05 พฤศจิกายน 2562

กฎแห่งการเว้นกรรมไม่ทำชั่ว 5/11/2019

 #กฎแห่งการเว้นกรรมไม่ทำชั่ว

 

มรรควิถีแห่งจิตจักรวาล

สำหรับการเป็น "ยุวจิตจักรวาลทายาท"

ปลายทางสุดท้ายในชาตินี้ คือ #หลุดพ้น

 

โดยตายแต่กายสังขาร

จิตวิญญาณแก่นแท้ไม่ต้องตาย

เมื่อไม่ต้องตายจิตวิญญาณก็ไม่ต้องเกิดใหม่

จึงหลุดพ้นออกไปจาก #อนันตจักรวาล

กลับบ้านแดนสุญตาที่จากมาได้ทันที

เพื่อจิตวิญญาณที่มีชีวิตเป็นนิรันดร์ดังเดิม

 

ดังนั้น

ในการเป็นมนุษย์จะหลุดพ้นได้

ต้องใช้จิตวิญญาณดำเนินชีวิตแทนจิตหยาบ

จักต้องหมุนธรรมจักรในตนเอง

ร่วมกับเพื่อนมนุษย์คนอื่นๆได้เสมอ

ที่สำคัญที่สุดก็คือต้องหยุดหมุนกรรมจักร

ในทุกขณะจิตในยามตื่นให้จงได้

 

มีคำถามว่าจะหยุดหมุนกรรมจักร

ด้วยการก่อกรรมแล้วไม่เกิดผลกรรมด้านลบ

ด้วยการไม่ก่อกรรมร้ายต่อตนเองและผู้อื่นนั้น

ท่านจักต้องครองตนอย่างไร

จึงจะละเว้นการก่อกรรมชั่วมิให้ตัวเปื้อนบาปได้

 

เรามีคำแนะนำดังนี้

 

1. ต้องฝึกครอง #มหาสติ ให้ได้ก่อน คือ

 

ต้อง #รู้สติ หมายถึง

รู้เท่าทันอารมณ์รู้สึกนึกคิดตนเอง

เพื่อกำหนดจิตให้นึกคิดทำตามที่ท่านต้องการ

โดยไม่ปล่อยตนเองให้จิตมันบงการ

 

ต้อง #มีสติ หมายถึง

จิตต้องฉลาดรับรู้ทุกสิ่งที่ผ่านอายตนะเข้ามา

ด้วยการฉลาดรับรู้เฉพาะเรื่องที่ตนต้องรู้

และฉลาดรับเอาเฉพาะประเด็นที่เป็นสาระ

โดยคัดแยกสิ่งไร้สาระทิ้งไปไม่ต้องใส่ใจใยดี

แล้วนำสิ่งที่เป็นสาระมาเรียนรู้ว่าอะไรเป็นอะไร

 

เมื่อมีสติได้แล้ว

จิตของท่านจะไม่ตกเป็นทาสอารมณ์ขยะ

เมื่ออยู่เหนืออารมณ์ขยะได้แล้ว

ท่านก็จะควบคุมจิตตนเองได้อย่างง่ายดาย

จิตของท่านก็จะอยู่ในโอวาทของท่าน

การนึกลบ คิดลบ กระทำลบจะไม่เกิดขึ้น

 

ต้อง #ใช้สติ

ท่านต้องถามตนเองอีกครั้งว่า

สิ่งที่คิดไว้ว่าจะพูดจะทำจะแสดงออกนั้น

เป็นไปตาม "ปริญญาโมเดล"

ว่าด้วยกฎแห่ง 6 ถูก หรือไม่

ถ้าไม่ครบ 6 ถูกห้ามทำเด็ดขาด

เพราะมันจะพาหมุนกรรมจักรทันที

 

#ParinyaModel ว่าด้วย 6 ถูก คือ

1. ต้องถูกคน

2. ต้องถูกที่

3. ต้องถูกวิธี

4. ต้องถูกเวลา

5. ต้องถูกต้อง

6. ต้องถูกใจ

 

2. เมื่อครองมหาสติได้แล้ว

ท่านจะต้องเรียนรู้ที่จะจำ #องค์จิตจักรวาล

ผู้ให้กำเนิดจิตวิญญาณของท่านให้ได้

โดยทำสามเหลี่ยมกับพระองค์

ผ่านมาทางเราไว้เสมอเมื่อระลึกได้

ซึ่งต้องหมั่นระลึกถึงพระองค์เสมอ

เพื่อให้จิตเคยชินเป็นนิสัย

 

3. เมื่อท่านฝึกจิตของท่าน

จนเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ได้แล้ว

ท่านจะต้องเรียนรู้ต่อไปอีกด้วยว่า

 

ทุกลมหายใจเข้าของท่าน

ท่านรับเอาก๊าซออกซิเจน

จากลมหายใจของพระองค์เข้าสู่ปอด

เพื่อผลิตสร้างพลังงานชีวิตให้กายสังขาร

 

ทุกลมหายใจออกของท่าน

ท่านขับคาร์บอนไดออกไซด์ที่ไม่ต้องการ

ออกมาจากข้างใน

เพื่อน้อมถวายคืนแก่พระบิดา

เพื่อให้ทรงเมตตาชำระทิ้ง

 

นอกจากนั้น

ในกายสังขารของท่าน

สสารและพลังงานทั้งหมด

ที่หมุนวนอยู่ในทุกเซลล์ร่างกายและอวัยวะ

ล้วนถูกยึดโยงเชื่อมต่อท่อสาย

เอาไว้กับพระบิดาหรือพระผู้เป็นเจ้า

เพื่อส่ง "พลังปราณ" เข้ามาขับดัน

ให้เกิดการเคลื่อนไหวไหลเวียน

สิ่งทั้งหมดที่เรียกว่า "พลังชีวิต"

ไปทั่วร่างกายอีกด้วย

 

ถ้าไม่มีพลังปราณ

พลังงานชีวิตก็ไร้ประโยชน์

ต่อเครื่องยนต์แห่งกรรมของท่านแล้ว

 

4. ความรู้ที่เป็นอนุตรธรรมความจริงสูงสุด

ที่เรากล่าวมาทั้งหมดนี้

มันจะช่วยให้ท่านเกิดสติทางวิญญาณว่า

พระบิดาทรงประทับอยู่

ทั้งข้างนอกและข้างในตัวท่าน

พระองค์ทรงยึดโยงตัวท่านไว้ทั้งสองมิติ

 

ดังนั้น

ท่านจึงรู้ได้เองว่า

 

เมื่อใดก็ตามที่ท่านทำความดีงาม

พระองค์ก็จะทรงรับทราบด้วยพระองค์เองได้

เวลาทำดีจึงไม่ต้องอวดใครหรือบอกใคร

เมื่อลูกอย่างท่านต้องการสิ่งใด

พระองค์ทรงพร้อมจะประทานบำเหน็จ

ให้แก่ท่านทั้งหลายกันอยู่แล้ว

 

เมื่อใดก็ตามที่ท่านทำชั่ว

ซึ่งท่านอาจปิดบังไว้มิให้ใครรู้ก็ได้

แต่พระองค์ก็จะทรงรับทราบด้วยพระองค์เองได้

ในการก่อกรรมทำชั่วของท่านนั้น

เหมือนอย่างที่ตัวท่านก็รู้เองได้ว่าตนทำชั่วอยู่

โดยพระองค์พร้อมจะลงหวายท่านเช่นกัน

 

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

 

ที่เรากล่าวมาเป็นวิธีการปฏิบัติตน

ให้พ้นจากการก่อกรรมทำชั่ว

ที่จิตวิญญาณจะหม่นมัวจนกลับบ้านไม่ได้

จงเร่งนำไปปฏิบัติโดยพลันทันที

ไม่มีเวลาให้ล่องเล่นไปวันๆกันอีกแล้ว

 

เอเมน สาธุ

ป.วิสุทธิปัญญา

5-11-2019