01 พฤศจิกายน 2562

สนทนาประสาจิตจักรวาล 1/11/2019

 #สนทนาประสาจิตจักรวาล

 

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราจะกล่าวความจริงให้ท่านรู้ว่า

 

การที่นักพรตหรือนักบวช

ไม่สามารถใช้เมตตาธรรมค้ำจุนโลก

ตามที่พระศาสดาทรงกล่าวสอนไว้ได้

ไม่สามารถเข้าถึงนิพพานแท้

คือหลุดพ้นออกไปจากอนันตจักรวาลได้

เป็นเพราะเหตุว่า

 

1. ไม่ว่างที่จะทำเพื่อโลก

เพราะวันๆใช้เวลาไปกับการพิจารณาทุกข์

เพื่อยังประโยชน์สุขต่อตนเองเท่านั้น

 

เนื่องจากพวกเขาเห็นทุกข์เป็นเรื่องใหญ่

โดยไปจับความเอาตอนที่เจ้าชายสิทธัตถะ

ทรงเสด็จออกจากวังด้วยเหตุแห่งทุกข์

จนกระทั่งพระองค์ทรงค้นพบ "อริยสัจ 3"

หลักการแก้ปัญหาอันเป็นที่มาแห่งทุกข์

กับ "มรรค 8" ซึ่งเป็นหลักการดำเนินชีวิต

ด้วยการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบต่อผู้อื่น

 

พวกเขาไปเสียเวลากับการพิจารณาทุกข์

ทั้งๆที่ความทุกข์หรือตัวทุกข์นั้นเป็นมายา

อันเกิดจากอาการไม่สงบของจิตเท่านั้น

ตัวอย่างเช่น

 

ความวิตกกังวลก็เป็นทุกข์

ความเกลียดกลัวก็เป็นทุกข์

ความเบื่อหน่ายรำคาญก็เป็นทุกข์

ความเศร้าโศกเสียใจก็เป็นทุกข์

ความเสียดายก็เป็นทุกข์

ความระแวงก็เป็นทุกข์

ความห่วงใยก็เป็นทุกข์

ความโกรธเคืองก็เป็นทุกข์

ฯลฯ

 

2. ท่านทั้งหลายจะเห็นว่า

ความไม่สงบในจิตจากอาการต่างๆ

ที่ท่านเองไม่พึงประสงค์ตามตัวอย่างนั้น

มันล้วนเป็นทุกข์ที่เกิดขึ้นข้างในทั้งสิ้น

ถ้าท่านสามารถควบคุมจิตให้สงบระงับได้

ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดๆก็ตาม

สิ่งที่เรียกว่าความทุกข์ทั้งหมดนั้น

มันก็จะไม่มีวันเกิดขึ้นได้

 

หมายความว่า

ถ้าท่านสามารถควบคุมจิตตนเองได้

โดยไม่ยอมตกเป็นทาสของสิ่งเร้า

สภาวะจิตของท่านย่อมนิ่งสงบ

เมื่อจิตนิ่งสงบได้จิตก็ไม่เสียสมดุล

เมื่อจิตไม่เสียสมดุลความทุกข์ก็ไม่เกิด

 

หลักการง่ายๆที่จะเอาชนะใจตนเอง

ไม่ให้ตกเป็นทาสของสิ่งเร้า

จนเกิดอาการจิตตกให้เสียความรู้สึก

หรือจิตตกจนเกิดอาการเสียอารมณ์

นั่นคือท่านต้องควบคุมจิตเอาไว้ให้ได้

วิธีควบคุมจิตมิให้ลื่นไหลไปตามสิ่งยั่วยุ

ก็คือท่านต้อง #ครองมหาสติ ไว้ให้มั่น

 

3. ถ้าท่านปฏิบัติตามที่เรากล่าวไว้ข้างต้นนั้น

ท่านนักบวชก็ไม่จำเป็นต้องมานั่งพิจารณา

อาการของจิตแต่ละอย่างที่เกิดขึ้น

แล้วคอยสกดระงับมันไว้ให้มันสงบเลย

ซึ่งมันก็มิใช่เรื่องง่ายนักและผิดธรรมชาติด้วย

ทำให้เสียเวลาทำในสิ่งต้องทำอีกต่างหาก

 

น่าเสียดายที่ท่านนักบวชเลือกปลีกวิเวก

นิยมปิดอายตนะภายนอกเอาไว้ทั้งหมด

ไม่ยอมให้สิ่งเร้าภายนอกผ่านเข้าไปข้างใน

เพราะกลัวว่าจิตจะสั่นไหวไปตามสิ่งเร้า

จนทำให้ควบคุมมันได้ยากนั่นเอง

วิธีการบริหารจิตของท่านนักบวช

จึงใช้วิธีปฏิบัติการทางเท็คนิก

มิใช่ปฏิบัติตามวิธีที่เป็นธรรมชาติ

ซึ่งเป็นความพลาดอีกอย่างหนึ่งที่พึงขบคิด

เมื่อท่านใช้วิธีการผิดพลาดในเรื่องนี้

นอกจากมันจะไม่ได้ผลแล้ว

ยังนำไปสู่ความผิดพลาดในเรื่องอื่นอีกด้วย

 

4. ความผิดพลาดในเรื่องอื่นที่เรากล่าวนี้

ก็คือการบกพร่องต่อหน้าที่ทางจิตวิญญาณ

ในการหมุนธรรมจักรเพื่อช่วยให้โลกหมุน

ตามที่พระศาสดาของท่านกล่าวเอาไว้ว่า

"เมตตาธรรมค้ำจุนโลก" นั่นเอง

 

ท่านนักบวชทั้งหลายจึงไม่รู้ว่า

เมตตาธรรมค้ำจุนโลกได้อย่างไร

จะค้ำจุนโลกเพื่ออะไร

 

จะหมุนธรรมจักร

โดยนั่งหลับตาปิดอายตนะได้หรือไม่

 

เพราะวันๆมัวแต่มุ่งกระทำเพื่อตนเอง

ด้วยการวุ่นวายแต่เรื่องการดับทุกข์

แล้วพยายามสร้างทางเบี่ยงไปสวรรค์มายา

เพื่อไม่ต้องกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีก

เพราะเชื่อผิดว่าเส้นทางนั้นคือ "นิพพาน"

 

คนนำทางตาบอดล้วนเป็นเช่นนี้

คนก้าวตามคนนำทางตาบอดล้วนเชื่อเช่นนี้

ตลอดหกหมื่นปีที่ผ่านมา

เส้นทางสายน้ำนมสู่ด่านนภาลัย

จึงวังเวงและเงียบเหงายิ่งนัก

 

เอเมน สาธุ

ป.วิสุทธิปัญญา

1-11-2019