22 พฤศจิกายน 2562

สนทนาประสาจิตจักรวาล 22/11/2019

 #สนทนาประสาจิตจักรวาล

 

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

 

ถ้าท่านต้องการสนทนากับพระเจ้า

เพื่อเพียงจะกราบทูลพระองค์ว่า

 

1. จุดมุ่งหมายของท่าน

คือ การวิวัฒน์ มิใช่การลงทัณฑ์

 

2. จุดมุ่งหมายของท่าน

คือ การเติบโต

มิใช่การเติบโตเพื่อตาย

 

3. จุดมุ่งหมายของท่าน

คือ การมีประสบการณ์

มิใช่พลาดโอกาสที่จะเรียนรู้มัน

 

4. จุดมุ่งหมายของท่าน

คือ การได้รับเป็นบางสิ่ง

มิใช่การหยุดที่จะเป็นในทุกสิ่ง

 

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

 

เราจะกล่าวต่อท่านทั้งหลาย

ในพระนามแห่งพระเจ้า

เพื่อสอนท่านให้ฉลาดคิดรู้ได้เอง

ในกรณีเหล่านี้ว่า

 

1. ไม่ว่าจะเป็นจุดมุ่งหมายทั้ง 4 ข้อนี้

หรือจะมีอีกสักกี่ร้อยพันข้อก็ตาม

 

ท่านจงรับรู้เอาไว้เถิดว่า

"พระผู้เป็นเจ้า" มิได้ทรงเข้ามาเกี่ยวข้อง

ในแผนการดำเนินชีวิตของท่านแต่อย่างใด

 

ดังนั้น

จุดมุ่งหมายใดจะบรรลุผลสมดั่งใจหรือไม่

มันจึงมิใช่แผนการของพระเจ้า

แม้ปากของท่านจะร่ำร้องขอพรจากพระเจ้า

พระองค์ก็มิอาจประทานให้

เป็นไปตามที่ท่านต้องการได้

เพราะว่ามันมิใช่ภารกิจของพระเจ้า

 

2. ท่านทั้งหลายต้องรู้เอาไว้ด้วยว่า

พระบิดาทรงกำหนดสร้างให้โลกนี้

เป็นดาวเคราะห์แห่งทางเลือกเสรี

มาตั้งแต่เมื่อแรกสร้างแล้ว

 

ถ้าท่านต้องการสิ่งใดในชีวิตทั้งดีชั่ว

ท่านก็สามารถใช้อำนาจในตนเอง

ไขว่คว้ามันมาได้ด้วยตัวของท่านเอง

เพียงแต่ท่านต้องดำรงอยู่

ภายใต้กฎเกณฑ์ของพระองค์

นั่นคือกฎแห่งการสมดุลกันของทุกสรรพสิ่ง

 

ท่านทั้งหลายจักต้องรู้ด้วยว่า

อำนาจด้านบวกในตนเองที่ท่านมีอยู่

ก็เป็นอำนาจแห่งพระผู้เป็นเจ้า

เพราะท่านทั้งหลายล้วนมีพระเจ้าในตนเอง

ท่านทั้งหลายจึงต้องพยายามเข้าถึง

อำนาจสูงสุดด้านบวกในตนเองให้ได้

แล้วใช้พลังอำนาจด้านบวกนั้น

ทำตามจุดมุ่งหมายทั้ง 4 ข้อหรือมากกว่า

เพื่อให้ได้มาในแบบที่ท่านต้องการอย่างเสรี

 

3. การที่ท่านไม่บรรลุเป้าหมายแห่งการวิวัฒน์

เพราะท่านล้มเหลวในสิ่งที่ทำในสิ่งที่หวัง

จึงต้องรับผลกรรมเลวร้ายจากความล้มเหลวนั้น

โดยทึกทักเอาเองว่า "พระเจ้า" เป็นผู้ลงทัณฑ์

 

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

 

ท่านจักต้องรู้สำนึกเอาไว้ด้วยว่า

ท่านเองก็เป็นคนๆหนึ่ง

ที่มิได้แตกต่างจากคนส่วนใหญ่บนโลกใบนี้

ตรงที่ไม่ยอมรับความล้มเหลวใดๆ

อันเกิดจากความไม่เอาไหนของตัวเอง

แล้วเที่ยวโยนความผิดบาปให้คนอื่นแทน

ตัวอย่างเช่น

 

พอล้มเหลวในเรื่องงมงายก็หันไปโทษผี

เมื่อล้มเหลวในเรื่องอยากได้ใคร่มี

ก็หันไปกล่าวโทษ "พระเจ้า"

โดยไม่เคยกล่าวโทษตัวเองเลยว่า

 

ไม่ว่าจะดีหรือจะชั่วก็เพราะ "ตัวทำ"

ไม่ว่าจะสูงจะต่ำก็เพราะ "ทำตัว"

 

คนส่วนใหญ่จึงมักจะใช้มือ "ชี้โทษ" ผู้อื่น

โดยไม่เคยสังเกตว่านิ้วที่ชี้โทษผู้อื่นอยู่

มันเป็นแค่ "นิ้วชี้" เพียงนิ้วเดียวเท่านั้นเอง

แต่นิ้วที่เหลืออยู่อีกตั้งสองสามนิ้วนั้น

มันกำลังชี้เข้าหาตัวเองโดยแท้

 

ในที่สุดแล้วใครกันแน่ที่ควรถูกเพ่งโทษ

ระหว่างตนเองกับคนอื่นๆ

 

ท่านทั้งหลายจักต้องรู้ว่า

 

ความฉลาด ความโง่ ความยโส โอหัง

ความประมาท ขาดสติ ความหลงตัวเอง

ความมีวิริยะ อุตสาหะ ความอดทน ความขยัน

ความมุ่งมั่น ความเชื่อมั่น ความรัก ฯลฯ

 

ทั้งหมดที่กล่าวนี้ คือ ตัวแทนของพระผู้เป็นเจ้า

ซึ่งเป็นคุณสมบัติทั้งด้านดีและเลวของท่าน

ที่พระองค์ได้ทรงประทานให้เป็นคุณสมบัติไว้

เพื่อให้ท่านเรียนรู้ที่จะฉลาดเลือกใช้มัน

 

แต่ถ้าท่านเข้าถึงพระเจ้าในตนเองเหล่านี้ไม่ได้

จนต้องพบกับความปราชัยย่อยยับอับเฉา

แล้วท่านจะมาร้องแรกแหกกะเฌอหาพระเจ้า

เสมือนตำหนิติเตียนพระองค์ได้อย่างไรกัน

 

4. การที่ท่านไม่บรรลุเป้าหมายของการเติบโต

แต่ท่านต้อง "เติบตาย" คือ โตมาเพื่อตายนั้น

ท่านก็สมควรต้องเอาความโง่ออกจากตา

แล้วฉลาดคิดรู้ฉลาดพิจารณาบ้างว่า

 

ความจริงแล้ว......

พระเจ้าได้ทรงสร้างเครื่องยนต์แห่งกรรม

ที่ยอดเยี่ยมยิ่งกว่านวัตกรรมใดๆเสียอีก

เพื่อให้ท่านทั้งหลายได้ "ยืมใช้" กันทั้งชีวิต

เป็นเครื่องยนต์แห่งกรรมที่เติบโตได้เรื่อยๆ

พอโตเต็มที่แล้วหากมีการสึกหรอ

ก็สามารถซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอเองได้ด้วย

 

พระเจ้าทรงให้ชีวิตที่จีรังแก่ท่านทั้งหลาย

ด้วยเครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์

ที่ไม่มีวันตาย...ไม่มีวันตาย.....ไม่มีวันตาย

 

แต่เป็นเพราะท่านดูแลและเลี้ยงดูมันไม่เป็น

ปฏิบัติกับมันอย่างไม่ถูกต้อง

โดยเอาแต่ใช้งานแต่ขาดการใส่ใจดูแล

จึงเกิดการเสื่อมจนต้องตาย

นี่มันมิใช่เพราะตัวท่านทำร้ายตัวเองดอกหรือ

 

ท่านทั้งหลายคงไม่รู้หรอกว่า

ความโง่กับความหลงตัวเองของท่าน

มันทำให้ท่านขาดสติไร้สำรวม

จนหาญกล้าตำหนิ "พระเจ้า" ผู้ให้กำเนิดท่าน

ซึ่งเป็นความผิดบาปอันยากแก่การให้อภัย

 

5. กรณีที่ท่านไม่บรรลุเป้าหมาย

ในการหาประสบการณ์เพราะท่านพลาดมัน

นี่ก็เป็นความผิดพลาดล้มเหลวของท่านเอง

มิใช่การผิดพลาดตามพระบัญชาของพระเจ้า

 

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

 

ถ้าวันๆท่านเอาแต่นั่งกินนอนกินดั่งคนพิการ

ท่านก็จะพลาดประสบการณ์ชีวิตในโลกกว้าง

พระเจ้าจะบังคับให้ท่านออกจากบ้าน

เพื่อไปหาประสบการณ์นอกบ้านได้หรือ

 

ถ้าเท้าสองข้างของท่านไม่ยอมก้าวย่าง

ถ้าสองตาท่านไม่ยอมเบิ่งกว้างออกมองหา

ถ้าสติปัญญาของท่านยังมิอาจใช้การได้

เพราะสมองสองซีกของท่านมันไม่ทำงาน

 

6. การที่ท่านไม่บรรลุเป้าหมาย

ในการเป็นบางสิ่ง

แต่กลับหยุดที่จะเป็นในบางสิ่งนั้นแทน

โดยท่านหมายถึง...

 

การอยากร่ำรวยเป็นเศรษฐี

แต่ท่านมิอาจมีความร่ำรวยตามต้องการได้

 

การอยากจะเป็นคนดี

แต่ท่านก็มิอาจเป็นคนดีกับใครเขาได้

 

การอยากจะรวยสนมรวยเมีย

แต่ทานก็มิอาจทำตนตามกิเลสตัณหานั้นได้

หรืออื่นๆ...

 

เราขอถามท่านว่า

การที่ใครคนไหนจะรวยได้หรือไม่ได้

มันเป็นสิทธิของใครคนนั้นมิใช่หรือ

 

เพียงขยันทำมาหากิน หนักเอาเบาสู้

ฉลาดใช้ปัญญาในการประกอบสัมมาอาชีวะ

ฉลาดใช้เงิน และฉลาดอดออม

กฎเกณฑ์ง่ายๆเหล่านี้ก็ช่วยให้ไม่จนได้แล้ว

 

อยากเป็นคนดี แต่เป็นไม่ได้

ก็ลองใช้ปัญญาตรึกตรองดูสิว่า

ใครห้ามไม่ให้ท่านเป็นคนดีล่ะ

พระเจ้า...อีกแล้วหรือ?

 

อยากรวยสนมรวยเมีย

แต่ท่านเป็นอย่างที่ต้องการไม่ได้

 

เพราะไม่มีปัญญาเลี้ยงดู

เพราะที่จะเลือกเอามานั้นดันเป็นเมียคนอื่น

เพราะลูกเมียของท่านเองเขายอมรับไม่ได้

เพราะสังคมไม่ยอมรับ

 

ก็ต้องถามตนเองด้วยว่า

เพราะอะไรท่านจึงทำตามใจตนไม่ได้

ไหงจึงโทษ "พระเจ้า"

หรือหาว่า "พระเจ้า" ไม่เข้าข้าง

ทั้งๆที่พระเจ้าก็อยู่ในตัวท่านเองแท้ๆ

 

7. เราจะกล่าวความจริงให้ท่านรู้ว่า

ความคิดของท่านที่กล่าวไว้นั้น

มันอาจฟังดูดีมีสำนวนชวนชื่นชม

แต่เราเห็นว่ามันเป็นแค่บทกวีนิพนธ์เท่านั้น

หาใช่ผลึกแห่งการคิดเชิงสัจธรรมไม่

 

ถ้าชีวิตนี้เป็นอย่างที่ต้องการไม่ได้

ถ้าชีวิตนี้ทำอย่างที่ต้องการไม่ได้

ถ้าชีวิตนี้มีอย่างที่ต้องการไม่ได้

 

ก็จงอย่าได้เพ่งโทษพระเจ้า

อย่าได้แต่พร่ำบ่นกับพระเจ้า

อย่าได้แต่ร้องขอต่อพระเจ้า

 

จงรีบพิจารณาตนเอง

เพื่อหาข้อบกพร่องผิดพลาดให้พบ

แล้วจงเริ่มต้นสานฝันกันใหม่

 

จงบ่นกับตนเองดีกว่า

อย่าไปบ่นกับใครให้เขารำคาญ

เพราะการบ่นนั้นมันไร้ประโยชน์

 

ให้ท่านทั้งหลายจงร้องขอต่อตนเอง

อยากสำเร็จเร็วก็เร่งลงมือทำอย่างไม่รั้งรอ

อยากก้าวหน้าอย่างราบรื่นก็จงอย่าประมาท

ท่านจะต้องทำด้วยความมุ่งมั่นและเชื่อมั่น

ทำทุกสิ่งด้วยการเคารพตนเอง

ทำทุกสิ่งด้วยการยำเกรงต่อพระเจ้า

ด้วยความสำนึกรู้ตลอดเวลาว่า

องค์จิตจักรวาลหรือพระเจ้าทรงประทับอยู่

ภายในเครื่องยนต์แห่งกรรมของตัวท่านเอง

 

เอเมน สาธุ

ป.วิสุทธิปัญญา

22-11-2019