#พระผู้เสด็จกลับมาในหมู่เมฆ
เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา
บนฝั่งฟ้าเหนือเมือง
Rio
Grande do Sul
ในประเทศ...บราซิล
มีการฉายภาพมายาให้ชาวโลกเห็น
เป็นภาพของนก
#ฟีนิกซ์ (Phoenix)
ซึ่งเป็นนกศักดิ์สิทธิ์ที่บันทึกเรื่องราวไว้
ในตำนานอียิปต์โบราณว่า
"นกฟีนิกซ์" เป็นเทพแห่งไฟ
เพราะขนของฟีนิกซ์นั้น
จะออกเป็นประกายเหลืองทอง
คล้ายดั่งเปลวไฟ
บ้างก็ว่าปกคลุมด้วยเปลวไฟทั้งตัว
ส่วนปากและส่วนขาเป็นสีทอง
ประกายขนสีแดงถึงเหลืองทอง
มีเสียงร้องที่ไพเราะดั่งเสียงดนตรี
รูปร่างสวยสง่างาม
บางครั้งจะมีอุปนิสัยหยิ่งผยอง
บางครั้งก็จะเปี่ยมด้วยความเป็นมิตร
นอกจากนั้น
นกฟีนิกซ์ยังสามารถชุบชีวิตผู้ตาย
และสามารถฟื้นพลังทั้งหมด
ให้กลับคืนสู่ปกติดุจเดิมได้
เนื่องจากเป็นนกศักดิ์สิทธิ์ตัวหนึ่ง
ภายใต้เทพแห่งไฟ
จึงสามารถใช้มนต์ไฟได้เช่นกัน
"ฟีนิกซ์" เป็นนกที่มีนิสัยอ่อนโยน
สามารถหายตัวและปรากฏตัวใหม่ตามใจนึก
เสียงร้องของนกฟีนิกซ์เหมือนมีเวทย์มนตร์
ที่สามารถช่วยกระตุ้นความกล้าหาญ
แห่งจิตใจและจิตวิญญาณของผู้บริสุทธิ์ได้
และยังทำให้เกิดความกลัวความยำเกรง
ในจิตใจของคนที่คิดชั่วร้ายได้ด้วย
ส่วนน้ำตาของนกฟีนิกซ์ยังมีพลังโอสถทิพย์
ในการรักษาบาดแผลและชุบชีวิตได้เช่นกัน
นก "ฟีนิกซ์"
ตั้งแต่โบราณมา
จัดว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นอมตะ
หมายถึงเป็นนกที่มีชีวิตยั่งยืนเป็นนิรันดร์
เพราะสามารถกลับฟื้นคืนชีพได้ด้วยตนเอง
เมื่อกายสังขารจบสิ้นอายุขัยใช้งาน
โดยมีอายุระหว่าง
500
-1,461 ปี
เครื่องยนต์แห่งกรรมจะลุกเป็นไฟขึ้นมาเอง
จากนั้นฟีนิกซ์ก็จะฟื้นคืนชีพจากกองขี้เถ้า
อุบัติขึ้นมาเป็นนกตัวใหม่อีกครั้ง
ด้วยเหตุที่เรากล่าวมานี้นี่เอง
ในช่วงต้นของ
#คริสต์ศาสนา
จึงได้มีการนำเอารูปนกฟีนิกซ์มาแกะสลัก
ทำเป็นลวดลายไว้บนหินที่ปิดหลุมฝังศพ
ซึ่งหมายถึงผู้ที่ล่วงลับไปแล้วนั้น
จะฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งนั่นเอง
ดังนั้น
เราจึงขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลาย
เกี่ยวกับเงามายาแห่งนกยักษ์ศักดิ์สิทธิ์
นามว่า "ฟีนิกซ์"
ที่ปรากฏขึ้นแก่ตาชาวโลก
ให้ได้เห็นเป็นประจักษ์ว่ามีความหมายใดบ้าง
ดังต่อไปนี้
1. นกยักษ์ศักดิ์สิทธิ์นามว่า ฟีนิกซ์ (Phoenix)
เป็นนกที่กล่าวถึงกันอยู่ในตำนานเทพชั้นสูง
และในคัมภีร์ทั้งของอียิปต์และกรีกโบราณ
ซึ่งเชื่อว่าเมื่อตายแล้วสามารถฟื้นคืนชีพได้
เพราะมีจิตวิญญาณเป็นอมตะ
2. ชาวคริสต์นับแต่โบราณที่ผ่านมา
มีความเชื่อว่าพระจิตแห่งองค์เยซูคริสต์เจ้า
หลังจากทรงสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนแล้ว
จะทรงเสด็จกลับมาจุติยังโลกมนุษย์อีก
เพื่อกลับมา
"แกะ" บุตรมนุษย์ของพระบิดา
ให้หลุดพ้นออกไปจากโลกและอนันตจักรวาล
ก่อนกาลสิ้นยุคพลังงานเก่าตามที่ได้สัญญาไว้
อันหมายถึง
การกลับมานำพาประดาลูกแกะกลับเข้าคอก
กลับมานำพาเจ้าสาวเข้าสู่ประตูเรือนหอ
ซึ่งเป็นประโยคเชิงอุปมา
เพื่อให้ท่านทั้งหลายใช้ปัญญาคิดตามเองว่า
จะเสด็จกลับมาชี้ทางหลุดพ้นกลับบ้านให้
หลังจากพวกท่านเดินตามคนนำทางตาบอด
จนหลงทางเวียนวนสับสนกันมานานมากแล้ว
จะเสด็จกลับมารับเจ้าสาว
ซึ่งหมายถึงมนุษย์โลกผู้ที่รอคอยพระองค์
ให้กลับมาฉุดช่วยตามสัญญา
เพื่อนำพาจิตวิญญาณของท่านกลับบ้าน
โดยผ่านประตูมิติคือด่านนภาลัยนี้ออกไป
จะปีนรั้วออกไปดื้อๆโดยไม่ผ่านประตูนี้ไม่ได้
คนที่ปรารถนาจะหลุดพ้นอย่างแท้จริง
ผู้รอคอยพระองค์เสด็จกลับมารับนั้น
จึงอุปมาได้ดั่งเจ้าสาวที่รอคอยเจ้าบ่าว
อย่างจดจ่อว่าจะยกขันหมากมาหรือไม่มา
เพื่อกลับมาจูงนางเข้าสู่ประตูห้องหอนั่นเอง
3. ณ บัดนี้
ฑูตสวรรค์ได้เมตตาเสกสร้างสำแดงมายา
ให้ปรากฏเป็นนกฟีนิกซ์อันศักดิ์สิทธิ์
ในหมู่เมฆบนฝั่งฟ้าประเทศ...บราซิลแล้ว
เพื่อประกาศให้เจ้าสาวผู้รอคอยเจ้าบ่าวได้รู้
และกู่เรียกประดาลูกแกะทั้งหลายในทุ่งหญ้า
ให้ได้รู้ได้ยินกันทั่วทั้งโลกาว่า
บัดนี้ผู้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะกลับมานำพา
ได้กลับมาทำหน้าที่ตามสัญญานั้นแล้ว
ใครมีตาก็จงเห็น
ใครมีหูก็จงรับฟังเอาไว้เถิด
4. สาเหตุที่ฑูตสวรรค์เลือกสำแดงมายา
เป็นนัยสำคัญแห่งการกลับมาของพระองค์ไว้
บนฝั่งฟ้าของกรุง
Rio
Grande do Sul Brazil
ประเทศ...บราซิล
เพราะบนแผ่นดินแห่งประเทศนี้
มีพระรูปผู้ที่สัญญาว่าจะเสด็จกลับมาฉุดช่วย
ประทับยืนเด่นเป็นสง่าอยู่ที่กรุงริโอเดอจาเนโร
ซึ่งผู้คนทั้งโลกล้วนทราบดีว่าถ้านึกถึงพระองค์
ทุกคนจะต้องนึกถึงเมืองนี้ประเทศนี้เสมอ
ถ้ากล่าวถึงเมืองนี้ประเทศนี้เมื่อใด
ทุกคนก็จะต้องน้อมระลึกถึงพระรูปปั้นมายา
อันทรงพระศิริโดดเด่นของพระองค์เช่นกัน
5. ที่ฑูตสวรรค์เสกสร้างมายานกฟีนิกซ์นี้ไว้
ทางฝั่งฟ้ายามเย็นย่ำทางด้านทิศตะวันตก
ของประเทศบราซิลก็เพื่อจะสื่อให้รู้ว่า
นกฟีนิกซ์ผู้ฟื้นคืนชีพกลับมาอีกครั้งนี้
เป็นนกศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้า
ที่จะบินนำลำแสงแห่งพระสุริยะ
จากซีกโลกด้านทิศตะวันออก
มุ่งตรงไปยังซีกโลกด้านทิศตะวันตก
นกฟีนิกซ์จึงเป็นเทพแห่งดวงอาทิตย์
อันหมายถึงเป็นพระบุตรเอกแห่งพระบิดา
โดยแท้
กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา
เอเมน
สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
