคุณสมบัติที่กล่าวมา
การทำตนเหลวไหลคือการพิพากษาตนเองแล้ว
เพราะท่านคงจำได้นะว่าดาวเคราะห์โลกดวงนี้
เป็นดาวแห่งทางเลือกเสรีสำหรับทุกคน
จงรีบตื่นแจ้งกันเถิดท่านก่อนสัญญาณเตือนจะยุติ
 
กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา
 
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
31/05/2022