12 พฤศจิกายน 2562

สนทนาประสาจิตจักรวาล 12/11/2019

 #สนทนาประสาจิตจักรวาล

 

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

 

ถ้าท่านเป็นผู้ปรารถนาการหลุดพ้น

ด้วยการนำพาจิตวิญญาณของท่าน

หนีแรงดึงดูดเหนี่ยวรั้งของอนันตจักรวาล

ผ่านประตูมิติตรง #ด่านนภาลัย ออกไป

ซึ่งพื้นที่ภายนอกด่านนภาลัยอันไพศาล

คือบ้านเกิดของจิตวิญญาณที่ท่านจากมานั้น

ท่านทั้งหลายจักต้องรู้เอาไว้ว่า

 

ถ้าจิตวิญญาณของท่านตั้งแต่ภพชาติแรก

ที่ได้รับโอกาสให้เข้ามาเกิดเป็นคน

เพื่อจะต้องคนตนเองให้เป็นมนุษย์นั้น

เดิมเมื่อแรกเข้ามามีคุณสมบัติอย่างไร

เมื่อตอนที่จะกลับออกไป

ก็ต้องมีคุณสมบัติเหมือนเดิม 100%

 

โดยสิ่งสำคัญที่ท่านต้องรู้เป็นสิ่งแรกคือ

มาทางไหนก็ต้องกลับออกไปทางนั้น

จะพยายามปีนรั้วออกไปข้างนอก

โดยไม่ยอมก้าวผ่านประตูออกไปแบบเท่ห์ๆ

ท่านจะไม่มีวันหลุดพ้นผ่านออกไปได้

 

ดังนั้น

ท่านทั้งหลายจึงต้องเรียนรู้ให้ได้ว่า

"ประตูทางออก" ที่เรียกว่า #ด่านนภาลัย นั้น

อยู่ตรงพิกัดใดและอยู่ตรงไหนกันแน่

ซึ่งผู้ที่จะเปิดเผยความจริงให้ท่านรู้ทิศทาง

ก็คือองค์จิตจักรวาลพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ

ที่จะทรงสื่อผ่านเรามากล่าวให้ท่านรู้เท่านั้น

 

สิ่งสำคัญประการที่สองก็คือ

ท่านมีเสบียงมาเท่าใดก็ต้องกลับออกไปเท่านั้น

คำว่า "เสบียง" ในที่นี้เราหมายถึง

 

1. ความรักที่รับมาจากพระบิดาฯ

 

เป็นความรักเพื่อให้ซึ่งเป็นรักบริสุทธิ์

เป็นความรักที่จิตหยาบของท่านทั้งหลาย

จะต้องสั่นสะเทือนด้านบวกสูงสุด

เพื่อกระตุ้นให้จิตวิญญาณแก่นแท้ของท่าน

ส่งผ่านความรักที่แบกติดตัวมาเกิดเป็นมนุษย์

ออกมาภายนอกเครื่องยนต์แห่งกรรม

เพื่อมอบให้เพื่อนมนุษย์ โลกและทุกสรรพสิ่ง

ใช้ดึงดูดเหนี่ยวรั้งซึ่งกันและกันไว้

ให้เป็นเอกภพหรือเป็นหนึ่งเดียวกันนั่นเอง

 

ความรักเป็นพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าระบบหนึ่ง

ที่จิตวิญญาณของท่านผลิตสร้างเองได้

แต่ต้องอาศัยจิตหยาบเป็นเครื่องมือช่วยเหลือ

ในการเป็นผู้เริ่มต้นกระบวนการผลิตสร้าง

โดยท่านทั้งหลายจักต้องรู้ว่า

 

ถ้าในชีวิตประจำวันแห่งการเป็นคน

ท่านไม่สามารถยกระดับจิตหยาบ

ให้สั่นสะเทือนด้านบวกสูงสุดได้

จิตวิญญาณของท่านก็จะขาดพลังอำนาจ

ในการยกระดับแรงสั่นสะเทือนของตนเอง

เพราะถูกกำหนดไว้ให้จิตหยาบ "ต้อง" ช่วย

จะสั่นสะเทือนตนเองเพื่อยกระดับเองไม่ได้

 

ดังนั้น

ถ้าทั้งชีวิตของท่านในทุกๆวันที่ผ่านไป

ไม่สามารถที่จะรักใครได้

ให้อภัยใครก็ไม่เป็น

มันจะยังผลให้จิตวิญญาณของท่าน

ไม่ต่างจากติดคุกหรือถูกจองจำอยู่ข้างใน

หรือไม่ต่างจากการเป็นผู้หลับไหลนิทรา

จนตราบสิ้นอายุขัยอย่างน่าเศร้าใจ

 

ไม่ต่างจากเครื่องยนต์ที่มีพละพลังมหาศาล

ถ้ามันถูกเจ้าของตั้งวางเอาไว้เฉยๆ

โดยไม่มีใครไปสตาร์ทเครื่องเพื่อใช้งาน

เครื่องยนต์เครื่องนั้นก็ไร้ค่าไร้ประโยชน์

จิตวิญญาณแก่นแท้ของท่านก็เช่นกัน

 

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

 

จิตวิญญาณของท่านแม้มีความรักมากมาย

แต่ถ้าจิตหยาบของท่าน

มิอาจเข้าถึงการสั่นสะเทือนทางจิตวิญญาณได้

พลังงานความรักย่อมไม่บังเกิด

แต่ถ้าท่านหมั่นสั่นสะเทือนเป็นความรักบ่อยๆ

จิตวิญญาณของท่านก็จะค่อยๆสั่นสะเทือนตาม

 

เมื่อสั่นสะเทือนด้านบวกเป็นความถี่ระดับใดแล้ว

จิตวิญญาณก็จะเป็นเจ้าของคุณสมบัตินั้น

ถ้าวันต่อๆมาครั้งต่อๆมาจิตหยาบของท่าน

สั่นสะเทือนด้านบวกได้สูงกว่าเดิมมากขึ้นอีก

จิตวิญญาณของท่านก็จะมีคุณสมบัติใหม่

คือมีพลังอำนาจด้านบวกเพิ่มขึ้นไปตามนั้น

 

เราจึงขอย้ำให้ท่านทั้งหลายรู้ความจริงนี้ไว้ว่า

ถ้าปรารถนาจะได้หลุดพ้นกลับบ้านจริงๆ

ทุกวันทุกเวลาอย่าละเว้นการรักเด็ดขาด

 

นอกจากนั้น

เรายังจะกล่าวต่อท่านทั้งหลายอีกว่า

เลิกเว้นกันได้แล้วกับจิตที่ติดกิเลสตัณหา

เพราะหลงยึดติดในอัตตาและมายาโลก

เนื่องจากคลื่นจิตระดับกิเลสตัณหาอารมณ์ขยะ

มันล้วนแต่เป็นคลื่นความถี่ต่ำค่อนไปทางลบ

ถ้าท่านสั่นมันบ่อยๆใช้มันบ่อยๆ

มันจะมีผลต่อการกระตุ้นจิตวิญญาณของท่าน

ให้สั่นสะเทือนเป็นด้านลบตามไปด้วย

 

หากท่านมีจิตติดกิเลสตัณหาราคะทั้งชีวิต

จิตวิญญาณของท่านจะถูกส่งไปบำบัดในนรก

เพราะเกิดอาการป่วยด้วยโรค "หลงมิติ"

จะปล่อยไว้ไม่บำบัดก็จะไม่สามารถหลุดพ้นได้

 

2. ความฉลาดของจิตวิญญาณ

 

ความฉลาดของแก่นแท้ของท่าน

จะได้รับการถ่ายทอดคุณสมบัติทางปัญญา

มาจากจิตหยาบหรือจิตมนุษย์ของท่านเช่นกัน

 

ถ้าวันๆชอบวานให้คนอื่นคิดแทน

เพราะเกียจคร้านในการคิด

ความสามารถทางจิตปัญญาก็จะอ่อนด้อย

จิตวิญญาณของท่านก็จะเหมือน "เป็นง่อย"

 

ถ้ามีสมองแต่ไม่รู้จักใช้

โดยใช้ชีวิตอยู่กับความชอบใจไม่ชอบใจ

จิตวิญญาณของท่านก็จะ "งมงาย" ตามไปด้วย

 

ถ้าต้องการให้จิตวิญญาณฉลาด

ก็ต้องยกระดับจิตสามนึกแล้วฝึกใช้ความคิด

ตามมรรควิถีจิตจักรวาล

ที่เราพาท่านไปเข้าค่ายที่ภูกระต่ายกันทุกเดือน

นี่ก็เพื่อสร้างความฉลาดทางจิตวิญญาณนั่นเอง

 

3. ความเป็นมหาสุญตา

คุณสมบัติข้อนี้ท่านสามารถสร้างขึ้น

เพื่อคืนคุณสมบัติเดิมให้แก่นแท้ของท่านได้

เพราะการมาเกิดเป็นคนสองมิตินั้น

เมื่อแรกๆในวัยเด็กจิตจะไร้เดียงสา

พอเติบใหญ่ขึ้นมาจิตต้องเรียนรู้อะไรมากมาย

ความเป็นสุญตาของจิตวิญญาณ

จึงเกิดการเสื่อมคลายลงไปตามอายุขัย

 

ดังนั้น

หน้าที่ของท่านโดยจิตหยาบ

จึงต้องรับผิดชอบจิตวิญญาณของท่านเอง

ด้วยการ "คืน" คุณสมบัติการเป็นสุญตาให้

 

วิธีหลักๆในการคืนก็คือ

ท่านจะต้องฝึกจิตให้เป็น #อุเบกขา ให้ได้

ในชีวิตประจำวันตราบชั่วชีวิตนี้เลย

ต้องจริงจังหน่อย อย่าดีแต่พูด อย่าดีแต่ขี้โม้

 

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

 

ความเป็นอุเบกขาของจิตหมายถึง

เมื่อท่านสัมผัสรู้ดูเห็นอะไรก็ตาม

ทั้งด้านดีด้านไม่ดีทั้งที่ชอบหรือไม่ชอบ

จิตหยาบของท่านจะต้องไม่สั่นไหวตาม

จนเกิดอารมณ์รู้สึกบวกๆลบๆเด็ดขาด

 

จิตจะต้องนิ่งสงบ

เพื่อเปิดประตูมิติการใช้สมองใช้ปัญญาเต็มที่

สำหรับการคิดรู้และเรียนรู้เท่านั้น

ซึ่งการครองมหาสติที่เราสื่อสอนไว้นั่นแหละ

มันจะช่วยคุ้มครองป้องกันจิตตกสติแตกได้

 

ถ้าท่านฝึกฝนตนเองในชีวิตจริงเท่านั้นนะ

ไม่ใช่นั่งหลับตาฝึกจิตตนอยู่คนเดียว

เหมือนอยากจะไปสวรรค์คนเดียวยังไงยังงั้น

มันไม่มีวันได้ผลหรอกนะ

จะกลับมาเกิดใหม่อีกกี่ภพชาติก็หลุดพ้นไม่ได้

ถ้าสภาวะจิตไม่เป็นสุญตาถาวร

 

คำว่า "สุญตาถาวร"

มันจะได้มาจากการฝึกจิตเป็นอุเบกขา

เวลาถูกคนรอบข้างยั่วยุเย้ายวน

ในทุกวันเวลาของท่านนั่นแหละ

ถูกยั่วยุเย้ายวนมากเท่าไหร่

สภาวะจิตของท่านมันจะสงบระงับได้มากเท่านั้น

 

4. พลังอำนาจของเมอร์คขะบาห์

 

เราใช้คำนี้หลายคนไม่คุ้นเคยแน่

แต่ถ้าเราใช้คำว่า "พลังจิตใต้สำนึก"

ซึ่งเป็นพลังอำนาจทางจิตวิญญาณทั้งระบบ

หลายคนจะต้องร้องอ๋อ...แน่นอน

 

พลังอำนาจจิตใต้สำนึกจะเสื่อมได้

ด้วยสาเหตุบางประการต่อไปนี้คือ

 

1. วันๆหมุนแต่กรรมจักร

เปรียบเสมือนเครื่องจักรกลหมุนถอยหลัง

หรือเครื่องยนต์เดินถอยหลัง

แทนที่จะเดินไปข้างหน้า

ระยะทางก็ไม่ได้เป้าหมายก็ไปไม่ถึง

 

ถ้าเครื่องปั่นไฟไดนาโมหมุนผิดทิศ

เครื่องปั่นไฟตัวนั้นระบบจ่ายไฟก็จะมีปัญหา

 

จิตใต้สำนึกก็เช่นกัน

ถ้าจิตหยาบสั่นสะเทือนเป็นลบ

จิตใต้สำนึกก็จะสั่นสะเทือนเป็นลบด้วย

แปลว่าถ้าท่านประพฤติดี

จิตใต้สำนึกของท่านก็จะประพฤติดีตาม

ถ้าท่านประพฤติผิดบาปหยาบชั่ว

จิตใต้สำนึกของท่านก็จะพลอยชั่วไปด้วย

 

ถ้าจิตหยาบก่อกรรมจักร

ด้วยการทำผิดบาปหยาบชั่ว

ต่อมไร้ท่อในเครื่องยนต์แห่งกรรมมนุษย์นั้น

ก็จะผลิตอนุภาคประจุลบออกมากับคลื่นลบ

พระบิดาทรงเรียกว่า #บุรพกรรมแม่เหล็ก

 

เจ้าอนุภาคประจุลบ

ที่นักวิทยาศาสตร์เรียกว่า "อิเล็คตรอนอิสระ"

ซึ่งจิตมนุษย์ผลิตสร้างมันขึ้นมานี้

เมื่อใดที่มีการตายของกายสังขารเกิดขึ้น

จิตวิญญาณแก่นแท้นั้นจะรับเอาไว้ทั้งหมด

ก่อนที่จะดีดตัวออกจากกายหยาบ

 

โดยจิตวิญญาณจะแบกรับอนุภาคลบทั้งหมด

เอาไว้ที่เปลือกนอกของดวงจิตวิญญาณ

ซึ่งเป็นส่วนที่เราเรียกว่า "เมอร์คขะบาห์" นี่ไง

 

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

 

ถ้าเมอร์คขะบาห์ของท่าน

มีอีเล็คตรอนอิสระมากักเก็บไว้เยอะมาก

มันจะทำให้ส่วนที่เป็นเมอร์คขะบาห์

มีพื้นที่ว่างเหลือน้อยลง

เมื่อที่ว่างเหลือน้อยลงก็จะยังผลให้

เมอร์คขะบาห์มีพื้นที่สั่นสะเทือนน้อยลง

เมื่อสั่นสะเทือนได้น้อยลงพลังอำนาจก็ตกต่ำ

 

ดังนั้น

ถ้าวันๆก่อกรรมทำบาปชั่วเป็นอาจิณ

จิตติดกิเลสตัณหาราคะอยู่เป็นนิจ

เมอร์คขะบาห์ของท่านก็จะเสื่อมอำนาจ

แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น...อยากรู้มั้ย

ถ้าอยากรู้....ก็จงแสดงความปรารถนามาเถิด

 

2. พลังจิตใต้สำนึก

จะเสื่อมลงได้ด้วยอีกสาเหตุหนึ่ง

ซึ่งใครต่อใครหลายคนยังไม่รู้และงมงายอยู่

โดยเฉพาะคนที่ "อยากรวยลัด" รวยไว

โดยเฉพาะคนที่ "อยากสำเร็จ" โดยไม่ออกแรง

 

จึงไปเชื่อตามฝ่ายมาร

ด้วยการหลอกจิตใต้สำนึกของตนเอง

เพื่อเอาพลังของเขาออกมาใช้โดยตรง

โดยไม่กระทำผ่านจิตสามนึกตามปกติ

ซึ่งผิดกระบวนการธรรมชาติที่พระบิดาติดตั้งไว้

 

ท่านจะต้องรู้ว่า

พลังจิตใต้สำนึกที่ถูกหลอกให้นำออกมาใช้นี้

แรกๆอาจดูได้ผลชัดเจนถนัดตาน่าเร้าใจ

เพราะจิตวิญญาณของท่านไม่รู้ว่า "ถูกโกง"

แต่พอใช้ไปนานวันเข้ามันก็จะเกิดความเสื่อม

 

ที่เคยได้ผลก็จะได้มั่งไม่ได้มั่ง

รายได้ดีๆโชคดีๆก็ค่อยๆหดหาย

เพื่อนรักเพื่อนร่วมงานก็จะหายไปจากทีม

ความสัมพันธ์กับคนในครอบครัวจะเริ่มง่อนแง่น

สิ่งดีๆเพื่อนดีๆข่าวดีๆที่เคยมีเข้ามาในชีวิต

มันก็จะค่อยๆจางหายไป

ซึ่งมันจะเปลี่ยนเป็นมีแต่สิ่งร้ายๆ เข้ามาแทน

โรคประจำตัวก็จะแสดงตัวมากล้ำกราย

เงินทองก็จะหดหาย ฯลฯ

 

สรุปความแล้ว

มันจะดูเหมือนได้ดีอยู่เฉพาะช่วงต้นๆเท่านั้น

ท่านทั้งหลายจะรู้รึไม่ว่า

ปัญหาร้ายๆที่เราร่ายมาพอสังเขป

มันล้วนเกิดจากตัวท่านเอง

ไปทำลายพลังทางจิตวิญญาณตนเอง

ด้วยวิธีฉ้อฉลตามพวกมารอย่างไร้สติ

 

เพราะ #พลังจิตใต้สำนึก

ซึ่งเป็นพลังทางจิตวิญญาณ

ที่พระบิดาให้มาช่วยเหลือท่าน

ในสิ่งที่เรากล่าวมาทั้งหมดเหล่านั้น

หากพิจารณากันดีๆแล้ว

ท่านคิดว่ามันคุ้มค่ากับการที่

ท่านอยากรวยลัดกันจริงหรือเปล่าหนอ

 

3. พลังจิตใต้สำนึก

จะเสื่อมลงได้ด้วยอีกสาเหตุสุดท้ายก็คือ

การใช้จิตฝักใฝ่กับอุตริอวิชชามนตราดำๆ

เพื่อกระทำผิดบาปในการก้าวล่วงผู้อื่น

 

อวิชชามารด้านมืดนี้

จะใช้วิธีเหวี่ยงพลังจิตด้านลบออกมา

เพื่อก้าวร้าวก้าว่ล่วงผู้อื่น

พลังจิตด้านลบที่เหวี่ยงออกมา

พระบิดาจะเก็บคืนทันที

 

เหวี่ยงออกมาเท่าไหร่

ก็จะเก็บคืนกลับไปเท่านั้น

ใช้มันบ่อยๆเข้าท้ายที่สุดพลังจิตก็จะเสื่อม

เพราะเหวี่ยงออกมาแล้วไม่กลับคืน

ซึ่งต่างจากการที่ท่านเหวี่ยงบวกออกมา

เป็นความรักเพื่อให้ทุกรูปแบบ

เหวี่ยงออกมาเท่าไหร่ก็จะได้รับกลับคืนเท่านั้น

ใช้ไปเท่าไหร่ไม่มีวันหมด

 

เราจึงชี้แนะท่านว่า

เป็นคนดีประพฤติดีโดยไม่ริอุตริเถิด

จงใช้จิตสามนึกดำเนินชีวิตไปตามธรรมชาติ

ด้วยการนึกบวกคิดบวกแล้วทำบวกตามที่คิด

ทำด้วยความเชื่อมั่น กล้าหาญ และฉลาดทำ

ถ้าชาตินี้มันจะรวยก็ช่วยไม่ได้จะดีกว่ามั้ย?

 

เอเมน สาธุ

ป.วิสุทธิปัญญา

12-11-2019